การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
59395
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/07/07
 
รหัสในเว็บไซต์ fa925 รหัสสำเนา 14906
คำถามอย่างย่อ
อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
คำถาม
กรุณาชี้แจงหน้าที่ทางกฏหมายที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามี และอยากทราบว่าสามีมีสิทธิเรียกร้องให้ภรรยากระทำสิ่งใดได้บ้าง?
คำตอบโดยสังเขป

ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:
1. ยอมรับภาวะผู้นำของสามี: หากเกิดปัญหาครอบครัว สามีควรได้รับสิทธิชี้ขาดในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ดี สามีไม่ควรลุแก่อำนาจ และใช้สิทธิดังกล่าวจนกระทั่งขัดต่อศาสนาและกฏหมาย และขัดต่อความราบรื่นของชีวิตคู่
2. การยินยอมเรื่องเพศสัมพันธ์: ภรรยาจะต้องยินยอมให้สามีมีเพศสัมพันธ์ตามปกติวิสัย และตามแต่สุขภาพกายและใจจะอำนวย เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นต้องงด อย่างเช่น ขณะมีรอบเดือนหรือขณะป่วยไข้
3. ยินยอมสามีในเรื่องภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย: ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่สามีโอนสิทธิดังกล่าวแก่ภรรยาแล้ว และไม่รวมถึงกรณีที่จะส่งผลให้ภรรยาเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของภรรยา
4. เชื่อฟังสามีในเรื่องการออกนอกบ้าน และการพาผู้อื่นเข้ามาในบ้านตามเหมาะสม: ยกเว้นกรณีที่สามีห้ามไม่ให้เดินทางไปทำฮัจย์วาญิบ หรือกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา หรือหากการอยู่ในบ้านเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง.
5. เชื่อฟังสามีในเรื่องการเข้าทำงาน หรือการเลือกประเภทงาน ในกรณีที่ขัดต่อกาลเทศะ สถานภาพและความเหมาะสมของทั้งสองฝ่าย

คำตอบเชิงรายละเอียด

พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างทั้งชายและหญิงให้มีลักษณะที่หากปราศจากเพศตรงข้าม แต่ละเพศจะไม่สามารถถือกำเนิดและดำรงชีวิตต่อไปได้ ไม่สามารถบำบัดความต้องการทางกายและจิตใจโดยลำพังอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถพัฒนาตนทั้งในแง่จิตวิญญาณและศาสนาไม่ว่าจะในเชิงปัจเจกหรือสังคม ประหนึ่งว่าแต่ละเพศเมื่อหลอมรวมกันแล้วจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ แต่หากแยกจากกันก็จะมีความบกพร่องที่ต้องได้รับการเติมเต็ม[1]
คุณลักษณะดังกล่าวเมื่อนำมาพิจารณาถึงความแตกต่างในแง่ร่างกายและจิตใจของชายหญิง อัลลอฮ์จึงทรงกำหนดสิทธิและหน้าที่[2]ของสามีภรรยาไว้ทั้งในลักษณะรวมและเฉพาะแต่ละเพศ ทั้งนี้ก็เพื่อสนองความต้องการทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ผู้รู้ทางศาสนาให้ความสำคัญต่อสิทธิหน้าที่ของสามีภรรยาทั้งในทางฟิกเกาะฮ์(นิติศาสตร์อิสลาม)[3] จริยธรรม[4] และกฏหมายแพ่ง[5] ทั้งนี้ก็เนื่องจากสิทธิและหน้าที่ทางจริยธรรมเปรียบเสมือนเสาหลักที่ค้ำประกันสิทธิหน้าที่ทางกฏหมายแพ่ง[6] ส่วนสิทธิหน้าที่ทางฟิกเกาะฮ์ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับสิทธิหน้าที่ทางกฏหมาย เราจึงขอนำเสนอสิทธิและหน้าที่ทางจริยธรรมและกฏหมายอิสลามดังต่อไปนี้:

ส่วนแรก: หน้าที่ทางจริยธรรมอิสลามของภรรยา
จากเนื้อหาของฮะดีษทำให้เราสามารถจำแนกหน้าที่ของภรรยาออกเป็นสองส่วน นั่นคือ คุณค่าของการปฏิบัติหน้าที่ต่อสามี และรายละเอียดหน้าที่
. คุณค่าของการปฏิบัติหน้าที่ต่อสามี
1.ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า“หากอนุมัติให้ศิโรราบต่อสิ่งที่มิไช่พระเจ้า ฉันจะบอกให้เหล่าภรรยาศิโรราบต่อสามี”
2. สิทธิของสามี มีมากกว่าสิทธิของผู้ใดเหนือภรรยา
3. ญิฮาดของภรรยาคือการอดทนต่อพฤติกรรมไม่ดีของสามี
4. ภรรยาไม่ควรยั่วโทสะสามี แม้ว่าสามีจะทำให้เธอไม่สบายใจ
5. ภรรยาที่ไม่ได้รับความพอใจจากสามี ศาสนกิจของเธอจะไม่ได้รับการตอบรับ
6. ภรรยาที่ไม่รู้คุณสามี จะไม่ได้รับผลบุญใดๆจากศาสนกิจ[7]

ข. รายละเอียดหน้าที่ของภรรยา
1. ภรรยาไม่ควรเผลอใจแก่ชายอื่น มิเช่นนั้นจะถือเป็นหญิงผิดประเวณีในทัศนะของพระองค์
2.
ภรรยาไม่ควรปฏิเสธกามารมณ์ของสามี และควรตอบรับหากสามีขอร่วมหลับนอนแม้บนพาหนะ ไม่ว่าช่วงวันหรือกลางคืน แต่หากไม่เป็นไปตามนี้ เธอจะถูกมวลมะลาอิกะฮ์ละอ์นัต(ประณาม)
3
. ภรรยาไม่ควรถือศีลอดสุหนัต(ภาคอาสา)หากไม่ได้รับการยินยอมจากสามี (นี่คือคำสอนเชิงสัญลักษณ์ และน่าจะหมายรวมถึงศาสนกิจสุหนัตทุกประการ)
4. ภรรยาไม่ควรนมาซให้ยาวนาน หากจะทำให้ไม่สามารถสนองความต้องการเร่งด่วนของสามีได้
5. ภรรยาไม่ควรให้ทรัพย์สินแก่ผู้ใดแม้แต่เศาะดะเกาะฮ์ หากสามีไม่ยินยอม
6. ภรรยาไม่ควรออกนอกบ้านหากสามีไม่ยินยอม มิเช่นนั้นจะถูกประณามโดยมะลาอิกะฮ์แห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน รวมถึงมะลาอะฮ์แห่งความเมตตาและความกริ้ว[8]
7. ภรรยาควรเสริมสวย ใช้เครื่องหอม และประดับประดาตนเพื่อสามีเท่านั้น และหากกระทำไปเพื่อชายอื่น นมาซของเธอจะไม่ได้รับการตอบรับ.[9]

ส่วนที่สอง: หน้าที่ตามบทบัญญัติอิสลาม
ประกอบด้วยหมวดหน้าที่ร่วมกันของทั้งสามีและภรรยา และหน้าที่จำเพาะสำหรับภรรยา
ก. หน้าที่ร่วมกันของสามีและภรรยา
:
1.
มีปฏิสัมพันธ์อย่างอบอุ่น: สามีและภรรยาต่างมีหน้าที่ในการแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีต่อกัน ไม่ว่าจะในแง่การกระทำ วาจา หรือแม้แต่สีหน้า และจะต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่สร้างความร้าวฉาน นอกจากจะมีข้อยกเว้นในแง่บทบัญญัติ กฏหมาย หรือวิถีประชา
2. ถ้อยทีถ้อยอาศัย:
สามีภรรยาจะต้องร่วมมือร่วมใจกันสร้างเสริมสถาบันครอบครัวให้ก้าวหน้ามั่นคง ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวขึ้นอยู่กับวัตรปฏิบัติในแต่ละสังคม กาลเทศะ ขนบธรรมเนียม และสถานภาพของทั้งสองฝ่าย ตัวอย่างเช่น หากธรรมเนียมสังคมกำหนดว่าภาระในบ้าน การเลี้ยงดูและให้นมบุตรเป็นหน้าที่ของภรรยา และกำหนดว่าภาระนอกบ้านเป็นหน้าที่ของสามี ทั้งสองฝ่ายก็ควรประสานงานกันตามธรรมเนียมดังกล่าว
3. การเลี้ยงดูบุตรธิดา:
สามีภรรยาจะต้องทุ่มเทเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูบุตรธิดาตามอัตภาพ กาลเทศะ และระดับความคาดหวังในแต่ละสังคม
4. ซื่อสัตย์ต่อกัน:
สามีภรรยาจะต้องไม่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางผิดประเวณีกับผู้อื่น

ข. หน้าที่จำเพาะภรรยาตามบทบัญญัติ
1. ยินยอมต่อภาวะผู้นำของสามี: หากเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว สามีควรได้รับสิทธิตัดสินชี้ขาด อย่างไรก็ดี หน้าที่ดังกล่าวของสามีไม่ควรเป็นไปในลักษณะที่ขัดต่อหลักอัธยาศัยไมตรีและหลักถ้อยทีถ้อยอาศัย รวมทั้งจะต้องไม่ขัดต่อหลักศาสนาและกฏหมายแพ่ง อันเกิดจากการลุแก่อำนาจของสามี

2. ตัมกีน[10]: ภรรยาจะต้องยินยอมให้สามีมีเพศสัมพันธ์ตามปกติวิสัย และตามแต่สุขภาพกายและใจจะอำนวย เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นทางศาสนาหรือกฏหมายที่ต้องงด อย่างเช่น ขณะมีรอบเดือนหรือขณะป่วยไข้

3. ยินยอมสามีในเรื่องภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย: ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่สามีโอนสิทธิในการตัดสินใจให้แก่ภรรยาแล้ว และไม่รวมถึงกรณีที่จะส่งผลให้ภรรยาเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของภรรยา

4. เชื่อฟังสามีในเรื่องการออกนอกบ้าน และการพาผู้อื่นเข้ามาในบ้านตามเหมาะสม: ยกเว้นกรณีที่สามีห้ามไม่ให้เดินทางไปทำฮัจย์วาญิบ หรือกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา หรือหากการอยู่ในบ้านเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง.

5. เชื่อฟังสามีในเรื่องการเข้าทำงาน หรือการเลือกประเภทงาน ในกรณีที่ไม่ขัดต่อกาลเทศะ สถานภาพและความเหมาะสมทางสรีระและจิตใจของทั้งสองฝ่าย

ทั้งหมดนี้เป็นการประมวลหน้าที่ของภรรยาที่พึงปฏิบัติต่อสามีอย่างคร่าวๆ และเพื่อให้หัวข้อนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จะขอนำเสนอภาระหน้าที่ๆสามีพึงปฏิบัติต่อภรรยาโดยสังเขปดังนี้

ส่วนที่สาม: หน้าที่ของสามีต่อภรรยา
หน้าที่ของสามีต่อภรรยาแบ่งออกเป็นสองประเภท หน้าที่ทางจริยธรรม และหน้าที่ทางบทบัญญัติ
ก. หน้าที่ทางจริยธรรม
: เนื้อหาของฮะดีษได้จำแนกออกเป็นสองส่วน นั่นคือ คุณค่าของการประพฤติดีต่อภรรยา และรายละเอียดหน้าที่
หนึ่ง
: คุณค่าของการประพฤติดีต่อภรรยา
1. การมอบความรักแด่ภรรยาคืออุปนิสัยของบรรดานบี[11]
2. การสารภาพรักต่อภรรยาจะไม่เลือนหายไปจากใจเธอ
3. ให้อภัยภรรยาหากแสดงเธอพฤติกรรมไม่ดี
4. ประพฤติต่อเธออย่างทะนุถนอมเอาใจใส่
5. ชายที่ประเสริฐสุดในทัศนะของพระองค์คือ สามีที่มีความประพฤติดีที่สุดต่อภรรยา
6. ชายที่เป็นที่รักที่สุด คือสามีที่ประพฤติดีต่อภรรยาบ่อยที่สุด
7. ต้องหวั่นเกรงการตัดสินของพระองค์ หากไม่ระมัดระวังสิทธิของภรรยา.

สอง: รายละเอียดหน้าที่ทางจริยธรรม
1. มองภรรยาในฐานะดอกไม้ที่ควรค่าแก่การทะนุถนอม มิไช่สาวใช้ในบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อคงไว้ซึ่งความสดใสสวยงามของเธอ และไม่คาดหวังจากเธอในสิ่งที่เกินเลยความสามารถ
2. ตระเตรียมปัจจัยสี่และเครื่องประดับให้เหมาะสมสำหรับเธอ โดยเฉพาะสำหรับวันอีด
3. สอบถามความเห็นของภรรยาในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตคู่
4. รักษาสิทธิภรรยาในแง่กิจกรรมทางเพศ

ข. ภาระหน้าที่ตามบทบัญญัติ
แบ่งออกเป็นสองส่วน หน้าที่รวมสำหรับสามีภรรยา(ซึ่งได้กล่าวไปแล้ว) และหน้าที่จำเพาะสำหรับสามี

ส่วนที่สี่: หน้าที่จำเพาะของสามี
ก. หน้าที่ในเรื่องค่าใช้จ่าย
1. จัดหาอาหารที่เหมาะสมกับฐานะภาพของภรรยา
2.
จัดหาเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับฐานะภาพของภรรยา
3. จัดหาเครื่องประดับที่เหมาะสมกับฐานะภาพของภรรยา
4. จัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับฐานะภาพของภรรยา
5. จัดหาคนช่วยทำงานบ้านหากจำเป็น ตามความเหมาะสมกับฐานะภาพของภรรยา หรือในกรณีที่ภรรยาล้มป่วย
6. จัดหาหยูกยาและให้การรักษาภรรยาหากล้มป่วย[12]

ข. หน้าที่ในการร่วมหลับนอน
กฏหมายทั่วไปมิได้ชี้ชัดในจุดนี้โดยระบุไว้เพียงหลักอัธยาศัยไมตรีอันดีต่อกัน ทว่าผู้รู้ทางศาสนาได้นำเสนอประเด็นดังกล่าวไว้ดังนี้
:
1.
หลังพิธีแต่งงานแล้ว ภรรยามีสิทธิเหนือสามีในการร่วมเตียงเคียงหมอนดังนี้
หากเป็นสาวพรหมจรรย์ สามีมีหน้าที่จะต้องอยู่กับเธอไม่น้อยกว่าเจ็ดคืน แต่หากเป็นหญิงที่ผ่านการแต่งงานแล้ว สามีมีหน้าต้องอยู่กับเธอไม่น้อยกว่าสามคืน โดยหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว หากเธอเป็นภรรยาคนเดียวของสามี ภายในสี่คืน สามีมีหน้าที่ต้องอยู่กับเธออย่างน้อยหนึ่งคืน แต่หากมีภรรยาหลายคน สามีมีหน้าที่ต้องอยู่กับภรรยาแต่ละคนไม่น้อยกว่าหนึ่งคืนต่อสี่คืน[13]

2.
หน้าที่ด้านกิจกรรมทางเพศ: สามีมีหน้าที่จะต้องประกอบกามกิจกับภรรยาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งต่อสี่เดือน ซึ่งถือเป็นสิทธิของภรรยาอย่างหนึ่ง.



[1] เอกสารประกอบการสอนวิชาสิทธิสตรีในอิสลาม,อาจารย์มิศบาฮ์ ยัซดี,ครั้งที่ 209 ,หน้า  2096.

[2] ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์,233 และ, อันนิซาอ์,4 และ, อันนะฮ์ลิ,72 และ, อัรรูม,21 ตลอดจนโองการอื่นๆที่เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของสามีภรรยา.

[3] บรรดาผู้รู้ศาสนาและมัรญะอ์ตั้กลีดมักนำเสนอหัวข้อสิทธิและหน้าที่ภรรยาไว้ในหมวดการแต่งงานถาวร บทการนิกะฮ์.

[4] สิ่งที่ได้นำเสนอไปเกี่ยวกับหน้าที่ต่างๆในข้อเขียนนี้ อ้างอิงจากฮะดีษของบรรดามะศูมีน(อ.)ที่รายงานในหนังสือ“ฮิลยะตุ้ลมุตตะกีน”บทที่หก,หมวดที่สี่,ที่นำเสนอเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของสามีภรรยา.

[5] จำต้องทราบถึงข้อแตกต่างระหว่างหน้าที่ทางจริยธรรมกับหน้าที่ทางกฏหมายแพ่งเกี่ยวกับครอบครัวดังนี้ 1. ข้อแนะนำทางจริยธรรมตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและศาสนา แต่กฏหมายจะต้องตราขึ้นโดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น อาทิเช่นฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ 2. ข้อแนะนำทางจริยธรรมเป็นไปเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับพระเจ้า,ตนเองและผู้อื่น แต่กฏหมายนั้นตราขึ้นเพื่อกำหนดขอบเขตความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับคนในสังคม 3. ข้อแนะนำทางจริยธรรมมีเป้าหมายเพื่อบรรลุถึงสัมพันธภาพระหว่างบุคคลกับพระเจ้า แต่กฏหมายตราขึ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมทางโลก และเพื่อบริหารให้ชีวิตราษฎรเป็นไปอย่างราบรื่น 4. ข้อแนะนำทางจริยธรรมเน้นเจตนาเป็นหลัก ในขณะที่กฏหมายเน้นการกระทำเป็นหลัก 5. ข้อแนะนำทางจริยธรรมบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยเชิงบวกของบุคคลได้มากกว่าข้อบังคับทางกฏหมาย 6. ข้อแนะนำทางจริยธรรมบางประการเป็นสุหนัต(ภาคอาสา) แต่ข้อกฏหมายล้วนเป็นข้อบังคับทุกประการ 7. ข้อแนะนำทางจริยธรรมมีแรงบันดาลใจทั้งโลกนี้และโลกหน้า แต่ข้อกฏหมายขึ้นอยู่กับอำนาจทางตำรวจทหารเท่านั้น. ดู: ปรัชญาจริยธรรม และเอกสารประกอบการบรรยายวิชาสารธรรมกุรอาน,ครั้งที่ 177.

[6] ข้อกฏหมายที่นำเสนอในข้อเขียนนี้อ้างอิงจากมาตรา1112 ถึง1117 กฏหมายแพ่งและกฏหมายฟ้องร้อง(ของอิหร่าน)ในหนังสือกฏหมายแพ่ง,เล่ม 4 ,หน้า 5 .เขียนโดยดร.ฮุเซน อิมามี และหนังสือกฏหมายครอบครัว,เล่ม1,โดยดร.ฮะซัน ศะฟออี และอะสะดุลลอฮ์ อิมามี.

[7] ฮิลยะตุ้ลมุตตะกีน,อ.มัจลิซี,บทที่ 6 ,หน้า 76-77.

[8] หนึ่งในข้อแตกต่างก็คือ ผู้รู้ทางศาสนาให้ความเห็นว่าภรรยามีสิทธิเรียกร้องค่าเหนื่อยในการทำงานบ้านจากสามี ในขณะที่นักกฏหมายบางคนเชื่อว่าการทำงานบ้านรวมอยู่ในหน้าที่การประสานความร่วมมืออยู่แล้ว และไม่ควรเรียกร้องค่าจ้างในการปฏิบัติหน้าที่ๆต้องกระทำ, กฏหมายครอบครัว,ศะฟออีและอิมามี,เล่ม1, หน้า162.

[9] ฮิลยะตุ้ลมุตตะกีน,บทที่ 6 ,หน้า 76-79.

[10] เพื่อศึกษาความหมายของตัมกีนในเชิงแคบและเชิงกว้าง ดู: กฏหมายแพ่ง,ดร.ฮุเซน อิมามี,หน้า 173.

[11] อุรวะตุ้ลวุษกอ,มัรฮูมฏอบาฏอบาอี ยัซดี,เล่ม 2 ,หมวดนิกาฮ์,หน้า 626.

[12] แต่ผู้รู้ทางศาสนามักจะเห็นว่าไม่ไช่หน้าที่ของสามี,กฏหมายแพ่ง,หน้า 343.

[13] ทัศนะดังกล่าวคือทัศนะที่ผู้รู้ทางศาสนาส่วนใหญ่ให้การยอมรับ แต่อีกทัศนะหนึ่งกล่าวว่า ต้องการจะสื่อเพียงแค่การไม่ตีตนออกห่างภรรยาเท่านั้น.อ้างแล้ว.หน้า 446.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • ความหมายของอักษรย่อในอัลกุรอานคือ อะไร?
    13455 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    อักษรย่อ หมายถึงอักษาซึ่งได้เริ่มต้นบทอัลกุรอาน บางบท ไม่มีความหมายเป็นเอกเทศ ตัฟซีรกุรอาน มีการตีความอักษรเหล่านี้ด้วยทัศนะที่แตกต่างกัน ซึ่งทัศนะที่ถูกต้องที่สุดคือ อักษรย่อเป็นรหัส ซึ่งเท่าเราะซูลและหมู่มิตรของอัลลอฮฺ เข้าใจในสิ่งนั้น ประโยคที่ว่า «صراط علی حق نمسکه» นักค้นคว้าบางคนกล่าวว่า ไม่มีที่มาจากแหล่งรายงานฮะดีซ ...
  • โปรดอธิบาย ปรัชญาของการกล่าวข้อผูกมัดนิกาห์ คืออะไร?
    8128 จริยศาสตร์ 2555/06/30
    ตามคำสอนของอิสลามการแต่งงานถือเป็นข้อตกลงที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับการจัดตั้งครอบครัวและสิ่งที่ติดตามมาคือ, ระบบสังคม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีผลสะท้อนและบทสรุปอย่างมากมาย เช่น : เพื่อตอบสนองความต้องการทางกามรมย์, ผลิตสายเลือดและรักษาเผ่าพันธุ์, สร้างความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์, สร้างความสงบมั่นแก่จิตใจ, เป็นการรักษาความสะอาดบริสุทธิ์, เป็นการส่งเสริมความผูกพันให้มั่นคง และประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย, ดังนั้น การจัดการข้อตกลงศักดิ์สิทธิ์นี้ให้สมประสงค์ได้, มีเพียงการปฏิบัติไปตามกฎเกณฑ์พื้นฐาน และเงื่อนไขอันเฉพาะที่อัลลอฮฺ ทรงกำหนดไว้เท่านั้น จึงจะเป็นไปได้. เช่น เงื่อนที่ว่านั้นได้แก่การกล่าวข้อผูกมัดนิกาห์ ด้วยคำพูดเฉพาะ (ดังกล่าวไว้ในหนังสือริซาละฮฺต่างๆ) พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกรในฐานะของ พระเจ้าผู้ทรงกำหนดกฎระเบียบ พระองค์คือผู้ทรงกำหนดคำพูดอันทรงเกียรติยิ่งนี้ และให้ความน่าเชื่อถือ พร้อมกับการเกิดขึ้นของคำพูดดังกล่าวในฐานะ อักดฺนิกาห์, จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเป็นสามีภรรยา ระหว่างชายกับหญิงขึ้น. การแต่งงานมิได้หมายถึง ความพอใจของสองฝ่ายเท่านั้น ทว่าเป็นความพึงพอใจและการยินยอมของทั้งสองฝ่าย อันถือว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งสำหรับการแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการอ่านอักดฺนิกาห์ปัจจุบันนี้ เพื่อให้การแต่งงานนั้นถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการชัรอียฺ. การแต่งงาน มิได้หมายถึงความพอใจของสองฝ่ายเท่านั้น ทว่าเป็นความพึงพอใจและยินยอมของทั้งสองฝ่าย อันถือว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการแต่งงาน ...
  • จำเป็นต้องสวมแหวนทางมือขวาด้วยหรือ ?
    13701 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    หนึ่งในแบบฉบับของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์คือการสวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวาซึ่งมีรายงานกล่าวไว้ถึงประเภทของแหวนรูปทรงและแบบ. นอกจากคำอธิบายดังกล่าวที่ว่าดีกว่าให้สวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวาแล้วบทบัญญัติทั้งหมดที่กล่าวเกี่ยวกับแหวนก็จะเน้นเรื่องการเป็นมุสตะฮับและเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ห้ามสวมแหวนทอง (และเครื่องประดับทุกชนิดที่ทำจากทองคำ) ซึ่งได้ห้ามในลักษณะที่เป็นความจำเป็นด้วยเหตุนี้
  • ต้องอ่านดุอาเป็นภาษาอรับจึงจะเห็นผลใช่หรือไม่?
    6414 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/28
    ไม่จำเป็นจะต้องอ่านดุอาตามบทภาษาอรับเพราะแม้ดุอากุนูตในนมาซก็อนุญาตให้กล่าวด้วยภาษาอื่นได้แต่อย่างไรก็ตามเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะอ่านและพยายามครุ่นคิดในบทดุอาภาษาอรับที่บรรดาอิมามได้สอนไว้ทั้งนี้ก็เนื่องจากเหตุผลที่ว่า:ดังที่กุรอานคือพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ใช้สนทนากับมนุษย์ดุอาที่บรรดาอิมาม(อ.)สอนเราไว้ก็คือบทเอื้อนเอ่ยที่มนุษย์วอนขอต่ออัลลอฮ์ดังที่ดุอาได้รับการเปรียบว่าเป็น“กุรอานที่เหิรขึ้นเบื้องบน” นั่นหมายความว่าดุอาเหล่านี้มีเนื้อหาลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ดังเช่นกุรอานและเนื้อหาเหล่านี้จะได้รับการตีแผ่อย่างสมบูรณ์ด้วยภาษาอรับเท่านั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวมุสลิมจึงควรเรียนรู้ความหมายของนมาซและดุอาต่างๆเพื่อให้รู้ว่ากำลังเอ่ยขอสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าหากทำได้ดังนี้ก็จะส่งผลให้ศาสนกิจของตนอุดมไปด้วยสำนึกทางจิตวิญญาณและจะทำให้สามารถโบยบินสู่ความผาสุกอันนิรันดร์ได้.นอกเหนือปัจจัยดังกล่าวแล้วควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆด้วยอาทิเช่นเนื้อหาดุอาไม่ควรขัดต่อจารีตที่พระองค์วางไว้ควรศอละวาตแด่นบีและวงศ์วานเสมอผู้ดุอาจะต้องหวังพึ่งพระองค์เท่านั้นมิไช่ผู้อื่นให้บริสุทธิใจและคำนึงถึงความยากไร้ของตนปากกับใจต้องตรงกันยามดุอาเคร่งครัดในข้อบังคับและข้อห้ามทางศาสนากล่าวขอลุแก่โทษต่อพระองค์พยายามย้ำขอดุอามั่นใจและไม่สิ้นหวังในพระองค์.[1][1]มุฮัมมัดตะกีฟัลสะฟี,อธิบายดุอามะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า ...
  • เคยได้ยินฮะดีษที่ว่าท่านนบี(ซ.ล.)ได้บั่นศีรษะชัยฏอนไปแล้ว, ฮะดีษนี้เชื่อถือได้เพียงใด? แล้วการล่อลวงของชัยฏอนจะตีความอย่างไร?
    9388 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    ฮะดีษที่ดังกล่าวมีอยู่จริงในขุมตำราฮะดีษของเรา อย่างไรก็ดี ฮะดีษดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ“เยามิล วักติล มะอ์ลูม”(วันเวลาที่กำหนดไว้)ดังคำบอกเล่าของกุรอาน อิบลีสถูกเนรเทศออกไปจาก ณ พระองค์ แต่มันได้ขอให้ทรงประวิงเวลา อัลลอฮ์ตัดสินคาดโทษอิบลีสจนถึง“เยามิล วักติล มะอ์ลูม” ฮะดีษที่ถามมาต้องการจะเฉลยปริศนาเกี่ยวกับวันเวลาดังกล่าว โดยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในยุคแห่งร็อจอะฮ์(ยุคต่อจากกาลสมัยของอิมามมะฮ์ดี ที่บรรดาอิมามในอดีตจะหวลกลับมาบริหารรัฐอิสลามโลก) หาไช่วันสิ้นโลกหรือวันกิยามะฮ์ไม่.
  • เพราะเหตุใดกอบีลจึงสังหารฮาบีล?
    9944 วิทยาการกุรอาน 2554/06/22
    จากโองการอัลกุรอานเข้าใจได้ว่าสาเหตุที่กอบีลได้สังหารฮาบีลเนื่องจากมีความอิจฉาริษยาหรือไฟแห่งความอิจฉาได้ลุกโชติช่วงภายในจิตใจของกอบีลและในที่สุดเขาได้สังหารฮาบีลอย่างอธรรม ...
  • การยกภูเขาฏู้รขึ้นเหนือศีรษะบนีอิสรออีลหมายความว่าอย่างไร?
    6714 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/04/02
    ในหลายโองการมีสำนวน وَ رَفَعْنا فَوْقَكُمُ الطُّور ปรากฏอยู่ ซึ่งล้วนเกี่ยวกับบนีอิสรออีลทั้งสิ้น ตำราอรรถาธิบายกุรอานอธิบายว่าโองการเหล่านี้กล่าวถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความดื้อรั้นของบนีอิสรออีลในยุคของท่านนบีมูซา(อ.) อัลลอฮ์ย่อมมีพลานุภาพที่จะยกภูเขาฏู้รบางส่วนให้ลอยขึ้นเหนือศีรษะของบนีอิสรออีล ดังที่ทรงเคยสร้างดวงดาวนับล้านๆดวง สร้างจักรภพและจักรวาลให้เคลื่อนที่ในอวกาศโดยมีระยะห่างที่เหมาะสม การที่จะเกิดเหตุการณ์ดังที่กุรอานเล่าไว้จึงไม่ไช่เรื่องเหลือเชื่อในแง่วิทยาศาสตร์และสติปัญญา ...
  • ภาพรวม, คำสอนหลักของอัลกุรอาน บทบนีอิสราเอลคืออะไร?
    8512 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/20
    ตามทัศนะของนักตัฟซีรที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่,กล่าวว่า บทบนีอิสราเอล (อิสรออฺ)[1] ถูกประทานลงที่มักกะฮฺ และถือว่า[2]เป็นหนึ่งในบทมักกียฺ โดยสรุปทั่วไปแล้ว, บทเรียนอันเป็นคำสอนหลักของอัลกุรอาน บทนบีอิสราเอล วางอยู่บนประเด็นดังต่อไปนี้ : 1.เหตุผลของนบูวัต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปาฏิหาริย์ของอัลกุรอาน และการขึ้นมิอ์รอจญ์ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) 2.ปัญหาเกี่ยวกับ มะอาด, การลงโทษ, ผลรางวัล, บัญชีการงาน และ .. 3.บางส่วนจากประวัติศาสตร์ อันเป็นเรื่องราวของหมู่ชนบนีอิสราเอล ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่บทจนกระทั่งจบบท 4.ปัญหาเรื่องความอิสระทางความคิด ความประสงค์ และเจตนารมณ์เสรี และทุกภารกิจที่เป็นการกระทำดีและไม่ดี ซึ่งทั้งหมดย้อนกลับไปสู่มนุษย์ทั้งสิ้น
  • ท่านอิมามฮุเซน(อ.)มีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อรุก็อยยะฮ์ไช่หรือไม่?
    7954 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/04
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • เราสามารถปฏิบัติตามอัลกุรอานเฉพาะโองการที่เข้าใจได้หรือไม่?
    7663 فضایل اخلاقی 2557/01/21
    มนุษย์เราจำเป็นจะต้องขวนขวายหาความรู้อยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าหากเลือกปฏิบัติตามที่ตนรู้ตามกระบวนการดังกล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮ์จะทรงชี้นำเขาสู่ความถูกต้องอย่างแน่นอน กุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า «وَ الَّذینَ جاهَدُوا فینا لَنَهْدِیَنَّهُمْ سُبُلَنا وَ إِنَّ اللَّهَ لَمَعَ الْمُحْسِنین»[1] “และเหล่าผู้ที่ต่อสู้ในแนวทางของเรา(อย่างบริสุทธิ์ใจ) แน่แท้ เราจะชี้นำพวกเขา และพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างผู้บำเพ็ญความดี” ท่านนบีกล่าวว่า “مَنْ عَمِلَ بِمَا یَعْلَمُ وَرَّثَهُ اللَّهُ عِلْمَ مَا لَمْ یَعْلَمْ”[2] ผู้ที่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนรู้ พระองค์จะทรงสอนสั่งในสิ่งที่เขาไม่รู้” จำเป็นต้องทราบว่า กุรอานมีทั้งโองการที่มีสำนวนเข้าใจง่ายและมีความหมายไม่ซับซ้อน อย่างเช่นโองการที่บัญชาให้นมาซ ห้ามมิให้พูดปด ห้ามนินทา ฯลฯ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59394 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56845 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41676 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38427 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38420 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33453 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27541 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27237 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27136 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25213 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...