การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
10093
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1708 รหัสสำเนา 19008
คำถามอย่างย่อ
มีความแตกต่างกันบ้างไหมระหว่างทัศนะของชีอะฮฺ กับทัศนะของซุนนียฺในปัญหาเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
คำถาม
ทัศนะของอะฮฺลิซซุนนะฮฺเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คืออะไร? และปัญหานี้ชีอะฮฺและซุนนะฮฺมีทัศนะแตกต่างกันหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

แน่นอนความเชื่อเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาอิสลาม บนพื้นฐานคำบอกกล่าวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ) ซึ่งมีอยู่ในคำสอนของทุกนิกายอิสลาม. รายงานฮะดีซที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) มีปรากฏอยู่ในตำราที่มีชื่อเสียงของฝ่ายอะฮฺลุซซุนนะฮฺจำนวนมากมาย ซึ่งถ้าพิจารณาให้ละเอียดนิดหน่อยก็จะพบว่าระหว่าง 2 นิกายอิสลามระหว่างซุนนีย์ และชีอะฮฺมีจุดคล้ายเหมือนกันมากมายเกี่ยวกับประเด็นอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งจุดร่วมและจุดคล้ายเหมือนเหล่านั้นได้แก่

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล )

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

3. คุณสมบัติทางกายภาพของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- เป็นผู้มีแสนยานุภาพขณะปรากฏกาย

- มีใบหน้าเปล่งรัศมีเรืองรอง

- เป็นผู้มีใบหน้าสง่างาม รูปหน้าวงรี จมูกโด่ง

- มีลักษณะท่าทางคล้ายศาสดา (ซ็อล ) และมีไฝที่หัวไหล่

4. มีนามชื่อเดียวกันกับท่านศาสดา (ซ็อล ).

5.ปฐมบทในการปรากฏกาย

- การสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงของประชาชน

- ความอธรรมได้ครอบครองโลก

6. สัญลักษณ์ของการปรากฏกาย

- มีเสียงเรียกร้องจากฟากฟ้า

- การออกมาของซุฟยาน

- การหลบซ่อนตัวของแผ่นดินนามว่า บีดาอฺ

- การสังหารชีวิตบริสุทธิ์

7. ภารกิจเกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- คำสั่งในการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในช่วงคืนเดียว

- สถานที่ปรากฏกาย

- การให้สัตยาบันกับท่านอิมามมะฮฺดีย. (.)

- การลงมาของมลาอิกะฮฺ เพื่อช่วยเหลือท่าน

- การปรากฏกายของศาสดาอีซา (.) เพื่อปฏิบัติตามท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

อย่างไรก็ตามอะฮฺลิซซุนนะฮฺกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อขัดแย้งกับชีอะฮฺ- พวกเขาไม่ยอมรับว่าอิมามมะฮฺดียฺ (.) ประสูติในปี .. 255 และอยู่สภาพเร้นกายที่ยาวนานเหมือนปัจจุบัน, ทว่าพวกเขามีความเชื่อว่าท่านอิมาม (.) จะประสูติในระยะเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏกาย (40 ปีก่อนการปรากฏกาย) ซึ่งท่านจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม และผู้ที่ได้รับสัญญานี้คือบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

คำตอบเชิงรายละเอียด

ปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในหมู่บรรดามุสลิมทั้งหลาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวมิได้จำกัดวงแคบอยู่เพียงสังคมชีอะฮฺเท่านั้น, ทว่าอะฮฺลิซซุนนะฮฺโดยทั่วไปก็มีความเห็นพร้องกับชีอะฮฺในเรื่องนี้ ซึ่งมีรายงานอยู่ในขั้นมุตะวาติร (เชื่อถือได้จำนวนมาก) กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺเอาไว้

รายงานฮะดีซเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานมาจากฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺ เป็นรายงานที่เชื่อถือได้ (มุตะวาติร) มีมากเกินกว่า 100 รายงาน ซึ่งฮะดีซเหล่านั้นทั้งหมดต่างพูดถึงเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ทั้งสิ้น สายรายงานที่มีชื่อเสียงซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 20 คน ล้วนเป็นเซาะฮาบะฮฺของท่านศาสดาทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาได้รายงานเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) โดยตรงจากปากของท่านศาสดา (ซ็อล ) และรายงานฮะดีซเหล่านี้ล้วนบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซที่มีชื่อเสียงของซุนนียฺทั้งสิ้น : ไม่ว่าจะเป็น สุนัน, มะอาญิม, มะซานีด, เช่น : สุนันอบูดาวูด, สุนันติรมีซีย์, สุนันอิบนุมาญะฮฺ, มุสนัดอะฮฺมัด, เซาะฮียฺฮากิม, บะซอซ, มุอฺญิมฏ็อบลอนนียฺ และอื่นๆ ..

จากตำราอ้างอิงและคำพูดของอุละมาอฺฝ่ายซุนนียฺ เข้าใจได้ว่า ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.) และท่านต้องปรากฏกายอย่างแน่นอนในวันหนึ่ง

ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ได้แสดงทัศนะต่างๆ มากมายเกี่ยวกับประเด็นการปรากฏกาย เช่น :

เกี่ยวกับการปรากฏกายของผู้ที่จะมาปรับปรุงโลกในยุคสุดท้าย ในหมู่เซาะฮาบะฮฺและตาบิอีนนับตั้งแต่ศตวรรษแรก และหลังจากนั้นจวบจนถึงปัจจุบันไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งอุละมาอฺซุนนียฺทั้งหมด มีความเห็นพร้องต้องกันถึงเรื่องการปรากฏกายของท่าน ถ้าหากบุคคลใดมีความคลางแคลงใจในความถูกต้องของฮะดีซของท่านศาสดา (ซ็อล ) เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามแล้วละก็, จะนำเอาฮะดีซเหล่านั้นไปกำกับความที่ว่า ไม่มีการยืนหยัดในประเด็นนี้หรือการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เองจวบจนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) แม้แต่คนเดียว

เกี่ยวกับประเด็นนี้ สุวัยดี กล่าวว่า : สิ่งที่ทุกคนเห็นพร้องต้องกันก็คือ มะฮฺดียฺคือบุคคลหนึ่งที่จะปรากฏกายและยืนหยัดต่อสู้ในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยควมยุติธรรม[1]

ค็อยรุดดีน อาลูซียฺ เป็นอุละมาอฺที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งของซุนนียฺ กล่าวว่า : บนพื้นฐานความถูกต้องที่สุดที่นักปราชญ์และผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้กล่าวเกี่ยวกับการปรากฏกายของมะฮฺดียฺคือ การปรากฏกายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันกิยามะฮฺ แม้ว่าจะมีผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺบางคนปฏิเสธทัศนะของเขาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่มีคุณค่าเพียงพอต่อการเชื่อถือแต่อย่างใด[2]

ตำราจำนวนมากมายที่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ในหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.), ถึงขั้นที่ว่าเชคมุฮัมมัด อีระวานียฺ ได้บันทึกไว้ในหนังสือของท่านนามว่า อัลอิมามุลมะฮฺดียฺ (.) ว่า : ชาวซุนนียฺ,ได้เขียนตำรามากมายเกี่ยวกับการรวบรวมรายงานฮะดีซ เกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ว่า ในยุคสุดท้ายจะมีบุคคลหนึ่งนามว่า มะฮฺดียฺ (.) ปรากฏกายออกมา, ฉันมีข้อมูลถูกต้องว่าผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้เขียนตำราในหัวข้อดังกล่าวมากเกินกว่า 30 เล่ม[3] แม้ว่าประเด็นดังกล่าวนี้จะมีความเห็นพร้องต้องกันระหว่างชีอะฮฺ และซุนนียฺ, แต่ก็มีซุนนียฺบางกลุ่มจำนวนน้อยนิดพยายามที่จะกล่าวว่า รายงานฮะดีซเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้, เช่น อิบนุคัลดูน ได้บันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ของตนว่าฮะดีซเหล่านี้อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[4] หรือระชีดริฎอ (ผู้เขียนตัฟซีรอัลมินาร) ได้อธิบายตอนอธิบายโองการที่ 32 บทอัตเตาบะฮฺโดยระบุว่าฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[5] อย่างไรก็ตามผู้รู้ทั้งสองท่านไม่ได้นำเหตุผลมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนแต่อย่างใด เพียงแค่กล่าวว่าฮะดีซเชื่อถือไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีเหตุผลอธิบายว่าเพราะอะไร ขณะเดียวกันคำพูดของผู้รู้ทั้งสองท่านนี้ได้รับการวิจารณ์และหักล้างอย่างรุนแรงจากผู้รู้ฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺท่านอื่น

งานเขียนของผู้รู้ฝ่ายชีอะฮฺก็ได้ตอบข้อครหาของผู้รู้ทั้งสองไว้เช่นกัน, ในส่วนของอิบนุคัลดูนได้เขียนเกี่ยวกับความเชื่อของมุสลิมในเรื่องมะฮฺดียฺ (.) ไว้ว่า : เป็นที่รับทราบกันเป็นอย่างดีในหมู่มุสลิมทั้งหลายว่า ในยุคสุดท้ายจะมีชายคนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของเราะซูลปรากฏกายออกมา เขาจะปกป้องศาสนาและสถาปนาความยุติธรรม และมุสลิมทั้งหลายจะเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา และเขาจะได้ครอบครองอาณาจักรอิสลาม ซึ่งบุคคลนั้นมีนามชื่อว่า มะฮฺดียฺ (.)[6] ด้วยเหตุนี้เอง, การที่อิบนุคัลดูน กล่าวว่า ฮะดีซที่เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น จึงขัดแย้งอย่างรุนแรงกับความเชื่อส่วนใหญ่ของผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺในเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างความเชื่อเหล่านั้นได้ เนื่องจากความเชื่อในเรื่องนี้มาจากฮะดีซจำนวนมาก ซึ่งได้รายงานไว้โดยสายงานซุนนียฺ

ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงรายงานฮะดีซของผู้รู้บางท่าน ที่ได้บันทึกฮะดีซเหล่านี้ไว้ในตำราของตน แม้ว่าจะประมาณการได้คร่าวๆ ว่าคำกล่าวอ้างเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ได้ถูกบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซของฝ่ายซุนนียฺ อย่างน้อยที่สุดเพียงสองสามรายงาน เช่น :

1.อิบนุสะอฺด์ (เสียชีวิตเมื่อ .. 230), 2. อิบนุอบีชัยบะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 235), 3. อะฮฺมัดบินฮันบัล (เสียชีวิตเมื่อ .. 241), 5.มุสลิม (เสียชีวิตเมื่อ .. 261), 6.อิบนุมาญะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 7.อบูบักรฺ อัสกาฟียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 8.ติรมีซียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 279), 9.ฏ็อบรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 280), 10. อิบนุกุตัยบะฮฺ ดีนวะรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 276), 11.ฮากิม เนชาบูรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 405), 12.บัยฮะกียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 458), 13.เคาะฏีบ บัคดาดียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 463), 14.อิบนุ อะซีร ญุซรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 606),[7]

ผู้รู้ฝ่ายซุนนีย์อีกท่านหนึ่งเขียนว่า : มีรายงานจำนวนมากมายเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานเหล่านั้นอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้) ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ, ถึงขั้นที่ว่าเป็นความเชื่อของพวกเขาทีเดียว, ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺอีกท่านหนึ่งเขียนว่า : รายงานฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียนั้นได้ถูกรายงานไว้โดยสายรายงานที่แตกต่างกัน ซึ่งได้รายงานมาจากเซาะฮาบะฮฺเสียเป็นส่วนใหญ่ และลำดับต่อจากนั้นได้รายงานมาจาตาบิอีน, ถึงขั้นที่ว่ากลุ่มฮะดีซเหล่านั้นให้ประโยชน์อันเชื่อถือได้ทางวิชาการ, ด้วยเหตุนี้เองการเชื่อเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นวาญิบ, ดังเช่นที่ว่าวาญิบนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วในหมู่นักวิชาการฝ่ายซุนนียฺ และเป็นหลักความเชื่อที่ได้รับการยอมรับในหมู่ซุนนียฺด้วย[8] อิบนุกะซีร กล่าวไว้ในหนังสือ อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ ว่า : มะฮฺดียฺ (.) จะปรากฏกายในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและคุณธรรม ดุจดังเช่นที่โลกเคยเปี่ยมไปด้วยความอธรรมและบายมุข. เราได้เรียบเรียงฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ (.) โดยแยกเล่มไว้ต่างหาก ดังเช่นที่อบูดาวูด ได้แยกฮะดีซไว้ในหนังสือสุนันของท่าน[9] ประเด็นนี้ได้รับการรายงานโดยผู้รู้ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายซุนนียฺ, ซึ่งทำให้ประจักษ์ว่าปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และการเชื่อเรื่องการปรากฏกายของท่านนั้น ถือเป็นความเชื่อที่ได้รับการพิสูจน์และเป็นความเชื่อมั่นคงในฝ่ายซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ และฮะดีซที่รายงานเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านนั้นในหมู่พวกเขาอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้).

เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่กล่าวมาแล้วได้บทสรุปดังนี้ว่า ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ระหว่างชีอะฮฺ กับซุนนียฺมีจุดร่วมที่คล้ายเหมือนกัน ดังนั้นตรงนี้จึงใคร่ขอนำเสนอจุดร่วมเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ ของสองนิกายอิสลามชีอะฮฺ และซุนนียฺ ไว้ดังนี้ :

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในทัศนะชีอะฮฺเป็นที่ประจักษ์แน่นอนอยู่แล้ว, ส่วนในทัศนะของซุนนียฺนั้นจะชี้ให้เห็นบางประเด็นดังนี้

2.1 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล ) อิบนุมาญะฮฺ ได้กล่าวไว้ในสุนันของท่านว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : มะฮฺดียฺมาจากพวกเราอะฮฺลุลบัยตฺ อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรทรงให้เขาปรากฏในยามกลางคืน[10]

"المهدی ]عج[ منا اهل البیت یصلحه الله عزوجل فی لیلة"

2.2 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.), ซุยูฏียฺ กล่าวไว้ในหนังสือ อุรฟุลวัรดียฺ ว่า ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้จับมือท่านอะลี (.) พร้อมกับกล่าวว่า : [11]จะมีชายหนุ่มออกมาจากไขสันหลังของชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งเขาจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและดุลยภาพ

"سیخرج من صلب هذا فتی یملأ الارض قسطاً و عدلاً"

2.3 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จะปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลามได้อย่างไรในสภาพสังคมบริโภคนิยม มีความแตกแยก และโกหกหลอกลวงกันอย่างแพร่หลาย?
    7986 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/05/31
    บทบัญญัติอิสลามสามารถนำมาใช้ได้สองมิติด้วยกัน บางประการเกี่ยวข้องกับปัจเจกบุคคล และบางประการเกี่ยวข้องกับสังคม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัจเจกนั้น สามารถปฏิบัติได้ในทุกสภาพสังคม กล่าวคือ หากมุสลิมประสงค์จะปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลามเชิงปัจเจก อาทิเช่น นมาซ ถือศีลอด ฯลฯ แม้สังคมนั้นๆจะเสื่อมทราม แต่ก็ไม่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อกิจวัตรส่วนตัวมากนัก แต่บทบัญญัติบางข้อเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในสังคมที่สามารถประยุกต์ใช้ในสังคมได้ และเนื่องจากมนุษย์ไฝ่ที่จะอยู่ในสังคม จึงจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่และสนองความต้องการของตนภายในสังคม ในมุมมองนี้บุคคลควรปกป้องคุณธรรมศาสนาเท่าที่จะมีความสามารถ และมีหน้าที่จะต้องกำชับกันในความดีและห้ามปรามความชั่วตามสำนึกที่มีต่อสังคม ซึ่งแม้ไม่สัมฤทธิ์ผลก็ถือว่าได้ทำตามหน้าที่แล้ว อนึ่ง ในกรณีที่ต้องใช้ชีวิตในสภาพสังคมเช่นนี้ ควรพึ่งพาตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...
  • อิสลามและอิมามโคมัยนีมีทัศนคติอย่างไรเกี่ยวกับการหยอกล้อและการพักผ่อนหย่อนใจ?
    7513 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/20
    เป้าประสงค์ของการสร้างมนุษย์ตามทัศนะของอิสลามคือการอำนวยให้มนุษย์มีพัฒนาการเพราะทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายดังกล่าวทั้งนี้เนื่องจากมนุษย์คือสิ่งถูกสร้างที่ประเสริฐสุดดังที่กุรอานกล่าวว่า "ข้ามิได้สร้างมนุษย์และญินมาเพื่ออื่นใดเว้นแต่ให้สักการะภักดีต่อข้า"[i] นักอรรถาธิบาย(ตัฟซี้ร)ลงความเห็นว่าการสักการะภักดีในที่นี้หมายถึงภาวะแห่งการเป็นบ่าวซึ่งเป็นปัจจัยสำหรับพัฒนาการที่แท้จริงของมนุษย์เพื่อการนี้อิสลามให้ความสำคัญต่อทั้งด้านร่างกายและจิตใจมนุษย์ดังที่อิมามอลี(อ.)กล่าวไว้ว่าผู้ที่มีอีหม่านจะต้องมีสามช่วงเวลาในแต่ละวันของเขา: ส่วนหนึ่งสำหรับการอิบาดะฮ์ส่วนหนึ่งสำหรับการทำมาหากินและกิจการทางโลกส่วนหนึ่งสำหรับความบันเทิงที่ฮะล้าลและใช้ประโยชน์จากความโปรดปรานของพระองค์โดยที่ส่วนสุดท้ายจะช่วยให้สองส่วนแรกเป็นไปอย่างราบรื่น[ii]อิสลามไม่เคยคัดค้านการพักผ่อนหย่อนใจหรือการหยอกล้อที่ถูกต้องไม่เคยห้ามว่ายน้ำในทะเลซ้ำบรรดาอิมาม(อ.)ได้สอนสาวกให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเชิงปฏิบัติท่านนบี(ซ.ล.)เองก็เคยหยอกล้อกับมิตรสหายเพื่อให้มีความสุขท่านอิมามโคมัยนีไม่เคยคัดค้านการพักผ่อนหย่อนใจและการหยอกล้อที่อยู่ในขอบเขตท่านกล่าวเสมอว่าการพักผ่อนหย่อนใจควรเป็นไปอย่างถูกต้องท่านไม่เคยคัดค้านรายการบันเทิงตามวิทยุโทรทัศน์บางครั้งท่านชื่นชมยกย่องทีมงานของรายการต่างๆเหล่านี้ด้วยแต่ท่านก็ให้คำแนะนำอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับประเด็นนี้โดยถือว่าทุกรายการจะต้องมีจุดประสงค์เพื่อรับใช้อิสลามและแฝงไว้ซึ่งคำสอนทางจริยธรรมอย่างไรก็ดีการที่จะศึกษาทัศนะของอิมามโคมัยนีนั้นจำเป็นต้องอ้างอิงจากเว็บไซต์ของศูนย์เรียบเรียงและเผยแพร่ผลงานของอิมามโคมัยนีหรือหาอ่านจากหนังสือชุดเศาะฮีฟะฮ์นู้รตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ (เปอร์เซีย)http://www.imam-khomeini.org/farsi/main/main.htm[i]ซูเราะฮ์
  • อาริสโตเติลเป็นศาสดาแห่งพระเจ้าหรือไม่?
    9781 تاريخ بزرگان 2554/09/25
    อาริสโตเติล, เป็นนักฟิสิกส์ปราชญ์และนักปรัชญากรีกโบราณเป็นลูกศิษย์ของเพลโตและเป็นอาจารย์ของอเล็กซานเดอร์มหาราชท่านและเพลโตได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักปรัชญาที่มีอิทธิพลสูงที่สุดท่านหนึ่งในโลกตะวันตก
  • นามของสตรีสี่ท่านที่ได้รับการเลือกสรรและนามของบิดาของพวกเธอคืออะไร ?
    6473 تاريخ بزرگان 2554/09/25
    ท่ามกลางหมู่มิตรของอัลลอฮฺและหมู่กัลญาณชนตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพวกเขาได้เสียสละในแนวทางของความเป็นเอกะและเป้าหมายของพระเจ้าอย่างมากมายนามชื่อของพวกเขาได้จารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์มนุษย์แต่ท่ามกลางหมู่ชนแหล่งอ้างอิงและรายงานในอิสลามได้จารึกนามของสตรีสี่ท่านที่ได้รับการเลือกสรรเอาไว้ว่าเป็นสตรีที่ดีที่สุดมีเกียรติและฐานันดรสูงส่งที่สุดในฐานะที่เป็นสตรีที่ดีที่สุดและเป็นสตรีชาวสวรรค์ที่ดีที่สุดด้วยท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวแก่ท่านอมีรุลมุอฺมินีน ...
  • มีความแตกต่างกันบ้างไหมระหว่างทัศนะของชีอะฮฺ กับทัศนะของซุนนียฺในปัญหาเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
    10092 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    แน่นอนความเชื่อเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) เป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาอิสลามบนพื้นฐานคำบอกกล่าวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ
  • อิมามซะมาน (อ.) มีความคล้ายเหมือนและมีความต่างอย่างไร กับผู้ถูกสัญญาในศาสนาอื่นทั้งศาสนาที่มาจากฟากฟ้าและมิได้มาจากฟากฟ้า?
    7473 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    ศาสนาที่มีชื่อเสียงบนโลกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาแห่งฟากฟ้าหรือศาสนาที่นับถือพระเจ้าจะมีจุดร่วมเดียวกันกล่าวคือจะมีชายคนหนึ่งปรากฏกายออกมาซึ่งบุคคลนั้นจะมีคุณค่ามากมายและรัฐบาลสากลของเขาจะสร้างความยุติธรรมความสงบสุข
  • จำเป็นต้องสวมแหวนทางมือขวาด้วยหรือ ?
    14457 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    หนึ่งในแบบฉบับของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์คือการสวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวาซึ่งมีรายงานกล่าวไว้ถึงประเภทของแหวนรูปทรงและแบบ. นอกจากคำอธิบายดังกล่าวที่ว่าดีกว่าให้สวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวาแล้วบทบัญญัติทั้งหมดที่กล่าวเกี่ยวกับแหวนก็จะเน้นเรื่องการเป็นมุสตะฮับและเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ห้ามสวมแหวนทอง (และเครื่องประดับทุกชนิดที่ทำจากทองคำ) ซึ่งได้ห้ามในลักษณะที่เป็นความจำเป็นด้วยเหตุนี้
  • ถ้าหากนะมาซคือเสาหลักของศาสนา แล้วทำไมจึงจัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นหลักการของศาสนา?
    9345 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/08/22
    อุซูลลุดดีน หรือหลักศรัทธาเป็นภารกิจทางความเชื่อ ซึ่งมนุษย์ได้ยอมรับสิ่งนั้นด้วยสติปัญญาของตน และได้กลายเป็นมุสลิม หลังจากยอมรับการศรัทธาแล้ว อิสลามได้กำหนดหน้าที่อันเป็นวาญิบแก่เขา ทั้งที่เป็นหน้าที่ส่วนรวมและปัจเจกบุคคล ซึ่งหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของมุสลิมคือ นะมาซ ด้วยเหตุที่ว่า นะมาซ นั้นมีความกว้างและเป็นบทบัญญัติที่สำคัญอย่างยิ่ง จึงได้เรียกนะมาซว่าเป็น เสาหลักของศาสนา แต่ไม่นับว่าเป็นว่ารากฐานทางความเชื่อ ซึ่งไม่สามารถนับว่าเป็นหลักศรัทธาหรืออุซูลลุดดีนได้ ...
  • การให้การเพื่อต้อนรับเดือนมุฮัรรอม ตามทัศนะของชีอะฮฺถือว่ามีความหมายหรือไม่?
    7826 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/20
    การจัดพิธีกรรมรำลึกถึงโศกนาฏกรรมของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ถือเป็นซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ซึ่งได้รับการสถาปนาและสนับสนุนโดยบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.)
  • เพราะเหตุใดจึงได้เลือก อัดลฺ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะของพระเจ้า เป็นหลักศรัทธา?
    7603 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/08/22
    หลักอุซูลของชีอะฮฺประกอบด้วย เตาฮีด, อัดลฺ, มะอาด, นะบูวัต, และอิมามะฮฺ. อัดลฺ แม้ว่าจะเป็นซิฟัตหนึ่งของอัลลอฮฺ แต่ในหลักการศรัทธาแล้วก็เหมือนกับ ซิฟัตอื่นๆ ของพระองค์ จำเป็นต้องวิพากในเตาฮีด แต่เนื่องจากความสำคัญของอัดลฺ จึงได้แยกอธิบายไว้ต่างหาก สาเหตุที่ อัดลฺ มีความสำคัญเนื่องจาก อัดลฺ คือสาเหตุของการแยกระหว่างหลักเทววิทยาของฝ่าย อัดลียะฮฺ (ชีอะฮฺและมุอฺตะซิละฮฺ) ออกจากฝ่ายอะชาอิเราะฮฺ ซิฟัตหนึ่งถ้าพิสูจน์ว่ามีหรือไม่มี จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันและตรงข้ามกัน แน่นอน จำเป็นต้องกล่าวว่าฝ่ายอะชาอิเราะฮฺ ปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องความยุติธรรมของพระเจ้า ทว่ากล่าวว่า ความยุติธรรม หมายถึงอัลลอฮฺกระทำภารกิจของพระองค์ แม้ว่าในแง่ของสติปัญญา สิ่งนั้นจะเป็นความอธรรมก็ตาม ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60693 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58323 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42793 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40294 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39414 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34543 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28605 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28511 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28465 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26377 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...