การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
10250
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1708 รหัสสำเนา 19008
คำถามอย่างย่อ
มีความแตกต่างกันบ้างไหมระหว่างทัศนะของชีอะฮฺ กับทัศนะของซุนนียฺในปัญหาเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
คำถาม
ทัศนะของอะฮฺลิซซุนนะฮฺเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คืออะไร? และปัญหานี้ชีอะฮฺและซุนนะฮฺมีทัศนะแตกต่างกันหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

แน่นอนความเชื่อเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาอิสลาม บนพื้นฐานคำบอกกล่าวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ) ซึ่งมีอยู่ในคำสอนของทุกนิกายอิสลาม. รายงานฮะดีซที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) มีปรากฏอยู่ในตำราที่มีชื่อเสียงของฝ่ายอะฮฺลุซซุนนะฮฺจำนวนมากมาย ซึ่งถ้าพิจารณาให้ละเอียดนิดหน่อยก็จะพบว่าระหว่าง 2 นิกายอิสลามระหว่างซุนนีย์ และชีอะฮฺมีจุดคล้ายเหมือนกันมากมายเกี่ยวกับประเด็นอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งจุดร่วมและจุดคล้ายเหมือนเหล่านั้นได้แก่

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล )

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

3. คุณสมบัติทางกายภาพของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- เป็นผู้มีแสนยานุภาพขณะปรากฏกาย

- มีใบหน้าเปล่งรัศมีเรืองรอง

- เป็นผู้มีใบหน้าสง่างาม รูปหน้าวงรี จมูกโด่ง

- มีลักษณะท่าทางคล้ายศาสดา (ซ็อล ) และมีไฝที่หัวไหล่

4. มีนามชื่อเดียวกันกับท่านศาสดา (ซ็อล ).

5.ปฐมบทในการปรากฏกาย

- การสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงของประชาชน

- ความอธรรมได้ครอบครองโลก

6. สัญลักษณ์ของการปรากฏกาย

- มีเสียงเรียกร้องจากฟากฟ้า

- การออกมาของซุฟยาน

- การหลบซ่อนตัวของแผ่นดินนามว่า บีดาอฺ

- การสังหารชีวิตบริสุทธิ์

7. ภารกิจเกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- คำสั่งในการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในช่วงคืนเดียว

- สถานที่ปรากฏกาย

- การให้สัตยาบันกับท่านอิมามมะฮฺดีย. (.)

- การลงมาของมลาอิกะฮฺ เพื่อช่วยเหลือท่าน

- การปรากฏกายของศาสดาอีซา (.) เพื่อปฏิบัติตามท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

อย่างไรก็ตามอะฮฺลิซซุนนะฮฺกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อขัดแย้งกับชีอะฮฺ- พวกเขาไม่ยอมรับว่าอิมามมะฮฺดียฺ (.) ประสูติในปี .. 255 และอยู่สภาพเร้นกายที่ยาวนานเหมือนปัจจุบัน, ทว่าพวกเขามีความเชื่อว่าท่านอิมาม (.) จะประสูติในระยะเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏกาย (40 ปีก่อนการปรากฏกาย) ซึ่งท่านจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม และผู้ที่ได้รับสัญญานี้คือบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

คำตอบเชิงรายละเอียด

ปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในหมู่บรรดามุสลิมทั้งหลาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวมิได้จำกัดวงแคบอยู่เพียงสังคมชีอะฮฺเท่านั้น, ทว่าอะฮฺลิซซุนนะฮฺโดยทั่วไปก็มีความเห็นพร้องกับชีอะฮฺในเรื่องนี้ ซึ่งมีรายงานอยู่ในขั้นมุตะวาติร (เชื่อถือได้จำนวนมาก) กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺเอาไว้

รายงานฮะดีซเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานมาจากฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺ เป็นรายงานที่เชื่อถือได้ (มุตะวาติร) มีมากเกินกว่า 100 รายงาน ซึ่งฮะดีซเหล่านั้นทั้งหมดต่างพูดถึงเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ทั้งสิ้น สายรายงานที่มีชื่อเสียงซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 20 คน ล้วนเป็นเซาะฮาบะฮฺของท่านศาสดาทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาได้รายงานเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) โดยตรงจากปากของท่านศาสดา (ซ็อล ) และรายงานฮะดีซเหล่านี้ล้วนบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซที่มีชื่อเสียงของซุนนียฺทั้งสิ้น : ไม่ว่าจะเป็น สุนัน, มะอาญิม, มะซานีด, เช่น : สุนันอบูดาวูด, สุนันติรมีซีย์, สุนันอิบนุมาญะฮฺ, มุสนัดอะฮฺมัด, เซาะฮียฺฮากิม, บะซอซ, มุอฺญิมฏ็อบลอนนียฺ และอื่นๆ ..

จากตำราอ้างอิงและคำพูดของอุละมาอฺฝ่ายซุนนียฺ เข้าใจได้ว่า ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.) และท่านต้องปรากฏกายอย่างแน่นอนในวันหนึ่ง

ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ได้แสดงทัศนะต่างๆ มากมายเกี่ยวกับประเด็นการปรากฏกาย เช่น :

เกี่ยวกับการปรากฏกายของผู้ที่จะมาปรับปรุงโลกในยุคสุดท้าย ในหมู่เซาะฮาบะฮฺและตาบิอีนนับตั้งแต่ศตวรรษแรก และหลังจากนั้นจวบจนถึงปัจจุบันไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งอุละมาอฺซุนนียฺทั้งหมด มีความเห็นพร้องต้องกันถึงเรื่องการปรากฏกายของท่าน ถ้าหากบุคคลใดมีความคลางแคลงใจในความถูกต้องของฮะดีซของท่านศาสดา (ซ็อล ) เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามแล้วละก็, จะนำเอาฮะดีซเหล่านั้นไปกำกับความที่ว่า ไม่มีการยืนหยัดในประเด็นนี้หรือการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เองจวบจนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) แม้แต่คนเดียว

เกี่ยวกับประเด็นนี้ สุวัยดี กล่าวว่า : สิ่งที่ทุกคนเห็นพร้องต้องกันก็คือ มะฮฺดียฺคือบุคคลหนึ่งที่จะปรากฏกายและยืนหยัดต่อสู้ในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยควมยุติธรรม[1]

ค็อยรุดดีน อาลูซียฺ เป็นอุละมาอฺที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งของซุนนียฺ กล่าวว่า : บนพื้นฐานความถูกต้องที่สุดที่นักปราชญ์และผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้กล่าวเกี่ยวกับการปรากฏกายของมะฮฺดียฺคือ การปรากฏกายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันกิยามะฮฺ แม้ว่าจะมีผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺบางคนปฏิเสธทัศนะของเขาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่มีคุณค่าเพียงพอต่อการเชื่อถือแต่อย่างใด[2]

ตำราจำนวนมากมายที่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ในหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.), ถึงขั้นที่ว่าเชคมุฮัมมัด อีระวานียฺ ได้บันทึกไว้ในหนังสือของท่านนามว่า อัลอิมามุลมะฮฺดียฺ (.) ว่า : ชาวซุนนียฺ,ได้เขียนตำรามากมายเกี่ยวกับการรวบรวมรายงานฮะดีซ เกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ว่า ในยุคสุดท้ายจะมีบุคคลหนึ่งนามว่า มะฮฺดียฺ (.) ปรากฏกายออกมา, ฉันมีข้อมูลถูกต้องว่าผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้เขียนตำราในหัวข้อดังกล่าวมากเกินกว่า 30 เล่ม[3] แม้ว่าประเด็นดังกล่าวนี้จะมีความเห็นพร้องต้องกันระหว่างชีอะฮฺ และซุนนียฺ, แต่ก็มีซุนนียฺบางกลุ่มจำนวนน้อยนิดพยายามที่จะกล่าวว่า รายงานฮะดีซเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้, เช่น อิบนุคัลดูน ได้บันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ของตนว่าฮะดีซเหล่านี้อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[4] หรือระชีดริฎอ (ผู้เขียนตัฟซีรอัลมินาร) ได้อธิบายตอนอธิบายโองการที่ 32 บทอัตเตาบะฮฺโดยระบุว่าฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[5] อย่างไรก็ตามผู้รู้ทั้งสองท่านไม่ได้นำเหตุผลมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนแต่อย่างใด เพียงแค่กล่าวว่าฮะดีซเชื่อถือไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีเหตุผลอธิบายว่าเพราะอะไร ขณะเดียวกันคำพูดของผู้รู้ทั้งสองท่านนี้ได้รับการวิจารณ์และหักล้างอย่างรุนแรงจากผู้รู้ฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺท่านอื่น

งานเขียนของผู้รู้ฝ่ายชีอะฮฺก็ได้ตอบข้อครหาของผู้รู้ทั้งสองไว้เช่นกัน, ในส่วนของอิบนุคัลดูนได้เขียนเกี่ยวกับความเชื่อของมุสลิมในเรื่องมะฮฺดียฺ (.) ไว้ว่า : เป็นที่รับทราบกันเป็นอย่างดีในหมู่มุสลิมทั้งหลายว่า ในยุคสุดท้ายจะมีชายคนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของเราะซูลปรากฏกายออกมา เขาจะปกป้องศาสนาและสถาปนาความยุติธรรม และมุสลิมทั้งหลายจะเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา และเขาจะได้ครอบครองอาณาจักรอิสลาม ซึ่งบุคคลนั้นมีนามชื่อว่า มะฮฺดียฺ (.)[6] ด้วยเหตุนี้เอง, การที่อิบนุคัลดูน กล่าวว่า ฮะดีซที่เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น จึงขัดแย้งอย่างรุนแรงกับความเชื่อส่วนใหญ่ของผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺในเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างความเชื่อเหล่านั้นได้ เนื่องจากความเชื่อในเรื่องนี้มาจากฮะดีซจำนวนมาก ซึ่งได้รายงานไว้โดยสายงานซุนนียฺ

ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงรายงานฮะดีซของผู้รู้บางท่าน ที่ได้บันทึกฮะดีซเหล่านี้ไว้ในตำราของตน แม้ว่าจะประมาณการได้คร่าวๆ ว่าคำกล่าวอ้างเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ได้ถูกบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซของฝ่ายซุนนียฺ อย่างน้อยที่สุดเพียงสองสามรายงาน เช่น :

1.อิบนุสะอฺด์ (เสียชีวิตเมื่อ .. 230), 2. อิบนุอบีชัยบะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 235), 3. อะฮฺมัดบินฮันบัล (เสียชีวิตเมื่อ .. 241), 5.มุสลิม (เสียชีวิตเมื่อ .. 261), 6.อิบนุมาญะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 7.อบูบักรฺ อัสกาฟียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 8.ติรมีซียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 279), 9.ฏ็อบรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 280), 10. อิบนุกุตัยบะฮฺ ดีนวะรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 276), 11.ฮากิม เนชาบูรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 405), 12.บัยฮะกียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 458), 13.เคาะฏีบ บัคดาดียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 463), 14.อิบนุ อะซีร ญุซรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 606),[7]

ผู้รู้ฝ่ายซุนนีย์อีกท่านหนึ่งเขียนว่า : มีรายงานจำนวนมากมายเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานเหล่านั้นอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้) ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ, ถึงขั้นที่ว่าเป็นความเชื่อของพวกเขาทีเดียว, ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺอีกท่านหนึ่งเขียนว่า : รายงานฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียนั้นได้ถูกรายงานไว้โดยสายรายงานที่แตกต่างกัน ซึ่งได้รายงานมาจากเซาะฮาบะฮฺเสียเป็นส่วนใหญ่ และลำดับต่อจากนั้นได้รายงานมาจาตาบิอีน, ถึงขั้นที่ว่ากลุ่มฮะดีซเหล่านั้นให้ประโยชน์อันเชื่อถือได้ทางวิชาการ, ด้วยเหตุนี้เองการเชื่อเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นวาญิบ, ดังเช่นที่ว่าวาญิบนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วในหมู่นักวิชาการฝ่ายซุนนียฺ และเป็นหลักความเชื่อที่ได้รับการยอมรับในหมู่ซุนนียฺด้วย[8] อิบนุกะซีร กล่าวไว้ในหนังสือ อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ ว่า : มะฮฺดียฺ (.) จะปรากฏกายในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและคุณธรรม ดุจดังเช่นที่โลกเคยเปี่ยมไปด้วยความอธรรมและบายมุข. เราได้เรียบเรียงฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ (.) โดยแยกเล่มไว้ต่างหาก ดังเช่นที่อบูดาวูด ได้แยกฮะดีซไว้ในหนังสือสุนันของท่าน[9] ประเด็นนี้ได้รับการรายงานโดยผู้รู้ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายซุนนียฺ, ซึ่งทำให้ประจักษ์ว่าปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และการเชื่อเรื่องการปรากฏกายของท่านนั้น ถือเป็นความเชื่อที่ได้รับการพิสูจน์และเป็นความเชื่อมั่นคงในฝ่ายซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ และฮะดีซที่รายงานเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านนั้นในหมู่พวกเขาอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้).

เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่กล่าวมาแล้วได้บทสรุปดังนี้ว่า ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ระหว่างชีอะฮฺ กับซุนนียฺมีจุดร่วมที่คล้ายเหมือนกัน ดังนั้นตรงนี้จึงใคร่ขอนำเสนอจุดร่วมเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ ของสองนิกายอิสลามชีอะฮฺ และซุนนียฺ ไว้ดังนี้ :

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในทัศนะชีอะฮฺเป็นที่ประจักษ์แน่นอนอยู่แล้ว, ส่วนในทัศนะของซุนนียฺนั้นจะชี้ให้เห็นบางประเด็นดังนี้

2.1 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล ) อิบนุมาญะฮฺ ได้กล่าวไว้ในสุนันของท่านว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : มะฮฺดียฺมาจากพวกเราอะฮฺลุลบัยตฺ อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรทรงให้เขาปรากฏในยามกลางคืน[10]

"المهدی ]عج[ منا اهل البیت یصلحه الله عزوجل فی لیلة"

2.2 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.), ซุยูฏียฺ กล่าวไว้ในหนังสือ อุรฟุลวัรดียฺ ว่า ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้จับมือท่านอะลี (.) พร้อมกับกล่าวว่า : [11]จะมีชายหนุ่มออกมาจากไขสันหลังของชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งเขาจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและดุลยภาพ

"سیخرج من صلب هذا فتی یملأ الارض قسطاً و عدلاً"

2.3 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
    10306 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/17
    นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่งณอัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไปโดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้วการให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวงอย่างไรก็ดีนักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะคำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือท่านมิได้ทำบาปใดๆเนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุเพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้นสำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่านดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(อ.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่า “นี่คือการกระทำของชัยฏอนมันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง” หรือที่กล่าวว่า “
  • บาปใหญ่จะได้รับการอภัยหรือไม่?
    17637 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    บาปใหญ่คือบาปประเภทที่กุรอานหรือบทฮะดีษแจ้งว่าจะต้องถูกสำเร็จโทษ(แต่ก็ยังมีสิ่งชี้วัดอื่นๆที่บ่งบอกถึงบาปใหญ่) ทั้งนี้การฝืนกระทำบาปเล็กซ้ำหลายครั้งก็ทำให้บาปเล็กกลายเป็นบาปใหญ่ได้เช่นกันอย่างไรก็ดีอัลลอฮ์ได้ทรงให้สัญญาในกุรอานว่าจะทรงอภัยโทษบาปทุกประเภทโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเตาบะฮ์อย่างถูกต้องเสียก่อนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของอัลลอฮ์หมายถึงการชดเชยอะมั้ลอิบาดะฮ์ที่เคยงดเว้นประกอบกับการกล่าวอิสติฆฟารอย่างบริสุทธิใจส่วนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของมนุษย์หมายถึงการกล่าวอิสติฆฟารคืนสิทธิแก่ผู้เสียหายและขอให้คู่กรณียกโทษให้ ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
    7381 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/10
    แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้กามิลุซซิยารอตประพันธ์โดยญะฟัรบินมุฮัมมัดบินกุละวัยฮ์กุมี (เสียชีวิตฮ.ศ.348) และมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนของเชคฏูซี (ฮ.ศ.385-460) ตามหลักบางประการแล้วสายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้นต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงานซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษหนึ่ง:น่าเชื่อถือ
  • สามารถจะติดต่อกับอิมามมะฮ์ดี(อ.)ได้หรือไม่?
    7342 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/19
    โดยทั่วไป สัมพันธภาพจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคนแปลกหน้าสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นอกจากจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้จักและมีไมตรีจิตต่อฝ่ายตรงข้าม จึงจะค่อยๆสานเป็นความสัมพันธ์อันดีต่อกันในอนาคตกรณีของท่านอิมามมะฮ์ดีก็เช่นกัน ท่านรู้จักเราและมีไมตรีจิตต่อเราอย่างอบอุ่น  แต่เราซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของสายสัมพันธ์ หากได้รู้จักฐานะภาพของท่านอย่างแท้จริง ก็จะทำให้สามารถสานสัมพันธ์และติดต่อกับท่านได้ ดังที่อุละมาอ์ระดับสูงหรือผู้ที่สำรวมตนขัดเกลาจิตใจบางท่านสามารถติดต่อกับท่านอิมาม(อ.)ได้ในอดีตกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การสานสัมพันธ์กับท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)นั้น แบ่งออกเป็นสองประเภท 1.เชื่อมสัมพันธ์ทางจิตใจ 2.เชื่อมสัมพันธ์ในระดับการเข้าพบ อย่างไรก็ดี แม้ว่าความสัมพันธ์ทั้งสองประเภทนี้จะมิไช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม แต่หากต้องการจะมีความสัมพันธ์ในระดับเข้าพบ ก็จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ กล่าวคือ จะต้องมีสัมพันธภาพทางจิตใจพร้อมกับจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆที่จำเป็นด้วย จึงจะถือเป็นการตระเตรียมโอกาสที่จะได้เข้าพบท่าน(อ.) ...
  • คำพูดของอิมามศอดิกที่ว่า “ยี่สิบห้าอักขระแห่งวิชาการจะแพร่หลายในยุคที่อิมามมะฮ์ดีปรากฏกาย” หมายความว่าอย่างไร?
    8353 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/03/04
    ความเจริญรุดหน้าทางวิทยาการทั้งทางโลกและทางธรรมนั้น เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคที่ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ปรากฏกาย วิทยาการจะรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคนี้ ดังที่ปรากฏในฮะดีษที่ผู้ถามอ้างอิงไว้ข้างต้น อย่างไรก็ดี ฮะดีษทำนองนี้มิได้ระบุว่ามนุษย์ในยุคดังกล่าวจะสามารถเรียนรู้วิทยาการทั้งยี่สิบเจ็ดอักขระอย่างรวดเร็วเหมือนกันหมดทุกคน ทว่าฮะดีษของอิมามศอดิก(อ.)ข้างต้นใช้คำว่า “أخرج”[1] อันหมายถึงการที่ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)จะนำอักขระที่เหลือออกมาเผยแพร่ เพื่อให้มนุษยชาติได้มีโอกาสเรียนรู้วิทยาการทั้งยี่สิบเจ็ดอักขระอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อันเป็นการแผ่ขยายโอกาสอย่างกว้างขวาง แต่การที่ทุกคนสามารถจะเรียนรู้ได้ครบยี่สิบเจ็ดอักขระเท่าเทียมกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความไฝ่รู้ของแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีบุคคลจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่บรรลุถึงวิทยฐานะอันสูงส่ง โดยจะเป็นผู้จัดตั้งสถานศึกษาและประสิทธิประสาทวิชาการแก่ผู้ที่สนใจสืบไป ดังที่อิมามอลี(อ.)กล่าวไว้ว่า “เสมือนว่าฉันกำลังเห็นเหล่าชีอะฮ์ของฉันกางเต๊นท์ในมัสญิดกูฟะฮ์เพื่อเป็นสถานที่สอนความรู้อันบริสุทธิจากอัลกุรอานแก่ประชาชน”[2] ข้อสรุป: แม้ว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)จะเปิดศักราชแห่งการศึกษาวิทยาการถึงยี่สิบเจ็ดอักขระภายหลังจากที่ท่านปรากฏกาย อันกล่าวได้ว่าอาจเป็นโอกาสในการก้าวกระโดดทางวิชาการ แต่ก็มีบางคนในยุคนั้นที่ไม่สามารถจะบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ การจะบรรลุเป้าหมายทางวิชาการจะต้องอาศัยความพากเพียร เปรียบดั่งเป้าหมายแห่งตักวาที่ทุกคนสามารถไขว่คว้ามาได้ด้วยความบากบั่น ฉะนั้น ในเมื่อการบรรลุถึงจุดสูงสุดของตักวายังต้องอาศัยความอุตสาหะ การบรรลุถึงวิชาการทั้งยี่สิบเจ็ดอักขระก็ต้องอาศัยความพยายามและความมุมานะเช่นกัน
  • ผู้ที่เป็นวากิฟ (คนวะกัฟ) สามารถสั่งปลดอิมามญะมาอัตได้หรือไม่?
    8864 ข้อมูลน่ารู้ 2557/01/30
    ผู้วะกัฟหลังจากวะกัฟทรัพย์สินแล้ว เขาไม่มีสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สินนั้นอีกต่อไป, เว้นเสียแต่ว่าผู้วะกัฟจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ทรัพย์วะกัฟด้วยตัวเอง ส่วนกรณีเกี่ยวกับอำนาจของผู้ดูแลทรัพย์วะกัฟจะมีหรือไม่ มีทัศนะแตกต่างกัน บางคนกล่าวว่า ผู้ดูแลไม่มีสิทธิ์อันใดทั้งสิ้น บางกลุ่มเชื่อว่าผู้ดูแลนั้นสามารถกระทำการตามที่ถามมาได้ ถ้าใส่ใจเรื่องความเหมาะสม ...
  • จะเชิญชวนชาวคริสเตียนให้รู้จักอิสลามด้วยรหัสยนิยมอิสลาม(อิรฟาน)ได้อย่างไร?
    11067 รหัสยทฤษฎี 2554/08/14
    คุณสามารถกระทำได้โดยการแนะนำให้รู้จักคุณสมบัติเด่นของอิรฟาน(รหัสยนิยมอิสลาม) และเล่าชีวประวัติของบรรดาอาริฟที่มีชื่อเสียงของอิสลามและสำนักคิดอะฮ์ลุลบัยต์1). อิรฟานแบ่งออกเป็นสองประเภทด้วยกันอิรฟานเชิงทฤษฎีและอิรฟานภาคปฏิบัติเนื้อหาหลักของวิชาอิรฟานเชิงทฤษฎีก็คือก. แจกแจงเกี่ยวกับแก่นเนื้อหาของเตาฮี้ด(เอกานุภาพของอัลลอฮ์)ข. สาธยายคุณลักษณะของมุวะฮ์ฮิด(ผู้ยึดถือเตาฮี้ด)ที่แท้จริงเตาฮี้ดในแง่อิรฟานหมายถึงการเชื่อว่านอกเหนือจากพระองค์แล้วไม่มีสิ่งใดที่“มีอยู่”โดยตนเองทั้งหมดล้วนเป็นภาพลักษณ์ของอัลลอฮ์ในฐานะทรงเป็นสิ่งมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวทั้งสิ้น
  • ปัจจุบันสวรรค์และนรกมีอยู่หรือไม่ ?
    9217 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    พิจารณาจากโองการและรายงานต่างๆแล้วจะเห็นว่าสวรรค์และนรกที่ถูกสัญญาไว้มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งในปรโลกจะได้รับการเสนอขึ้นมาซึ่งมนุษย์ทุกคนจะถูกจัดส่งไปยังสถานที่อันเหมาะสมของแต่ละคนตามความเชื่อความประพฤติ
  • เหตุใดซิยารัตอาชูรอจึงมีการประณามบนีอุมัยยะฮ์แบบเหมารวม “لَعَنَ اللَّهُ بَنى اُمَیَّةقاطِبَةً” คนดีๆในหมู่บนีอุมัยยะฮ์ผิดอะไรหรือจึงต้องถูกประณามไปด้วย?
    7543 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/06/28
    อิสลามสอนว่าไม่ว่าจะในโลกนี้หรือโลกหน้าอัลลอฮ์ไม่มีทางลงโทษบุคคลใดหรือกลุ่มใดเนื่องจากบาปที่ผู้อื่นก่อนอกเสียจากว่าเขาจะมีส่วนร่วมหรือพึงพอใจหรือไม่ห้ามปราม กุรอานและฮะดีษสอนว่าสิ่งที่จะเชื่อมโยงบุคคลให้สังกัดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคือความคล้ายคลึงกันในแง่ของแนวคิดและวิธีปฏิบัติดังที่กุรอานไม่ถือว่าบุตรชายผู้ดื้อรั้นของนบีนู้ฮ์เป็นสมาชิกครอบครัวท่านทั้งนี้ก็เนื่องจากมีแนวคิดและวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉะนั้นบนีอุมัยยะฮ์ที่ถูกประณามในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีแนวคิดและวิธีปฏิบัติสอดคล้องกับบรรพบุรุษที่เคยมีบทบาทในการสังหารโหดท่านอิมามฮุเซน(อ.) หรือเคยยุยงต่อต้านสัจธรรมแห่งอิมามัตรวมถึงผู้ที่ละเว้นการตักเตือนเท่านั้นทว่าเชื้อสายบนีอุมัยยะฮ์ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยใดๆย่อมไม่ถูกประณาม ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60861 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58552 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42948 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40653 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39589 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34701 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28784 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28661 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28652 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26540 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...