การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
11020
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/08/02
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1064 รหัสสำเนา 15554
หมวดหมู่ تاريخ بزرگان
คำถามอย่างย่อ
อัมร์ บิน อ้าศมีอุปนิสัยอย่างไรในประวัติศาสตร์?
คำถาม
กรุณาเล่าเกี่ยวกับประวัติและบุคลิกของอัมร์ บิน อ้าศ
คำตอบโดยสังเขป

อัมร์ บิน อ้าศ บิน วาอิ้ล อัสสะฮ์มี โฉมหน้านักฉวยโอกาสที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถือกำเนิดจากหญิงที่ชื่อ“นาบิเฆาะฮ์” บิดาของเขาคืออ้าศ บิน วาอิ้ล เป็นมุชริกที่เคยถากถางเยาะเย้ยท่านนบีด้วยคำว่า“อับตัร”หลังจากกอซิมบุตรของท่านนบีถึงแก่กรรมในวัยแบเบาะ ซึ่งหลังจากนั้น อัลลอฮ์ได้ประทานอายะฮ์ “ان شانئک هو الابتر” เพื่อโต้คำถากถางของอ้าศ
อัมร์ บิน อ้าศ เป็นที่รู้จักในเรื่องความเจ้าเล่ห์ ในสมัยที่อิมามอลี(อ.)ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ เขากลายเป็นมือขวาของมุอาวิยะฮ์ในสงครามศิฟฟีนเพื่อต่อต้านท่าน และสามารถล่อลวงทหารฝ่ายอิมามเป็นจำนวนมาก ท้ายที่สุดก็ใช้เล่ห์กลหลอกอบูมูซา อัลอัชอะรี เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่มุอาวิยาะฮ์ ท้ายที่สุดได้รับแต่งตั้งโดยมุอาวิยะฮ์ให้เป็นผู้ปกครองเมืองอิยิปต์ และเสียชีวิตในปีฮศ.
43 รวมอายุได้ 90 ปี

คำตอบเชิงรายละเอียด

อัมร์ บิน อ้าศ บิน วาอิ้ล อัสสะฮ์มี โฉมหน้านักฉวยโอกาสที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถือกำเนิดจากหญิงที่ชื่อ“นาบิเฆาะฮ์” แต่เนื่องจากหญิงแพศยานางนี้หลับนอนกับชายถึงห้าคน(อบูละฮับ, อุมัยยะฮ์, ฮิชาม บิน มุฆ็อยเราะฮ, อบูซุฟยาน, อ้าศ บิน วาอิ้ล) จึงทำให้ทั้งห้าต่างอ้างสิทธิความเป็นพ่อพร้อมกัน ทั้งๆที่อัมร์มีความคล้ายคลึงกับอบูซุฟยานมากกว่า ทว่านาบิเฆาะฮ์ได้เลือกให้อ้าศเป็นพ่อของอัมร์ โดยเหตุผลที่ว่า“เพราะอ้าศช่วยเหลือฉันมากกว่า”[1] อ้าศจึงได้เป็นพ่อของอัมร์นับแต่นั้นมา
หลังจากที่ท่านนบี(ซ.ล.)สูญเสียบุตรชายวัยแบเบาะนามกอซิม อ้าศ บิน วาอิ้ลคนนี้เคยเหน็บแนมถากถางท่านนบี(ซ.ล.) ด้วยสำนวนเสียดสีที่กักขฬะที่สุด นั่นก็คือคำว่าอับตัร(หางด้วน) เนื่องจากท่านไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุล ภายหลังเหตุการณ์นี้ อัลลอฮ์ทรงโต้ตอบด้วยการประทานซูเราะฮ์อัลเกาษัร โดยท้ายซูเราะฮ์มีการตอบคำสบประมาทของอ้าศด้วย [2]

อัมร์ บิน อ้าศ ในสมัยท่านนบี(ซ.ล.)
เขามีลักษณะนิสัยที่น่ารังเกียจและมีบุคลิกภาพที่ต่ำทราม เขาเคยแต่งกลอนเย้ยนบีถึงเจ็ดสิบวรรค ซึ่งเด็กๆชาวมักกะฮ์ได้นำไปท่องเสียงดังและสร้างความรำคาญใจแก่ท่านนบี(ซ.ล.)อย่างยิ่ง กระทั่งท่านนบีดุอาว่า “โอ้อัลลอฮ์ อัมร์ได้ถากถางเยาะเย้ยข้าพระองค์ แต่ข้าฯหาไช่นักกวีไม่ และการร่ายโคลงกลอนก็ไม่เหมาะกับข้าฯจึงไม่อาจจะโต้ตอบเขาได้ ขอพระองค์ทรงสาปแช่งพันหนต่อหนึ่งอักษรในกลอนของเขา”[3]
เขาคือตัวแทนที่แกนนำกุเรชส่งไปเพื่อเจรจาให้กษัตริย์นะญาชีส่งตัวกลุ่มมุสลิมที่หนีการกดขี่ของชาวมักกะฮ์ แต่อัมร์ บิน อ้าศก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากกษัตริย์ไม่ยินยอมตามคำขอ[4]

กระทั่งในปีฮ.ศ.7 อัมร์ บิน อ้าศ ได้รับอิสลามโดยมีเงื่อนไขว่าเขาไม่ต้องชำระหนี้สิน[5]
จากรายงานของตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่า เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในสงคราม“ซาตุสสะลาซิ้ล”[6] และหลังจากนั้นก็ได้รับมอบหมายให้เก็บภาษีซะกาตจากชาวแคว้นโอมาน[7]

อัมร์ บิน อ้าศ ในสมัยท่านอบูบักร์, อุมัร, อุษมาน
เขามีความใกล้ชิดเคาะลีฟะฮ์อบูบักร์และอุมัรเป็นพิเศษ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพคนสำคัญในยุทธการพิชิตแคว้นชาม(ซีเรีย,เลบานอน,ปาเลสไตน์ปัจจุบัน) ในสมัยท่านอุมัรได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองปาเลสไตน์ หลังจากนั้นได้รับมอบหมายให้ยาตราทัพเข้าพิชิตอิยิปต์ หลังจากพิชิตอิยิปต์สำเร็จก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้ปกครองอิยิปต์จนกระทั่งท่านอุมัรถึงแก่กรรม แต่ท่านอุษมานได้ปลดเขา ทำให้ต้องกลับมาพำนักที่ปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในผู้คัดค้านท่านอุษมาน ตลอดจนปลีกตัวจากนครมะดีนะฮ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา[8]

อัมร์ บิน อ้าศ ในยุคเคาะลีฟะฮ์อลี(อ.)
หลังจากที่ท่านอุษมานถูกสังหารและท่านอิมามอลี(อ.)ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนให้ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ท่านได้ปลดมุอาวิยะฮ์ลงจากตำแหน่งผู้ปกครองแคว้นชาม เมื่อมุอาวิยะฮ์เห็นว่าตนจะสูญเสียลาภยศ จึงกล่าวหาว่าท่านอิมามอลี(อ.)อยู่เบื้องหลังเหตุสังหารอุษมาน พร้อมกับอ้างตัวเป็นญาติที่ต้องการล้างแค้นให้กับท่านอุษมานด้วยการกระด้างกระเดื่องต่อเคาะลีฟะฮ์อลี(อ.) มุอาวิยะฮ์ได้เขียนจดหมายส่งถึงอัมร์ บิน อ้าศเพื่อขอความช่วยเหลือในการนี้
อัมร์ ตอบจดหมายว่า“ฉันได้อ่านจดหมายของเจ้าแล้ว และเข้าใจดีทุกอย่าง แต่การที่เจ้าประสงค์จะให้ข้าเชิดหนีจากอิสลาม และพลัดตกสู่ก้นเหวแห่งความหลงผิดด้วยการช่วยเหลือเจ้าในการจับดาบสู้กับอมีรุ้ลมุอ์มินีน ขณะที่ท่านอลีมีฐานะเป็นน้องชาย ตัวแทน และผู้สืบทอดของท่านนบี(ซ.ล.) และท่านเคยเป็นผู้ชำระหนี้สินของท่านนบี(หลังจากนบีฮิจเราะฮ์) และปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน ท่านคือเขยของท่านนบี(ซ.ล.)และเป็นสามีของนายหญิงแห่งอิสตรีทั้งผอง เป็นบิดาของฮะซันและฮุซัยน์ สองผู้นำของหนุ่มๆชาวสวรรค์ ข้าไม่อาจจะตอบรับคำขอของเจ้าได้หรอก ส่วนที่เจ้าเขียนว่าเจ้าเป็นญาติผู้ทวงหนี้เลือดอุษมาน จงรู้เถิดว่าเจ้าถูกปลดนับตั้งแต่อุษมานเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากอุษมานหมดวาระเคาะลีฟะฮ์ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่า อลี(อ.)เคยเสียสละชีวิตในหนทางของพระองค์ด้วยการนอนแทนที่ท่านนบี(ซ.ล.) และท่านนบี(ซ.ล.)เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดที่ฉันเป็นนายของเขา อลีก็เป็นนายของเขาเช่นกัน”[9]

อย่างไรก็ดี เมื่อมุอาวิยะฮ์สัญญาว่าจะมอบตำแหน่งผู้ปกครองอิยิปต์แก่อัมร์ เขาจึงยอมสวามิภักดิ์และช่วยเหลือมุอาวิยะฮ์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงชาวแคว้นชามให้ลุกฮือขึ้นเพื่อแก้แค้นให้เคาะลีฟะฮ์อุษมานในสงครามศิฟฟีน โดยได้บริหารกิจการสงครามด้วยเล่ห์เพทุบายนานาชนิด อย่างไรก็ดี ด้วยกับความกล้าหาญของอิมามอลี(อ.)รวมทั้งเหล่าสหาย ทำให้กองทัพมุอาวิยะฮ์และอัมร์เพลี้ยงพล้ำจนเกือบจะปราชัย แต่ด้วยกับเล่ห์กลของอัมร์ที่ใช้วีธีเสียบกุรอานบนปลายหอก ทำให้อิมามอลี(อ.)ถูกกองทัพของตนกดดันจนต้องยอมให้อบูมูซาอัชอะรีเป็นอนุญาโตตุลาการเฉพาะกิจ อัมร์ยังได้ใช้กลลวงหลอกอบูมูซาให้ยอมปลดอิมามอลี(อ.)แล้วตนจึงฉวยโอกาสตั้งมุอาวิยะฮ์เป็นเคาะลีฟะฮ์ ส่งผลให้อิมามอลี(อ.)จำต้องทำสงครามกับพวกค่อวาริจ

หลังจากนั้น อัมร์จึงมุ่งหน้าสู่อิยิปต์ตามที่มุอาวิยะฮ์ให้สัญญาไว้ ขณะนั้นมุฮัมมัด บิน อบีบักร์เป็นผู้ปกครองอิยิปต์ อิมามอลี(อ.)ทราบเช่นนั้นจึงมีคำสั่งเปลี่ยนให้มาลิก อัชตัรเป็นผู้ปกครองอิยิปต์แทน แต่อัมร์และมุอาวิยะฮ์จัดการวางยามาลิกเสียชีวิตระหว่างทาง จากนั้นได้สังหารมุฮัมมัด บิน อบีบักร์อย่างน่าอนาถ แล้วจึงฉวยโอกาสขึ้นปกครองอิยิปต์แทน[10]

เขารั้งตำแหน่งดังกล่าวจนกระทั่งถูกมุอาวิยะฮ์ขู่ว่าจะปลดจากตำแหน่งเนื่องจากไม่ยอมจ่ายส่วย อัมร์เขียนจดหมายถึงมุอาวิยะฮ์โดยได้เขียนบทกลอนที่เรียกว่า ญิลญิลียะฮ์ อันเป็นการสารภาพถึงคุณงามความดีของท่านอิมามอลี(อ.) พร้อมกับขู่มุอาวิยะฮ์ว่าจะก่อจลาจลในแคว้นต่างๆ จึงทำให้สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนเสียชีวิตในปีฮ.ศ.43[11] ขณะมีอายุได้ 90 ปี[12]



[1] ชะเราะฮ์ อิบนิ อบิลฮะดี้ด,เล่ม 6,หน้า 282 และ อ้างแล้ว,เล่ม 2,หน้า 100,101.

[2] มัจมะอุ้ลบะยาน(พิมพ์สิบเล่มเบรุต)เล่ม 10,หน้า 461.

[3] สะฟีนะตุ้ลบิฮ้าร(สี่เล่มมัชฮัด)เล่ม 4,หน้า 659.

[4] ดะลาอิลุ้นนุบูวะฮ์ฉบับแปล,เล่ม 2,หน้า 51, และ อุสดุ้ลฆอบะฮ์,เล่ม 3,หน้า 

42.

[5] ตารีคฏอบะรี,เล่ม 5,หน้า 1495,1525, และ อุสดุ้ลฆอบะฮ์,เล่ม 3,หน้า 742.

[6] อัลมะฆอซี,เล่ม 2,หน้า 77

[7] อุสดุ้ลฆอบะฮ์,เล่ม 3,หน้า 742.

[8] อ้างแล้ว,เล่ม 4,หน้า 244 และ ฏอบะกอตุ้ลกุบรอ,เล่ม 4,หน้า 256 และ กอมูสุรริญ้าล,เล่ม 8,หน้า 11

[9] ตัซกิเราะตุ้ลค่อวาศ,หน้า 84.

[10] ทอรีคบัรโกซีเดะฮ์,หน้า 197.

[11] ตารีคอิสลาม,เล่ม 4,หน้า 90 มุรูญุซซะฮับ,เล่ม 3,หน้า 23.

[12] มุรูญุซซะฮับ,เล่ม 3,หน้า 23.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ในทัศนะอิสลาม บาปของฆาตกรที่เข้ารับอิสลามจะได้รับการอภัยหรือไม่?
    8671 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/12
    อิสลามมีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลามอาทิเช่นหากก่อนรับอิสลามเคยละเมิดสิทธิของอัลลอฮ์เช่นไม่ทำละหมาดหรือเคยทำบาปเป็นอาจินเขาจะได้รับอภัยโทษภายหลังเข้ารับอิสลามทว่าในส่วนของการล่วงละเมิดสิทธิเพื่อนมนุษย์เขาจะไม่ได้รับการอภัยใดๆเว้นแต่คู่กรณีจะยอมประนีประนอมและให้อภัยเท่านั้นฉะนั้นหากผู้ใดเคยล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นเมื่อครั้งที่ยังมิได้รับอิสลามการเข้ารับอิสลามจะส่งผลให้เขาได้รับการอนุโลมโทษทัณฑ์จากอัลลอฮ์ก็จริงแต่ไม่ทำให้พ้นจากกระบวนการพิจารณาโทษในโลกนี้
  • ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
    10290 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/17
    นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่งณอัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไปโดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้วการให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวงอย่างไรก็ดีนักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะคำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือท่านมิได้ทำบาปใดๆเนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุเพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้นสำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่านดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(อ.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่า “นี่คือการกระทำของชัยฏอนมันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง” หรือที่กล่าวว่า “
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    6903 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...
  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ถ้าก่อนที่จะเกิดความถูกต้อง (สงบ) ฝ่ายหนึ่งได้อ้างการบีบบังคับ หรือขู่กรรโชก ถือว่าสิ่งนี้มีผลต่อข้อผูกมัดหรือไม่?
    5983 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/21
    ในกรณีนี้บุคคลที่กล่าวอ้างว่าข้อผูกมัด (อักด์) ถูกต้องนั้นมาก่อนแต่ต้องกล่าวคำสาบานด้วยส่วนบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้มีการบีบบังคับหรือกรรโชกขู่เข็ญเกิดขึ้นจำเป็นต้องมีพยานยืนยันด้วย ...
  • สระน้ำเกาษัรคืออะไร?
    14482 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/10/22
    “เกาษัร” หมายถึงความดีจำนวนมากมายและมหาศาล หรือตัวอย่างหลายกรณีสามารถกล่าวเพื่อสิ่งนั้นได้ เช่น : สระน้ำและแม่น้ำเกาษัร, ชะฟาอัต, นบูวัต, วิทยปัญญา, ความรู้, ลูกหลานจำนวนมากมาย, ทายาทมาก และ ...เกาษัร มีตัวอย่างสองประการ หนึ่งคือโลกนี้ได้แก่ (ฟาฏิมะฮฺซะฮฺรอ อะลัยฮัสลาม) ส่วนปรโลกคือ (สระน้ำเกาษัร)สระน้ำเกาษัร, คือแห่งน้ำดื่มอันชุ่มชื่นใจแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งมีความกว้างมากซึ่งชาวสวรรค์หลังจากผ่านสนามสอบสวนในวันฟื้นคืนชีพ หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกนำตัวเข้าสวรรค์และเข้าไปยังสระน้ำนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้ำจากสระเกาษัรเพื่อดับความกระหาย และจะได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน. จากสระน้ำเกาษัร, จะมีแม่น้ำอีกสองสายไหลแยกออกไปและจะไหลผ่านอยู่ในสวรรค์นั้น ...
  • มุสลิมะฮ์ท่านใดที่พูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี?
    7642 تاريخ بزرگان 2554/06/11
    มุสลิมะฮ์ท่านนี้ก็คือฟิฎเฎาะฮ์ทาสีของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งตำราชั้นนำต่างระบุว่านางพูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี. ...
  • มีหนทางใดบ้างสำหรับรักษาสายตาอันร้ายกาจ?
    8116 چشم زخم و طلسم 2555/07/16
    สายตาอันร้ายกาจเกิดจากผลทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธแต่อย่างใด,ทว่ามีเหตุการณ์จำนวนมากมายที่เราได้เห็นกับตาตัวเอง มัรฮูมเชคอับบาส กุมมี (รฮ.) แนะนำให้อ่านโองการที่ 51 บทเกาะลัม เพื่อเยียวยาสายตาอันร้ายกาจ, ซึ่งเมื่อพิจารณาสาเหตุแห่งการประทานลงมาของโองการแล้ว เหมาะสมกับการรักษาสายตาอันร้ายกาจอย่างยิ่ง นอกจากโองการดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานกล่าวเน้นถึง การอ่านอัลกุรอานบทอื่นเพื่อรักษาสายตาอันร้ายกาจไว้อีก เช่น อัลกุรอานบท »นาส« »ฟะลัก« »ฟาติฮะฮฺ« »เตาฮีด« นอกจากนี้ตัฟซีรอีกจำนวนมากยังได้กล่าวเน้นให้อ่านอัลกุรอานบทที่กล่าวมา ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7582 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    7458 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58530 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42927 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40595 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39558 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34682 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28763 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28640 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28624 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26520 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...