การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
5752
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/23
 
รหัสในเว็บไซต์ fa11610 รหัสสำเนา 21051
คำถามอย่างย่อ
ถ้าหากศาสนาถูกส่งมาเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของโลก และปรโลกของมนุษย์ เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุใดโลกบางส่วนที่มิใช่สังคมศาสนาจึงมีความก้าวหน้ามากกว่าสังคมศาสนา?
คำถาม
ท่านกล่าวว่า ศาสนามาเพื่อสร้างสรรค์ความก้าวหน้าให้แก่ชีวิตทางโลกนี้ และปรโลกของมนุษย์ ขณะที่เราเห็นว่า สังคมที่มิใช่สังคมศาสนานั้นมีความก้าวหน้ายิ่งกว่า. สิ่งเหล่านี้จะสามารถนำมารวมกันได้อย่างไร?
คำตอบโดยสังเขป

ศาสนาอิสลามมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย และเป็นกฎเกณฑ์สำหรับมนุษยชาติ.ดังที่เราจะเห็นว่ามะดีนะตุลนบี (ซ็อล ) คือตัวอย่างสังคมแห่งกฎเกณฑ์ หมายถึงมนุษย์ทุกคนได้สร้างความสัมพันธ์ต่อกันภายใต้กฎเกณฑ์อันเดียวกัน ท่านชะฮีดซ็อดร์ กล่าวว่า อิสลามได้มีเพื่อให้ความเข้าใจดังกล่าวสมจริง และให้หลักประกันสองประการแก่มนุษย์ อันได้แก่หลักประกันภายนอก ซึ่งหมายถึงระบบหรือกลุ่มซึ่งมีหน้าที่ดูแลการนำเอากฎหมายมาปฏิบัติใช้ในสังคม ส่วนอีกประการหนึ่งคือ หลักประกันภายในอันได้แก่แนวคิดและคุณค่าต่างๆ ที่อยู่ภายในตัวมนุษย์อันเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์มีความสำคัญและจำเป็น แต่น่าเสียดายว่าสังคมอิสลามส่วนใหญ่ห่างไกลจากความจริงของศาสนา และแก่นแท้ความเข้าใจของศาสนา และสังคมศาสนามิได้ถูกมองหรือถูกรู้จักว่าเป็นสังคมแห่งกฎเกณฑ์, แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อเหตุการณ์ใดก็ตามได้เกิดขึ้นในโลกตะวันตก เหตุการณ์นั้นจะกลายเป็นวัฒนธรรม และอารยธรรมมนุษย์ไปทันที ทั้งทีบางเหตุการณ์ได้ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้ต่ำต้อยน้อยค่ายิ่งกว่าดินเสียด้วยซ้ำไป แต่เรากลับชื่นชอบและมองว่านั่นคือความก้าวหน้าทางสังคม

คำตอบเชิงรายละเอียด

เกี่ยวกับประเด็นนี้ มีจุดหนึ่งที่ต้องพิจารณาใคร่ครวญเป็นพิเศษ นั้นคือ อิสลามได้มาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติทั้งหลาย ในรูปแบบของกฎเกณฑ์, มะดีนะฮฺนบี (ซ็อล ) คือตัวอย่างหนึ่งของเมืองแห่งกฎเกณฑ์ ซึ่งได้วางความสัมพันธ์ของมนุษย์ให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน ดังคำกล่าวของชะฮีดซ็อดร์ ที่ว่า อิสลามได้มาเพื่อทำให้ความเข้าใจสมจริง และให้หลักประกันสองประการสำหรับมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือหลักประกันภายนอก ได้แก่ระบบที่ใช้ควบคุมดูแลการนำกฎหมายมาดำเนินใช้ในสังคม อีกประการหนึ่งคือ หลักประกันภายในอันได้แก่แนวคิดต่างๆ และคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ อันเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์มีความสำคัญและจำเป็น แต่น่าเสียดายว่าสังคมอิสลาม ซึ่งด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ แต่ยังจะไม่ขอกล่าว  ที่นี้ ยังห่างไกลจากความจริงของศาสนา และแก่นแท้ของความเข้าใจทางศาสนาอีกมากนัก ซึ่งยังไม่ยอมรับว่าสังคมศาสนาเป็นสังคมแห่งกฎหมาย หรือเป็นสังคมที่ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่ในทางกลับกันเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในโลกตะวันตก เช่น ในยุคสมัยของ ยุคเรอเนสซองซ์ ก่อนสงครามครูเสด ซึ่งมุสลิมและคริสเตียนได้ต่อสู้กันอย่างหนัก ตะวันตกซึ่งได้รู้จักมักคุ้นวัฒนธรรมอิสลามเป็นอย่างดี พวกเขาได้เห็นอารยธรรมและความก้าวหน้าของอิสลามแล้ว จึงได้เกิดคำถามสำหรับพวกเขาว่า อะไรคือสาเหตุของการเกิดวัฒนธรรมนี้? ตรงนี้เองที่ตะวันตกได้มีแนวความคิดเรื่อง อารยธรรม เกิดขึ้นและได้มีการวิภาษเกี่ยวกับสิ่งนั้น ขณะที่สิ่งที่กำลังกล่าวถึงกันนั้นได้เกิดขึ้นหลังยุคของ เรอเนสซองซ์ ตราบจนถึงปัจจุบัน นั่นคือความพยายามที่จะสร้างกฎเกณฑ์ทางสังคมให้เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสังคมที่มิใช่สังคมศาสนา โดยปกติจะใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนส่งเสริมภายนอก กล่าวคือ หากพิจารณาเฉพาะภายนอกของสังคม ที่มิใช่สังคมศาสนาในตะวันตก จะเห็นว่าประชาชนให้ความเคารพต่อกฎหมายเป็นอย่างดี ซึ่งสาเหตุที่ประชาชนให้ความเคารพในกฎหมายนั้นก็คือ ผู้รักษากฎหมายหมายถึงผู้ที่ต้องรักษาปกป้องและให้หลักประกันต่อกฎหมายนั้น พวกเขาได้ปฏิบัติด้วยความเคร่งครัดและจริงจัง ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าในที่ใดก็ตามความเข้มงวดในการรักษากฎหมายได้อ่อนแอลง ทันใดนั้นกฎหมายก็จะหมดความหมายลงทันที เช่น ในหมู่พวกเรามีคำร่ำลือว่า ในตะวันตกนั้นจะให้ความเคารพกฎหมายจราจรเป็นพิเศษ ขณะที่ในสังคมของเราไม่มีคนขับรถคนใดปฏิบัติตามกฎจราจร

แน่นอน สิ่งนี้เป็นความจริงสาเหตุของนั้นเป็นเพราะว่า ความเข้มงวดในกฎหมายจราจร ซึ่งความเข้มงวดนั้นเองได้กลายเป็นผู้รักษากฎเกณฑ์สาธารณ ตัวอย่าง เราจะเห็นได้จากบางประเทศว่าพวกเขาไม่เคยติดกล้องวงจรปิด ไม่มีตำรวจจราจรคอยควบคุม แต่ประชาชนก็ยังให้ความเคารพกฎจราจรเหมือนเดิม แต่เมื่อเราถามว่าเป็นเพราะอะไร พวกเขาจึงเคารพกฎจราจร กล่าว่าสาเหตุก็คือ ถ้าหากมีคนหนึ่งฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าไฟแดง หรือทำการฝ่าฝืนกฎอย่างอื่น จะเห็นว่าพลเมืองที่อยู่ใกล้เคียง หรืออยู่ในเหตุการณ์ หรือร้านรวงบริเวณนั้น ตลอดจนผู้พบเห็นเหตุการณ์จะส่งเสียงเอะอะโวยวาย หรือโทรแจ้งตำรวจทันที แจ้งทะเบียนรถของท่านและแจ้งความว่าท่านได้ประพฤติผิดกฎจราจร ซึ่งตำรวจจะปรับท่านด้วยค่าปรับที่แพงลิบลิ่ว เนื่องจากกฎหมายของที่นั้นได้ระบุไว้เช่นนี้ว่า, ถ้าหากบุคคลใดให้ความเคารพต่อกฎหมายก็ถือว่าเป็นสิทธิอันถูกต้อง เว้นเสียแต่ว่าการฝ่าฝืนของเขาเป็นที่ชัดเจน ก็จะมีพลเมืองดีโทรไปแจ้งตำรวจทันทีว่ารถหมายเลขทะเบียนนี้ ได้ขับรถฝ่าฝืนกฎจราจร หรือขับรถฝ่าไฟแดงค่าปรับก็จะออกมาทันที เว้นเสียแต่ว่าท่านต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ท่านมิได้ขับรถฝ่าไฟแดง แต่โดยปกติแล้วไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่นอน และค่าปรับก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนั้น ในสังคมเช่นนั้นประชาชนจะมีความรู้สึกว่า พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎจราจร แต่การกระทำนั้นก็จะไม่ให้หลักประกันภายในแก่เขา เนื่องจากการคำนวณของพวกเขาเป็นการคำนวณจากวัตถุ, ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าหากท่านมีโอกาสเดินทางไปตะวันตกในช่วงฤดูหนาวมีหิมะตกโปรยปราย ในเวลานั้นบางที่ท่านอาจได้พบเหตุการณ์เหล่านี้ เพราะเมื่อมีหิมะตกลงมาถนนก็ปิด แต่ท่านก็จะยังเห็นภาพว่าผู้ขับยังคงหยุดรถหลังไฟแดงอย่างมีระเบียบ รถทุกคันอยู่ในทางของตน แต่ถ้าเวลาผ่านไปแล้วพอประมาณ พวกเขาสายมากแล้ว อิริยาบถก็จะเปลี่ยนเป็นสลับดูนาฬิกาบ่อยครั้งขึ้น เกือบจะไปทำงานสายแล้ว และหลังจากนั้นผู้คนเหล่านี้เองได้ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำไม? เพราะการคำนวณของพวกเขาเป็นการคำนวณในแง่ของวัตถุ พวกเขาได้คำนวณว่า ถ้าหากฝ่าฝืนกฎจราจรจะถูกปรับเพียง 50 เหรียญ แต่ถ้าเขาไปถึงที่ทำงานช้าจะถูกปรับ 100 เหรียญ ดังนั้น เมื่อคำนวณแล้วเป็นประโยชน์กับตัวเอง พวกเขาจึงเลือกการฝ่าฝืนกฎจราจร ในความหมายก็คือ ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับผลกำไรหรือความเสียหายทางโลกหรือวัตถุเท่านั้น. สิ่งที่อิสลามปรารถนาให้ปฏิบัติ น่าเสียดายว่าในสังคมอิสลามของเราไม่ประสบความสำเร็จ หรือกล่าวได้ว่าล้มเหลว นั่นคือการสร้างกฎให้แก่สังคม โดยให้ทุกคนในสังคมปฏิบัติไปตามกฎระเบียบเหล่านั้น แต่มิใช่ว่ามีตำรวจคอยกวดขัดเพียงอย่างเดียว ยังมีอำนาจตุลาการคอยควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา และที่เหนือไปกว่าสิ่งอื่นใดมีอัลลอฮฺ (ซบ.) คอยสังเกตและควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา ดังนั้น ถ้าทุกคนปฏิบัติไปตามกฎระเบียบที่พระเจ้าวางไว้ และถ้ามีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ สังคมของเราก็จะเหมือน และมีความเติบโตคล้ายกับสังคม นบี (ซ็อล ) ในสมัยเมื่อพันกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าพวกอาหรับเร่ร่อน ระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ด้วยการอบรมสั่งสอนของท่านศาสดา (ซ็อล ) พวกเขาได้เปลี่ยนแปลง มะดีนะเราะซูล ได้เกิดมาได้อย่างไร และเติบโตไปถึงไหน มีหลักการและกฎเกณฑ์อย่างไร ได้สร้างใครบ้างให้เป็นแบบอย่างสำหรับมนุษย์ และบรรยากาศของมะดีนะฮฺในสมัยนั้นเป็นอย่างไร ทั้งหมดอยู่ที่การเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาทั้งสิ้น ดังนั้น การที่สังคมอิสลามยังล้าหลัง ผู้คนยังฝ่าฝืนกฎระเบียบอยู่ มิใช่เพราะความด้อยของกฎและคำสอนของอิสลาม หากแต่เป็นสันดานของมนุษย์ที่ไม่รักดีและไม่รักความเจริญก้าวหน้าต่างหาก

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • เราสามารถที่จะใช้เงินคุมุสที่เกิดขึ้นจากการออมทรัพย์เพื่อการซื้อบ้านได้หรือไม่?
    5339 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณจะต้องกล่าวว่า: ตามทัศนะของท่านอายาตุลลอฮ์อุซมาคอเมเนอีเงินออมจากกำไรของผลประกอบการนั้นแม้จะเป็นการออมเพื่อใช้ชำระในชีวิตประจำวันแต่เมื่อถึงปีคุมุสแล้วจะต้องชำระคุมุสนอกจากได้มีการออมเพื่อซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตหรือค่าใช้ชำระจำเป็น
  • ริวายะฮ์ที่กล่าวว่า “ในสมัยที่อิมามอลี (อ.) ปกครองอยู่ ท่านมักจะถือแซ่เดินไปตามถนนหนทางและท้องตลาดพร้อมจะลงโทษอาชญากรและผู้กระทำผิด” จริงหรือไม่?
    5951 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/18
    สำนักงานท่านอายะตุลลอฮ์อัลอุซมา มะการิม ชีรอซี ริวายะฮ์ข้างต้นกล่าวถึงช่วงรุ่งอรุณขณะที่ท่านสำรวจท้องตลาดในเมืองกูฟะฮ์ และการที่ท่านมักจะพกแซ่ไปด้วยก็เนื่องจากต้องการให้ประชาชนสนใจและให้ความสำคัญกับกฏหมายนั่นเอง สำนักงานท่านอายะตุลลอฮ์อัลอุซมาศอฟีย์ กุลพัยกานี ริวายะฮ์ได้กล่าวไว้เช่นนั้นจริง และสิ่งที่อิมามอลี(อ.) ได้กระทำไปคือสิ่งที่จำเป็นต่อสถานการณ์ในยุคนั้น การห้ามปรามความชั่วย่อมมีหลายวิธีที่จะทำให้บังเกิดผล ดังนั้นจะต้องเลือกวิธีที่จะทำให้สังคมคล้อยตามความถูกต้อง คำตอบของท่านอายะตุลลอฮ์มะฮ์ดี ฮาดาวี เตหะรานี มีดังนี้ หากผู้ปกครองในอิสลามเห็นสมควรว่าจะต้องลงโทษผู้ต้องหาและผู้ร้ายในสถานที่เกิดเหตุ หลังจากที่พิสูจน์ความผิดด้วยวิธีที่ถูกต้อง และพิพากษาตามหลักศาสนาหรือข้อกำหนดที่ผู้ปกครองอิสลามได้กำหนดไว้ การลงทัณฑ์ในสถานที่เกิดเหตุถือว่าไม่ไช่เรื่องผิด และในการนี้ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงริวายะฮ์ดังกล่าวแต่อย่างใด แต่รายงานที่ถูกต้องที่ปรากฏในตำราฮะดีษอย่าง กุตุบอัรบาอะฮ์[1] ก็คือ ท่านอิมามอลี (อ.) พกแซ่เดินไปตามท้องตลาดและมักจะตักเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในเรื่องต่าง ๆ โดยไม่มีตำราเล่มใดบันทึกว่าอิมามอลี (อ.) เคยลงโทษผู้ใดในตลาด
  • โปรดอธิบาย หลักความเชื่อของวะฮาบี และข้อทักท้วงของพวกเขาที่มีต่อชีอะฮฺว่า คืออะไร?
    18272 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/06/30
    วะฮาบี, คือกลุ่มบุคคลที่เชื่อและปฏิบัติตาม มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ, พวกเขาเป็นผู้ปฏิตามแนวคิดของสำนักคิด อิบนุตัยมียะฮฺ และสานุศิษย์ของเขา อิบนุ กัยยิม เญาซียฺ ซึ่งเขาเป็นผู้วางรากฐานทางความศรัทธาใหม่ในแคว้นอาหรับ. วะฮาบี เป็นหนึ่งในสำนักคิดของนิกายในอิสลาม ซึ่งมีผู้ปฏิบัติตามอยู่ในซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอินเดีย ตามความเชื่อของพวกเขาการขอความช่วยเหลือผ่านท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) การซิยาเราะฮฺ, การให้เกียรติ ยกย่องและแสดงความเคารพต่อสถานฝังศพของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ถือเป็น บิดอะฮฺ อย่างหนึ่ง ประหนึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อเจว็ดรูปปั้น ถือว่า ฮะรอม. พวกเขาไม่อนุญาตให้กล่าวสลาม หรือยกย่องให้เกียรติท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ยกเว้นในนมาซเท่านั้น, พวกเขายอมรับการสิ้นสุดชีวิตทางโลกของเขา เป็นการสิ้นสุดอันยิ่งใหญ่ และเป็นการสิ้นสุดที่มีเกียรติยิ่ง ร่องรอยของทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น โดม ลูกกรง และอื่นๆ ...
  • สามารถครอบครองที่ดินบริจาคได้หรือไม่? สามารถขายที่ดินบริจาคได้หรือไม่?
    5499 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/21
    โปรดพิจารณาคำวินิจฉัยของมัรญิอฺตักลีดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวท่านอายะตุลลอฮฺอัลอุซมาคอเมเนอี (ขออัลลอฮฺทรงปกป้องท่าน
  • มีรายงานฮะดีซจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) เกี่ยวกับการถือศีลอดในวันอาชูรอหรือไม่? และศีลอดนี้ถือเป็นศีลอดมุสตะฮับด้วยหรือไม่?
    6697 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/20
    ตาราฮะดีซที่เชื่อถือได้ของฝ่ายชีอะฮฺ, ไม่มีรายงานฮะดีซทำนองนี้ปรากฏให้เห็นทีว่าท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า, การถือศีลอดในวันอาชูรอเป็นมุสตะฮับ,
  • เรื่องอุปโลกน์“เฆาะรอนี้ก”มีที่มาที่ไปอย่างไร?
    6703 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/08/03
    เรื่องเล่า“เฆาะรอนี้ก”อุปโลกน์ขึ้นโดยผู้ไม่หวังดีซึ่งหวังจะลดทอนความน่าเชื่อถือของกุรอานและท่านนบี(ซ.ล.)ลง
  • ทำไมเราจึงต้องมีเพียงสิบสองอิมามเท่านั้น ในยุคสมัยของอิมามที่ไม่ปรากฏตัว เราจะสามารถหาทางรอดพ้นได้อย่างไร?
    6324 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/03
    ตำแหน่งอิมามเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า การกำหนดตัวบุคคลที่จะขึ้นมาเป็นอิมามและจำนวนของอิมามนั้นขึ้นกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและทางเดียวที่เราจะสามารถรับรู้ถึงเจตนาดังกล่าวได้ก็คือฮะดีษของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) นั่นเองท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้กล่าวถึงบุคคลและจำนวนของอิมาม(อ
  • การเข้าร่วมงานแต่งงานที่มีจำนวนแขกจำ ซึ่งกำหนดไว้ก่อนแล้วล่วงหนา แต่แขกที่มาไม่มีใครคุมผ้าเรียบร้อยสักคนเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าบ่าว กรณีนี้กฎเกณฑ์ทางศาสนบัญญัติกล่าวไว้อย่างไร (และลักษณะงานเช่นนี้ โดยทั่วไปเจ้าบ่าวและมะฮาริมที่เข้าร่วมงานแต่ง ตลอดงานนิกาฮฺจะแยกระหว่างชายหญิง)
    4264 สิทธิและกฎหมาย 2562/06/15
    เริ่มแรกเกี่ยวกับคำถามข้างต้น ขอกล่าวถึงทัศนะของมัรญิอฺตักลีด 1.งานสมรสตามประเพณีอิสลาม คือการร่วมแสดงความสุข รื่นเริง โดยปราศจากการกระทำความผิดบาปต่าง ๆ หรือภารกิจต่าง ๆ ที่ฮะรอม และมารยาทอันไม่ดีไม่งาม ที่มิใช่วิสัยของมนุษย์[1] 2.เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าบ่าว หรือนามะฮฺรัมคนอื่น จำเป็นต้องรักษาฮิญาบ อย่างเคร่งครัด ซึ่งตรงนี้ไม่แตกต่างกันระหว่างงานสมรส และงานชุมนุมอย่างอื่น[2] 3.การเข้าร่วมงานสมรส หรืองานสังสรรค์อื่นๆ ซึ่งภายในงานนั้นมิได้เอาใจใส่สิ่งเป็นวาญิบในอิสลาม (เช่น แขกที่มาอยู่รวมกันทั้งชายและหญิง มีการเต้นรำ หรือเปิดเพลงที่ฮะรอม อย่างเปิดเผย) ถือว่าฮะรอม[3] 4. ถ้างานสมรสมิได้เป็นไปในลักษณะที่ว่า เป็นงานสังสรรค์แบบไร้สาระ ฮะรอม เป็นบาป หรือการปรากฏตัวในงานเหล่านั้น มิได้เป็นการสนับสนุนการก่อความเสียหาย ซึ่งการเข้าร่วมในงานสังสรรค์เช่นนั้น โดยทั่วไปไม่ถือว่าเป็นการสนับสนุน ถือว่าไม่เป็นไร
  • การสัมผัสสิ่งที่เป็นนะญิสจะทำให้เราเป็นนะญิสด้วยหรือไม่? หากต้องการทำความสะอาดเราจะต้องอาบน้ำยกฮะดัษใหญ่หรือไม่?
    7301 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/25
    หากสิ่งหนึ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยหนึ่งในสองหรือทั้งสองสิ่งนั้นมีความชื้นในลักษณะที่ถ่ายทอดถึงกันได้สิ่งสะอาดดังกล่าวก็จะเปื้อนนะญิสด้วย[1]สำหรับการทำความสะอาดสิ่งนั้นหลังจากที่ได้กำจัดธาตุนะญิสออกแล้วหากสิ่งที่เป็นนะญิสที่ไม่ใช่ปัสสาวะการล้างด้วยน้ำปริมาตรกุรน้ำปริมาตรก่อลี้ลหรือน้ำไหลผ่านถือว่าเพียงพอแล้ว       อิฮติยาตวาญิบให้บิดหรือสะบัดพรมเสื้อผ้าฯลฯเพื่อให้น้ำที่คงเหลืออยู่ในนั้นใหลออกมาหากต้องการทำความสะอาดสิ่งที่เป็นนะญิสโดยปัสสาวะจะต้องล้างด้วยน้ำก่อลี้ลโดยให้ราดน้ำหนึ่งครั้งโดยให้น้ำไหลผ่านหากไม่หลงเหลือปัสสาวะแล้วให้ราดน้ำอีกหนึ่งครั้งก็จะสะอาดแต่ในกรณีพรมหรือเสื้อผ้าและสิ่งทอประเภทอื่นๆทุกครั้งที่ราดน้ำจะต้องบีบหรือบิดจนน้ำไหลออกมา[2]ไม่ว่ากรณีใดข้างต้นก็ไม่จำเป็นจะต้องทำอาบน้ำยกฮะดัษนอกจากผู้ที่ได้สัมผัสศพก่อนอาบน้ำมัยยิตและหลังจากที่ศพเย็นลงแล้วในกรณีนี้นอกจากเขาจะต้องล้างส่วนๆนั้นของร่างกายที่สัมผัสกับศพแล้วเขาจะต้องทำกุซุลมัสส์มัยยิต(สัมผัสศพ)ด้วยเช่นกัน[3]หากสิ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยที่สองสิ่งดังกล่าวแห้งหรือมีความชื้นต่ำเสียจนไม่ถ่ายทอดถึงกันสิ่งที่สะอาดก็จะไม่เปื้อนนะญิส[4]
  • อิมามมะฮ์ดีสมรสแล้วหรือยัง?
    7698 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    แม้จะเป็นไปได้ว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)อาจมีคู่ครองและบุตรหลาน เนื่องจากภาวะการเร้นกายมิได้จำกัดว่าจะท่านต้องงดกระทำการสมรสอันเป็นซุนนะฮ์แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่พบเหตุผลใดๆที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สันนิษฐานว่าสาเหตุที่ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นที่เปิดเผยนั้น อาจเป็นผลพวงมาจากความจำเป็นที่พระองค์ทรงเร้นกายท่านจากสายตาผู้คนนั่นเอง ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59368 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56820 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41644 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38394 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38389 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33427 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27522 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27214 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27111 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25181 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...