การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6316
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1631 รหัสสำเนา 19010
คำถามอย่างย่อ
อิมามซะมาน (อ.) มีความคล้ายเหมือนและมีความต่างอย่างไร กับผู้ถูกสัญญาในศาสนาอื่นทั้งศาสนาที่มาจากฟากฟ้าและมิได้มาจากฟากฟ้า?
คำถาม
อิมามซะมาน (อ.) มีความคล้ายเหมือนและมีความต่างอย่างไร กับผู้ถูกสัญญาในศาสนาอื่นทั้งศาสนาที่มาจากฟากฟ้าและมิได้มาจากฟากฟ้า?
คำตอบโดยสังเขป

ศาสนาที่มีชื่อเสียงบนโลกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนาแห่งฟากฟ้าหรือศาสนาที่นับถือพระเจ้าจะมีจุดร่วมเดียวกัน กล่าวคือจะมีชายคนหนึ่งปรากฏกายออกมา ซึ่งบุคคลนั้นจะมีคุณค่ามากมาย และรัฐบาลสากลของเขาจะสร้างความยุติธรรม ความสงบสุข อีกทั้งยังความปลอดภัยแก่ประชาชนทั่วโลก ผลกระทบของการฉ้อฉลอธรรมและความหยิ่งยโสจะไม่หลงเหลืออีกต่อไป เขาจะช่วยเหลือผู้ได้รับกดขี่ให้รอดพ้นจากกงเล็บของผู้กดขี่รุกรานทั้งหลาย ภารกิจของโลกจะถูกมอบให้แก่ผู้ได้รับการกดขี่ข่มเหง เขาจะเป็นผู้พึ่งพาความยุติธรรม สร้างดุลยภาพให้บังเกิดบนโลกนี้ และประชาโลกทั้งหลายจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสันติบนพื้นฐานความเป็นพี่น้องกัน

กระนั้นบนพื้นฐานดังกล่าวนี้ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก เอกลักษณ์ของผู้ปลดปล่อยในบางศาสนาคือ ศาสดาแห่งศาสนานั้น และบางศาสนาก็มิได้อธิบายให้ชัดเจนแต่อย่างใด หรือบกพร่องและไม่เป็นที่รับรู้, บุคลิกภาพ, คุณลักษณะต่างๆ, การมีชีวิตอยู่, ช่วงของการปรากฏกาย, การปรากฏรูปลักษณ์ของผู้ปลดปล่อย, การรอคอยเขา, ชื่อและฉายานาม และอีกมากมายหลายประการอันเป็นปัญหาที่มีความแตกต่างกัน และมีความเห็นไม่ตรงกัน

คำตอบเชิงรายละเอียด

การแนะนำผู้ได้ถูกสัญญาไว้ในยุคสุดท้ายของการมีอายุขัยของมนุษย์ เป็นคำสั่งหนึ่งที่ศาสนาและนิกายต่างๆ ได้ให้ความสำคัญเอาไว้อย่างมาก, เพียงแต่ว่าจำนวนศาสนาอันมากมายด้านหนึ่ง ประกอบกับหัวข้อนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่มีคำถามเกิดขึ้นมาก อีกแง่หนึ่งการที่จะวิเคราะห์ในทุกแง่ทุกมุมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

อีกแง่หนึ่งการเปลี่ยนแปลงและการอุปโลกน์จำนวนมาก และความเป็นไปไม่ได้ที่จะพิจารณาต้นฉบับของคัมภีร์แห่งฟากฟ้าฉบับแรกๆ (ยกเว้นอิสลาม) สิ่งนี้ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ไม่สามารถกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ถึงความน่าเชื่อถือ ของศาสนาเหล่านั้น

ในบทความสั้นๆ นี้พยายามที่จะกล่าวอย่างรวบรัดในเชิงสรุปความ บนพื้นฐานของตำรับตำราและแหล่งอ้างอิงที่มีอยู่ของศาสนาเหล่านั้น อาทิเช่น ศาสนาอิสลาม, ยะฮูดียฺ, คริสต์, และพุทธศาสนา

ดังนั้น กรอบของการพูดคุยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้ ...

) วิสัยร่วมกันของศาสนาต่างๆ

1.สัญญาของการแจ้งข่าวการปรากฏกาย

2.บุคลิกภาพอันสูงส่งและการเลือกสรรผู้ช่วย

3.รัฐบาลสากล

4.สถาปนาความยุติธรรม ความสงบ และทำลายความอธรรม

5.การเป็นผู้สืบทอดการปกครองบนหน้าแผ่นดิน ของบ่าวผู้บริสุทธิ์ถูกอธรรม

) วิสัยที่แตกต่างของศาสนาต่างๆ

1.สัญลักษณ์ของผู้ปลดปล่อย คำสัญญา และฉายานาม

2.สถานภาพและฐานันนดรทางจิตวิญญาณของผู้ถูกสัญญา

) วิสัยร่วมกันของศาสนาต่างๆ

1.สัญญาของการแจ้งข่าวการปรากฏกาย :

อิสลาม

ประเด็นดังกล่าวนี้เป็นหลักความเชื่อแน่นอนของศาสนาอิสลาม ทั้งอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซอิสลาม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายธารชีอะฮฺ) ได้มีการอธิบายไว้อย่างกว้างขวาง[1]

อัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสในโองการว่า :

"وعدالله الذین آمنوا منکم و عملوا الصالحات لیستخلفنهم فی الارض"

อัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่สูเจ้าและกระทำความดีทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดบนแผ่นดิน[2]

โองการนี้พระองค์ทรงสัญญาเรื่องการปรากฏกายเอาไว้, มีรายงานจากท่านอิมามมุฮัมมัดตะกียฺ (.) กล่าวว่า : กออิมของเราก็คือมะฮฺดียฺผู้ถูกสัญญาเอาไว้ ...ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พระผู้ทรงแต่งตั้งให้มุฮัมมัดเป็นนบี และส่งเขามา และทรงแต่งตั้งให้พวกเราเป็นอิมามะฮฺเฉพาะว่า มาตรแม้นว่าโลกจะมีอายุขัยเพียงแค่วันเดียว อัลลอฮฺ จะทรงทำให้วันนั้นยาวนานออกไป, เพื่อมะฮฺดียฺจะได้ปรากฏกายออกมา และทำให้โลกนี้เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม, ดุจดังเช่นที่โลกเคยเปี่ยมไปด้วยความอธรรมมาแล้ว[3]

ยะฮูดีย์

ตามคำสอนของศาสนายะฮูดียฺได้มีการกล่าวถึง การปรากฏกายของ มาชีฮ์ (mashiah) ซ้ำหลายครั้ง[4] ในวันนั้นเสียงแตรสังข์ของ มะกาอีลี จะดั่งสนั่น....และผู้ที่นอนอยู่ในพื้นดิน (คนตาย) จะฟื้นคืนชีพขึ้นมามากมาย บางคนฟื้นขึ้นมาเพื่อการมีชีวิตนิรันดร์ และบางคนฟืนขึ้นมาเพื่อชีวิตตกต่ำรันทดตลอดไป[5]

คำพูดดังกล่าววิพากถึงเรื่องการรัจญฺอัต (ย้อนกลับคืน) ในสมัยการปรากฏกายของอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งได้รับการเน้นย้ำไว้อย่างมากมายในหลักความเชื่อของมุสลิม

ศาสนาคริสต์

ผู้ปฏิบัติตามตริสตศาสนา (คาทอลิค ออโทรดอกซ์ และโปรแตสแตนต์) ต่างรอคอยผู้มาช่วยเหลือที่ถูกสัญญาไว้เช่นกันเนื่องพระบุตรซึ่งเป็นมนุษย์ที่จะมาในพระสิริของพระองค์ และบรรดาทวยเทพต่างลงประทับบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่[6]

ฉันได้ถามพระบิดาว่าจะมีการมอบอำนาจอื่นแก่พระองค์อีกไหม เพื่อว่าพระองค์จะธำรงไปตลอดกาล, หมายถึงจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ซึ่งโลกไม่อาจมองเห็นได้[7]

โซโรอัสเตอร์

บรรดาผู้ติดตามศาสนานี้ต่างรอคอยผู้ถูกสัญญา 3 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านจะปรากฏกายโดยมีระยะเวลาห่างกันประมาณ 1,000 ปี และทั้งหมดเป็นโอรสของ พระโซโรอัสเตอร์ โอรสที่สามมีนามว่า อัสทรัตอิราตา (Astrat- Ersta) ซึ่งตามคำสอนของศาสนานี้ถือว่าเป็นผู้ถูกสัญญาองค์สุดท้าย

คัมภีร์ อเวสตะ เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า   โอ้ ผู้บริสุทธิ์จะปรากฏมาในวันรุ่งอรุณที่สดใส ส่องสว่างไปด้วยพระรัศมี พระองค์จะบำรุงศาสนาที่เที่ยงธรรมให้มั่นคง และประกาศเชิญชวนให้ผู้คนมาสู่ศาสนาของพระองค์ด้วยวิทยปัญญาและสันติวิธี แล้วผู้ใดเล่าที่ละทิ้งศาสนาของพระองค์ ขณะที่ผู้ตอบรับคำเชิญได้กลายเป็นมิตรและผู้ปลดปล่อยพระองค์ ดังนั้น เพื่อแจ้งข่าวการปรากฏกายของผู้ปลดปล่อยเราขอแต่งตั้งเจ้า โอ้อาหุรา

ข้าขอสรรเสริญต่อพระผู้ทรงพลานุภาพ ผู้ทรงสร้างแสงอันเรืองรอง,....ขณะที่พระองค์สร้างโลกใหม่....ในเวลานั้นเมื่อผู้ตายได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อกลับสู่การดำรงชีวิตนิรันดร์[8]

บุคลิกภาพอันสูงส่งและการเลือกสรรผู้ช่วย

ตามคำสอนของศาสนาต่างๆ จะพบว่ามีบุคคลผู้ให้การช่วยเหลือทีได้ถูกสัญญาไว้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งทางศาสนา, เพียงแต่ว่าอิสลามได้ให้ความสำคัญพิเศษเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามมะฮฺดียฺ ซอฮิบุซซะมาน (.)

ตามทัศนะของอิสลาม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีอะฮฺ) ผู้ให้การช่วยเหลือในยุคสุดท้ายนั้น ต้องมีคุณลักษณะพิเศษแห่งความเป็นมนุษย์ชาติและต้องได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า, เช่น ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์, ต้องเป็นสื่อกลางแห่งพระมหากรุณาธิคุณ, เป็นผู้รับความเมตตาธิคุณ และความจำเริญทั้งปวงของพระเจ้า, ศูนย์กลางของการดำรงอยู่และเป็นสาเหตุแห่งความสงบผ่อนคลายในระบบของการดำรงอยู่ เหล่านี้คือลักษณะที่โดดเด่นของผู้ที่จะมาให้การช่วยเหลือโลก ซึ่งอิสลามได้มอบหมายภารกิจนี้แด่ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ส่วนในศาสนาอื่นๆ ก็มีการกล่าวถึงคุณลักษณะพิเศษของผู้ถูกสัญญาเอาไว้อย่างสวยงามเช่นกัน ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถค้นคว้าได้จากคำสอนของคัมภีร์ในศาสนาเหล่านั้น

3. รัฐบาลสากล

ศาสนาที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของโลกต่างกล่าวว่า ผู้ให้การช่วยเหลือโลกนั้นจะสถาปนารัฐบาลสากลขึ้น ซึ่งรัฐบาลของท่านจะปกครองเหนือชาวโลกทั้งปวง, ในลักษณะทีว่าทุกประเทศและทุกเชื้อชาติ, ทุกศาสนาและทุกวัฒนธรรมต่างอยู่ภายใต้ธงชัยผืนเดียวกัน หรือเป็นความสุขและเป้นความพึงพอใจของสังคมทั้งหมด

อิสลาม

พระองค์คือ ผู้ส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมด้วยคำแนะนำและศาสนาแห่งสัจจะ เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นประจักษ์เหนือศาสนาทุกศาสนา และแม้ว่าบรรดาผู้ตั้งภาคีจะชิงชังก็ตาม[9]

จากโองการดังกล่าวเข้าใจได้ว่า ด้วยการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) รัศมีแห่งอิสลามจะขจรขจายไปทั่วสารทิศบนโลกนี้ ประชาโลกทั้งหลายต่างน้อมรับและจำนนต่ออิสลาม, หรือจะพินาศภายใต้ใบมีดอันคมกริบของความยุติธรรม และธงชัยแห่งอิสลามจะถูกชักสูยอดเสาด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีในทุกที่ 

ยะฮูดียฺ

เซยูร ดาวิด (.) กล่าวว่าโอ้ ข้าพระผู้เป็นเจ้า,โปรดมอบกฎเกณฑ์และบทบัญญัติของพระองค์,กรรมสิทธิ์และบทบัญญัติของพระองค์ ให้แก่ผู้ปลดปล่อย เพื่อว่าเขาจะได้ปกครองโลกตั้งแต่มหาสมุทรสู่มหาสมุทร จากน่านน้ำสู่น่านน้ำ จนกระทั่งไปถึงจุดที่ไกลโพ้นที่สุด[10]

คริสเตียน

ชนทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์จะรวบรวมอยู่  เขา[11]

4.สถาปนาความยุติธรรม ความสงบ และทำลายความอธรรม

การสถาปนาความยุติธรรม และความสงบบนโลกนี้ พร้อมกับทำลายความอยุติธรรมให้หมดไป ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ว่าที่ใดก็ตามเมื่อมีการกล่าวถึงผู้ปลดปล่อยโลก ประเด็นนี้จะได้รับการเน้นย้ำเป็นพิเศษ

อิสลาม

การแจ้งข่าวอันจำเริญยิ่งมากกว่าสิ่งใดแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายคือ การให้สัญญาเรื่องการสถาปนารัฐบาลสากลบนหน้าแผ่นดิน, การได้รับชัยชนะเหนือผู้กดขี่และความอธรรมทั้งหลาย พร้อมกับการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบสุขปราศจากภยันตรายและความหวาดกลัวทั้งปวง ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและมีความพึงพอใจพิเศษอัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้มีศรัทธาในหมู่พวกเจ้าและบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดบนหน้าแผ่นดินเสมือนดังที่พระองค์ ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดมาก่อนแล้ว และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขา ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเป็นที่มั่นคง เป็นเกียรติแก่พวกเขา และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัยหลังจากความกลัวของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีข้า ไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อข้า[12]

ยะฮูดียฺ

และเขาจะตัดสินหมู่ชนของเจ้าด้วยความยุติธรรม ทำให้วิถีชีวิตของเจ้าดำเนินไปอย่างราบเรียบ ... ทำความผู้อธรรมทั้งปวงบนโลกนี้.... ในยุคสมัยของเขาท่านจะพบบ่าวผู้บริสุทธิ์จำนวนมากมาย...และประชาชาติทั้งหมดบนโลกนี้จะสร้างพึงพอใจแก่เขา[13]

ใครคือผู้วางรากฐานความยุติธรรม  เบื้องเท้าของเขา...และทำให้เขากลายเป็นมหาจักรพรรดิปกครอง[14]

ตามคำสอนของศาสนาฮินดูกล่าวว่าวิถีการดำเนินชีวิตบนโลกในยุคสุดท้าย ได้ถูกมอบแด่พระมหาจักรพรรดิผู้มีความยุติธรรม ซึ่ง ...”[15]

5.การเป็นผู้สืบทอดการปกครองบนหน้าแผ่นดิน ของบ่าวผู้บริสุทธิ์ถูกอธรรม

ประเด็นดังกล่าวนี้ได้ถูกกล่าวไว้ในคำสอนของศาสนาต่างๆ เช่นเดียวกัน และเป็นความหวังสำหรับทุกคนว่า วันหนึ่งผู้กดขี่และเป็นมหาอำนาจจะประสบความปราชัยอย่างใหญ่หลวง และผู้ได้รับการกดขี่จะกลับกลายเป็นผู้มั่นคงแข็งแรง กลับมามีอำนาจบนโลกนี้

อิสลาม

และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำและจะทำให้พวกเขาเป็นผู้รับมรดก[16]

และแท้จริงนั้น เราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร หลังจากการตักเตือน ว่าแผ่นดินนี้จะสืบทอดโดยบรรดาบ่าวของฉันที่ดี[17]

ยะฮูดียฺ

เซยูร ..ส่วนบรรดาผู้มอบหมายแด่พระเจ้าเขาจะได้เป็นผู้ปกครองโลก ..ส่วนพวกที่อ่อนน้อมถ่อมตนที่ได้เป็นผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดินนั้น เขาจะมีความสุขและความศานติอย่างมากมาย ... และบรรดาผู้ซื่อสัตย์ที่ได้สืบทอดเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป[18]

โซโรอัสเตอร์

“...ด้วยนามของซูชิยานัต ผู้ครองชัยชนะ ซึ่งจะครอบคลุมเหนือเพื่อนพร้องทั้งหมด.. ส่วนคนชั่วที่สร้างบาปกรรมจะถูกทำลายทิ้งหมดสิ้น และผู้ใช้เล่ห์เพทุบายจะถูกขับไล่และถูกเนรเทศ[19] คำว่าซูชิยานัต หมายถึงผู้ให้การช่วยเหลือนั่นเอง

วิสัยที่แตกต่างของศาสนาต่างๆ

เนื่องจากมีความจำกัดในคำตอบของเรา ดังนั้น จะขอกล่าวคร่าวๆ เฉพาะ 2 ประเด็นสำคัญอันเป็นพื้นฐานหลักที่สุดของความต่าง

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    15975 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • วะฮฺยูคืออะไร ประทานลงมาแก่ศาสดาอย่างไร
    20068 อัล-กุรอาน 2553/10/21
    วะฮฺยู (วิวรณ์) "ในเชิงภาษาความถึง การบ่ชี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่เป็นชนิดหนึ่งของคำ หรือเป็นรหัสหรืออาจเป็นเสียงอย่างเดียวปราศจากการผสม หรืออาจเป็นการบ่งชี้และสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ความหมายและการนำไปใช้ที่แตกต่างกันของคำนี้ในพระคัมภีร์กุรอาน ทำให้เราได้พบหลายประเด็นที่สำคัญ : อันดับแรก วะฮฺยูไม่ได้เฉพาะพิเศษสำหรับมนุษย์เท่านั้น ทว่าหมายรวมถึงพืช สัตว์ และสิ่งไม่มีชีวิตอื่นด้วย .... (วะฮฺยู เมื่อสัมพันธ์ไปยังสิ่งมีชีวิตก็คือ การชี้นำอาตมันและสัญชาติญาณ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการชี้นำในเชิงตักวีนีของพระเจ้า เพื่อชี้นำพวกเขาไปยังเป้าหมายของพวกเขา) แต่ระดับชั้นที่สูงที่สุดของวะฮฺยู เฉพาะเจาะจงสำหรับบรรดาศาสดา และหมู่มวลมิตรของพระองค์เท่านั้น ซึ่งจุดประสงค์ในที่นี้หมายถึง การดลความหมายนบหัวใจของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) หรือการสนทนาของพระเจ้ากับท่านเหล่านั้น บทสรุปก็คือโดยหลักการแล้วการดลอื่นๆ ...
  • ระบบการศึกษาในโรงเรียนสอนศาสนาในอิหร่านเป็นอย่างไร?
    9746 ประวัติหลักกฎหมาย 2555/08/22
    ปัจจุบันวิธีการศึกษาศาสนาในสถาบันสอนศาสนา ณ ประเทศอิหร่าน จะยกระดับสูงมาก ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายระดับ เนื่องจากนักศึกษาทุกท่านก่อนเข้าศึกษาศาสนา ต้องจบการศึกษาระดับมัธยมปลายเป็นอย่างน้อย ระดับต้นของการศึกษา นักศึกษาทุกคนต้องศึกษาวิชา อิลมุล ซะรอฟ วิชาการเปลี่ยนแปลงคำ รูปแบบหรือโครงสร้างของลำดับคำในประโยคและวะล, อิลมุลนะฮฺวุ วิชาโครงสร้างของประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของภาษา, อิลมุลมะอานี วิชาวาทศาสตร์ หรือบางครั้งก็เรียก วาทศิลป์ เหมือนกัน, อิลมุลลุเฆาะฮฺ การเข้าใจความหมายของคำอย่างถูกต้อง, อิลมุลมันติก วิชาที่สอนให้รู้จักคิดอย่างถูกต้อง(ตรรกศาสตร์) ระดับที่สอง ซึ่งมีทั้งสิ้นสิบระดับด้วยกัน วิชาที่ต้องเรียนในระดับนี้คือ อุซูล วิชาหลักการ หรือกฎที่ใช้เป็นมูลฐานในการอธิบายปรากฏการณ์ หรือแนวคิด หรือกฎที่ใช้พิสูจน์บทบัญญัติ,ฟิกฮฺ หลักนิติศาสตร์อิสลาม และวิชาทั่วไปที่ต้องศึกร่วมประกอบด้วย เทววิทยา ตัฟซีร เศรษฐศาสตร์, ประวัติศาสตร์,ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกุรอาน, จริยศาสตร์, ภาษาต่างประเทศ,คอมพิวเตอร์ และ...ระดับสามเรียกว่า บะฮัษคอริจญฺ ต้องเรียนอุซูลและฟิกฮฺระดับของการอิจญฺติฮาดเพื่อก้าวไปเป็นมุจญฺตะฮิด และวิชาเฉพาะที่ต้องศึกษาร่วมคือ ตัฟซีรกุรอาน เทววิทยาระดับสูง การเผยแพร่ ...
  • ท่านนบีเคยกล่าวปฏิญาณถึงตำแหน่งศาสนทูตของตน และตำแหน่งผู้นำของอิมามอลีในอะซานหรือไม่?
    7383 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2554/06/22
    จากการที่คำถามข้างต้นมีคำถามปลีกย่อยอยู่สองประเด็นเราจึงขอแยกตอบเป็นสองส่วนดังนี้1. ท่านนบีกล่าวปฏิญาณถึงตำแหน่งของตนในอะซานหรือไม่?จากการศึกษาฮะดีษต่างๆพบว่าท่านนบีกล่าวยืนยันถึงสถานภาพความเป็นศาสนทูตของตนอย่างแน่นอนทั้งนี้ก็เพราะท่านนบีก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามศาสนกิจเฉกเช่นคนอื่นๆนอกเสียจากว่าจะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าท่านนบีได้รับการอนุโลมให้สามารถงดปฏิบัติตามบทบัญญัติใดบ้าง อย่างไรก็ดีไม่มีหลักฐานยืนยันว่าท่านได้รับการอนุโลมไม่ต้องเปล่งคำปฏิญาณดังกล่าวในอะซานในทางตรงกันข้ามมีหลักฐานยืนยันมากมายว่าท่านเปล่งคำปฏิญาณถึงเอกานุภาพของอัลลอฮ์และความเป็นศาสนทูตของตัวท่านเองอย่างชัดเจนและแน่นอน.2. ท่านนบีกล่าวปฏิญาณถึงตำแหน่งผู้นำของอิมามอลีหรือไม่?ต้องยอมรับว่าเราไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่าท่านเคยกล่าวปฏิญาณดังกล่าวนอกจากนี้ในสำนวนฮะดีษต่างๆจากบรรดาอิมามที่ระบุเกี่ยวกับบทอะซานก็ไม่ปรากฏคำปฏิญาณที่สาม(เกี่ยวกับวิลายะฮ์ของอิมามอลี)แต่อย่างใดอย่างไรก็ดีเรามีฮะดีษมากมายที่ระบุถึงผลบุญอันมหาศาลของการเอ่ยนามท่านอิมามอลี(อ)ต่อจากนามของท่านนบี(ซ.ล)(โดยทั่วไปไม่เจาะจงเรื่องอะซาน) ด้วยเหตุนี้เองที่อุละมาอ์ชีอะฮ์ล้วนฟัตวาพ้องกันว่าสามารถกล่าวปฏิญาณดังกล่าวด้วยเหนียต(เจตนา)เพื่อหวังผลบุญมิไช่กล่าวโดยเหนียตว่าเป็นส่วนหนึ่งของอะซานทั้งนี้ก็เนื่องจากมีข้อสันนิษฐานว่าประโยคดังกล่าวมิได้เป็นส่วนหนึ่งของอะซานอันถือเป็นศาสนกิจประเภทหนึ่ง. ...
  • เพราะสาเหตุใด การถอนคิ้วสำหรับสาววัยรุ่นทั้งหลาย จึงไม่อนุญาต?
    8961 สิทธิและกฎหมาย 2556/01/24
    คำตอบจากสำนักมัรญิอฺตักลีดทั้งหลาย เกี่ยวกับการถอนคิ้วของสาววัยรุ่น มีรายละเอียดดังนี้ มัรญิอฺตักลีดทั้งหมด : มีความเห็นพร้องต้องกันว่า การทำเช่นนี้โดยตัวของมันแล้วถือว่า ไม่มีปัญหาทางชัรอียฺ (แม้ว่าจะมองไม่ออกนักก้ตาม) ซึ่งโดยปกติต้องปกปิดหน้าตนจากชายที่สามารถแต่งงานกันได้[1] ฉะนั้น การกระทำดังกล่าว โดยตัวของมันแล้วถือว่าไม่มีปัญหา แม้ว่าในกรณีนี้บรรดามัรญิอฺตักลีด จะมีความเห็นว่าการใส่ใจต่อสาธารณเป็นสิ่งดีงามก็ตาม[2] [1] ข้อมูลจาก ซีดี เพรเซะมอน
  • ชะตากรรมของเหล่าภรรยาท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) หลังจากเหตุการณ์กัรบะลาอฺเป็นอย่างไรบ้าง?
    7116 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) มีภรรยาทั้งสิ้น 5 คน, นักประวัติศาสตร์บางท่านจำนวนบุตรของท่านท่านอิมาม (อ.) ที่เกิดจากภรรยาเหล่านี้มีจำนวน 6 คนหรือบางคนกล่าวว่ามีมากกว่า
  • เพราะสาเหตุใดการใส่ทองคำจึงฮะรอมสำหรับผู้ชาย?
    11670 ปรัชญาของศาสนา 2554/06/22
    ตามทัศนะของนักปราชญ์และผู้รู้การสวมใส่ทองคำสำหรับผู้ชายมีผลกระทบที่สามารถทำลายล้างได้กล่าวคือก) เป็นการกระตุ้นประสาท[1], ข) การเพิ่มจำนวนที่มากเกินไปของเซลล์เม็ดเลือดขาว[2]เหล่านี้คือผลเสียที่สามารถกล่าวถึงได้แต่ประเด็นทีต้องพิจารณาความรู้ที่รับผิดชอบต่อ"สุขภาพพลานามัย" ของมนุษย์ในขณะการปรับปรุงและพัฒนามิติด้านอาณาจักรที่เร้นลับและมิติทางจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้ที่เป็นกังวลสมควรเป็นมุสลิมมากที่สุดซึ่งต้องพิจารณาที่ "ร่างกาย" และ "ความรู้" ระดับในการแสดงออกและเป็นบทนำสำหรับการพิจาณาในขั้นต่อไปเนื่องจากมนุษย์มิใช่เป็นเพียงดินหรือวัตถุเท่านั้นความเป็นมนุษยชาติขึ้นอยู่กับการเติบโตของความสามารถและศักยภาพต่างๆของมนุษย์พระเจ้าผู้ทรงอำนาจได้ประทานให้แก่พวกเขาโดยมีประสงค์ให้เขาบรรลุตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺของพระองค์แต่จริงๆแล้วแนวทางที่ทำให้พรสวรรค์นี้เติบโตคืออะไร? ศัตรูและอุปสรรคของหนทางนี้อยู่ตรงไหน?อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้อธิบายถึงแนวทางและอุปสรรคขวางกั้นพรสวรรค์และศักยภาพของมนุษย์ไว้ในรูปแบบของบัญญัติแห่งศาสนาในฐานะที่เป็นพระมหากรุณาธิคุณด้วยการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆแล้วไม่อาจมีข้อสงสัยใดๆได้เลยว่าบทบัญญัติพระเจ้าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นภายนอกและในตัวเองแต่ถ้าต้องการทราบถึงปรัชญาของสิ่งนั้นจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ด้วย:1- มนุษย์สามารถรับรู้ปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติของพระเจ้าได้หรือไม่? แน่นอนคำตอบคือไม่เนื่องจาก:ก) เนื่องจากในตำราทางศาสนามิได้กล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติเอาไว้ข) บทบัญญัติที่กล่าวถึงปรัชญาของตัวเองเอาไว้ไม่อาจรับรู้ได้ว่ากล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดแล้วหรือไม่, ทว่าบางครั้งบทบัญญัติเพียงข้อเดียวก็มีปรัชญากล่าวไว้อย่างมากมายแต่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่จะกล่าวบางข้อเหล่านั้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำค) ความรอบรู้ของมนุษย์ก็สามารถค้นหาปรัชญาและวิทยปัญญาบางประการของบทบัญญัติได้เท่านั้นมิใช่ทั้งหมด
  • ถ้าหากไม่รู้ประเด็นปัญหา ได้ฝังศพไปโดยไม่ได้ใส่พิมเสนบนอวัยวะทั้งเจ็ดแห่ง หน้าที่เราควรจะทำอย่างไร?
    5874 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/17
    หลังจากฆุซลฺมัยยิตแล้ว,วาญิบต้องฮุนูตให้แก่มัยยิต,หมายถึงให้เอาพิมเสนใส่ไปที่หน้าผาก, ฝ่ามือทั้งสองข้าง, หัวเข่าทั้งสองข้าง, และที่ปลายหัวแม่เท้าทั้งสองข้าง[1] แต่หลังจากฝังเรียบร้อยแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ใส่พิมพ์เสนให้มัยยิต กรณีที่ศพที่อยู่ในหลุมยังมิได้เน่าเปื่อย หรือยังมิได้ส่งกลิ่นเหม็น, วาญิบต้องขุดศพและใส่พิมเสนในหลุมนั้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องนำมัยยิตออกมาจากหลุม, แต่ถ้าเป็นสาเหตุนำไปสู่การไม่ให้เกียรติมัยยิต (เช่น มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา หรือร่างเน่าเปื่อยแล้วบางส่วน และ ...) ไม่วาญิบต้องใส่พิมเสนอีกต่อไป[2] คำถามข้อนี้, ไม่มีคำตอบเป็นรายละเอียด [1] อิมามโคมัยนี, เตาฎีฮุลมะซาอิล (มะฮัดชี), ค้นคว้าและแก้ไขโดย, บนีฮาชิมมี โคมัยนี้, ซัยยิดมุฮัมมัดฮุเซน, ...
  • เพราะเหตุใดอัลกุรอานบางโองการ มีความหมายขัดแย้งกับความบริสุทธิ์ของศาสดา
    7708 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    คำตอบสำหรับคำถามข้างต้นสามารถกล่าวได้ว่า1) คำว่าอิซมัตเป็นสภาพหนึ่งทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่มีความบริสุทธิ์อันเป็นสาเหตุทำให้บุคคลนั้นหันหลังให้กับบาปกรรมพฤติกรรมชั่วร้ายและความผิดต่างๆโดยสิ้นเชิงอีกทั้งสภาพดังกล่าวยังปกป้องบุคคลนั้นให้รอดพ้นจากความผิดพลาดและการหลงลืมโดยปราศจากการปฏิเสธเจตนารมณ์เสรีหรือมีการบีบบังคับให้บุคคลนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์2. ...
  • มะลาอิกะฮ์และญินรุดมาช่วยอิมามฮุเซน(อ.)จริงหรือไม่ และเหตุใดท่านจึงปฏิเสธ?
    7974 تاريخ بزرگان 2554/12/03
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59308 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56759 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41585 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38350 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38324 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33397 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27491 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27172 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27061 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25139 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...