การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7478
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1425 รหัสสำเนา 19002
คำถามอย่างย่อ
ท่านอิมามซะมานจะอยู่ในทุกที่หรือ แม้แต่ในประเทศต่างๆ (ยะฮูดียฺ) หรือประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม?
คำถาม
การที่กล่าวว่าท่านอิมามซะมาน (อ.) จะปรากฏตัวในทุกที่ แล้วประเทศที่มิใช่มุสลิมเช่น ยะฮูดียฺ จะปรากฏตัวด้วยหรือไม่ แล้วท่านอิมามจะให้ความสนใจกับบุคคลที่ก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดินด้วยหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

ถ้าหากพิจารณาด้วยสติปัญญาและตรรกะแล้ว จะพบว่าการไปถึงยังจุดสมบูรณ์สูงสุดอันเป็นที่ยอมรับ โดยปราศจากการชี้นำจากองค์พระผู้อภิบาลสิ่งนี้ไม่อาจเป็นไปได้อย่างแน่นอน อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ส่งบรรดาข้อพิสูจน์ของพระองค์มายังหมู่ประชาชนเพื่อชี้นำทางพวกเขา ด้วยวิธีการที่ดีที่สุด บรรดาอิมามและศาสนทูตได้รับอนุญาตจากอัลลฮฺเพื่อจะได้ใช้ความสามารถเพียงพอต่อการสร้างอิทธิพล และการงานที่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจในทุกที่บนโลกนี้, เพื่อจะได้สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด, ดังนั้น คำถามของท่านสามารถตอบได้ใน 4 ลักษณะด้วยก้น :

1.วัตถุประสงค์ในการสร้าง และความจำเป็นในการชี้นำของพระองค์ อัลกุรอาน กล่าวว่า :เรามิได้สร้างมนุษย์และญินขึ้นมาเพื่อการใด ยกเว้นเพื่อการแสดงความเคารพภักดี[i]

2.การชี้นำทางของพระเจ้าจะครอบคลุมเหนือประชาชนทั้งหลาย อัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสว่า : แน่นอน เจ้าคือผู้ตักเตือนและสำหรับทุกประชาชาติย่อมมีผู้ชี้นำ

3.ผู้นำด้านจิตวิญญาณแห่งพระเจ้า จะปรากฏในทุกประชาชาติ ดังเช่นคำกล่าวของ ท่านอิมามบากิร (.) ที่ว่า บรรดาอิมาม และบรรดาศาสดา คือสาเหตุของความปลอดภัยสำหรับชาวดินทั้งหลาย และเป็นสาเหตุของการเพิ่มพูนการลงโทษแก่ชาวดินด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้ครอบคลุมเหนือมนุษย์ทั้งหมด. มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการได้รับทางนำของมนุษย์ หรือการหลงทางของผู้คนโดยผ่านท่านอิมามซะมาน (.) ซึ่งในคำตอบโดยละเอียดเราจะอธิบายถึงประเด็นดังกล่าว

4.อำนาจของบรรดาอิมามที่มีเหนือประชาโลก ศักยภาพในการจัดการดูแลโลก

ด้วยเหตุนี้ ท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กล่าวว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง แล้วทรงมีบัญชาว่าให้สิ่งเหล่านั้นเชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ชี้นำแห่งพระเจ้า ซึ่งตำราบางเล่มของฝ่ายชีอะฮฺ (มุนตะค็อบบุลอะซัร) ได้กล่าวถึงปาฏิหาริย์จำนวนหนึ่งของท่านอิมามซะมาน (.) ซึ่งแสดงให้เห็นถึง อำนาจเหนือธรรมชาติของท่านอิมาม (.)

สรุปสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นว่าโลกและจักรวาลนั้นยิ่งใหญ่ แต่ฐานันดรของท่านอิมามซะมานสูงส่งและยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งท่านอิมามได้ปรากฏกายให้มุสลิมบางกลุ่มเฉพาะได้เห็น ท่านอิมามซะมาน (.) คือข้อพิสูจน์ของอัลลฮฺบนหน้าแผ่นดิน ท่านจะอยู่ในทุกที่ และจะชี้นำมนุษย์ทุกคนที่ปรารถนาการชี้นำทาง และทุกที่ๆ มีความเหมาะสมท่านจะปรากฏที่นั่น



[i] อัลกุรอาน บทอัซซารียาต, 54 : "و ما خلقت الجن و الانس الا لیعبدون"

คำตอบเชิงรายละเอียด

คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ตามเหตุผลที่กล่าวอ้างแล้วถึงความเอาใจใส่ ความรักและความเมตตาของท่านอิมามซะมาน (.) เช่นเดียวกันการปรากฏกายของท่านในการสร้างสายสัมพันธ์กับบุคคลที่มีสิทธิ์ในคำสั่งนี้ หรือการชี้นำไปตามความเหมาะสม (แม้ว่าพวกเขาจะเป็นยะฮูดียฺ หรือกลุ่มชนที่คล้ายคลึงกับพวกเขา หรือกลุ่มชนที่หลงลืม)

ในมุมมองของตรรกะและสติปัญญา,ความเหมาะสม (การไปถึงยังความสมบูรณ์) ซึ่งเป็นสาเหตุของการสร้างมนุษย์, จะสัมฤทธิผลได้ด้วยการเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ (ซบ.) และการเรียนรู้คำสั่งเหล่านั้นถูกจำกัดไว้ในหนทางการชี้นำของบรรดาศาสนทูต และบรรดาอิมามเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าที่ใดก็ตามถ้าพบว่ามีผู้ปรารถนาในการชี้นำของอิมาม (.) หรือต้องการทัศนะอันเฉพาะของท่าน หรือมีความต้องการในการปรากฏกายของท่าน, ดังนั้น การนี้จะเกิดขึ้นไปตามความเหมาะสม, เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ไม่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างไร้สาระ ประกอบกับองค์ประกอบด้านสติปัญญา และจิตวิทยาก็ยอมรับว่าพระองค์มิได้สร้างมนุษย์มาอย่างไร้สาระแน่นอน ฉะนั้น ถ้าหากมนุษย์ไม่ได้รับการชี้นำไปตามความเหมาะสมโดยผ่านบรรดาผู้นำแห่งพระองค์แล้วละก็ พวกเขาต้องหลงทางอย่างแน่นอน และถือว่าวัตถุประสงค์ในการสร้างของพระองค์บกพร่อง ขณะที่อัลลอฮฺ (ซบ.) ผู้ซึ่งปรากฏการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในอำนาจของพระองค์, และพระองค์ทรงสร้างเหล่าบรรดาผู้นำของพระองค์ให้มีศักยภาพและความสามารถที่เพียงพอ เพื่อจะได้สามารถช่วยเหลือผู้คนที่ระหนออกไป ไม่ว่าจะอยู่ในสำนักคิดหรือศาสนาใดก็ตาม ซึ่งอัลลอฮฺ (ซบ.) จะทรงช่วยเหลือเขาในการเตรียมพร้อม และทรงชี้นำทางพวกเขาไปสู่หนทางที่ถูกต้อง

อัลกุรอาน และรายงานจำนวนมากมายได้พิสูจน์สิ่งที่ผ่านไปแล้วและมีอยู่จริง ซึ่งจะขอนำเสนอเฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น

1.เกี่ยวกับการอธิบายถึงวัตถุประสงค์ในการสร้างมนุษย์ และความจำเป็นในการชี้นำทางพวกเขา อัลกุรอานกล่าวว่า :เราได้สร้างมนุษย์และญินขึ้นมา เพื่อการแสดงความเคารพภักดี

2. เกี่ยวกับการอธิบายถึงการชี้นำทาง และความจำเป็นในการมีผู้นำ ซึ่งครอบคลุมเหนือประชาชาติทั้งปวง และไม่จำเป็นว่าต้องเป็นประชาชาติใดประชาชาติหนึ่งเท่านั้น อัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสว่า :อันที่จริง เจ้าเป็นผู้ตักเตือนและทุกประชาชาติจำเป็นต้องมีผู้ชี้นำทาง[1]

ตามคำอธิบายของโองการข้างต้น ซึ่งอธิบายว่าการชี้นำทางมนุษย์ได้กล่าวไว้ในลักษณะของกฎโดยรวมว่า, ประชาชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นยะฮูดียฺ หรือคนทำบาป ทุกคนต่างอยู่ภายใต้กฎข้อนี้โดยถ้วนหน้ากัน แน่นอนว่า แม้ว่าการชี้นำทางจะครอบคลุมทั้งวิสัยทัศน์และความรักก็ตามจงกล่าวเถิดว่า "อัลลอฮฺนั้นทรงมีหลักฐานอันทั่วถึง[2]

ตามสาระของโองการนี้ในเรื่องการชี้นำทาง, จะเห็นว่ามิได้มีการจำกัดพื้นที่แต่อย่างใด, อีกทั้งเวลาและชนชาติอันเฉพาะเจาะจงก็มิได้ถูกกล่าวถึง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงประทานผู้ชี้นำที่เพียงพอสำหรับทุกท้องที่และทุกประชาชาติ

3.ในการกล่าวถึงวิสัยทัศน์และความรักอันเฉพาะของเหล่าบรรดาผู้นำแห่งฟากฟ้า ที่มีต่อชาวดินทั้งหลาย (ไม่ว่าจะเป็นยะฮูดียฺ ฮินดู หรืออื่นๆ) ท่านอิมามบากิร (.) ได้ตอบคำถามของนักรายงานฮะดีซคนหนึ่ง ซึ่งถามถึงเหตุผลในความต้องการที่มีต่อบรรดาศาสดาและอิมาม, ท่านอิมาม (.) ตอบว่า :ถ้าหากปราศจากพวกเขาแล้ว แผ่นดินไม่อาจดำรงอยู่ต่อไปได้ และการลงโทษชาวดินได้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากความจำเริญที่มีพวกเขาอยู่เวลานั้นท่านอิมามได้อ้างถึงอัลกุรอาน โองการหนึ่งที่ว่า : "و ما کان الله لیعذبهم و أنت فیهم" และพระองค์อัลลอฮฺจะไม่ทรงลงโทษพวกเขา (คนชั่ว) ขณะที่เจ้ายังอยู่ในหมู่พวกเขา[3] หลังจากนั้นท่านอิมามได้อ้างถึงคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ) ที่กล่าวว่าหมู่ดวงดาวทั้งหลายคือสัญลักษณ์ของความปลอดภัยแห่งฟากฟ้า ส่วนอะฮฺลุลบัยตฺ ของฉันคือสัญลักษณ์ความปลอดภัยของชาวดินเนื่องจากอัลลอฮฺ ทรงประทานความจำเริญ เครื่องยังชีพ ทรงให้โอกาสคนทำความผิด และทรงชะลอการลงโทษพวกเขา ก็เนื่องจากพวกเขาคือสื่อของอัลลอฮฺ บนหน้าแผ่นดินนั่นเอง[4]

4.การพิสูจน์ถึงอำนาจของบรรดาอิมามที่มีต่อโลกและจักรวาล นั่นคือทุกการจัดการสำหรับพวกเขาแล้วมีความเป็นไปได้ และในกรณีที่จำเป็น อิมาม (.) จะใช้ลักษณะที่เห็นควรปรากฏกาย  ที่นั้น, ท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กล่าวว่าฉันขอสาบานด้วยพระนามของพรเจ้าที่พระองค์มิทรงสร้างสิ่งใดขึ้นมา เว้นเสียแต่เพื่อการแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์[5]

ท่านอมามบากิร (.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของความเมตตาอันกว้างไกลในโองการที่กล่าวว่าการเอ็นดูเมตตาของฉันนั้นกว้างขวางทั่วทุกสิ่ง[6] ท่านกล่าวว่าหมายถึงวิชาการของบรรดาอิมาม[7] ซึ่งสามารถกล่าวได้อย่างถูกต้องว่า การปรากฎความรู้และจิตวิญญาณของบรรดาอิมามนั้น มีในทุกที่

ทำนองเดียวกันเกี่ยวกับการอธิบายอัลกุรอาน โองการที่ว่าและอัลลอฮฺทรงมีตัวอย่างอันสูงส่ง[8] ประกอบกับรายงานที่เชื่อถือได้และถูกต้องอีก 15 รายงาน ได้แนะนำว่า บรรดาอิมามมะอฺซูม (.) ทั้งหมดคือเครื่องหมายแห่งความรู้และอำนาจของอัลลอฮฺ.[9]

ท่านอิมามซอดิก (.) กล่าวไว้ในที่หนึ่งว่า :เป็นไปได้อย่างไรที่บรรดาอิมาม (.) คือข้อพิสูจน์สำหรับชาวตะวันออก และตะวันตก แต่ว่าพวกเรามองไม่เห็น และพวกเขาก็ไม่มีอำนาจด้วย[10]

เกี่ยวกับอำนาจและการครอบคลุมด้วยบุคลิกภาพของท่านอิมามซะมาน (.) จากสิ่งที่กล่าวผ่านมาแล้ว จะพบว่าผู้ตักเตือนด้วยความเมตตาและการชี้นำทางของท่านอิมามซะมาน ความจำเป็นในการปรากฏกายของท่านอิมามในทุกที่นั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสติปัญญา

ผู้เขียนหนังสือ มุนตะค็อบุลอะซัร (ฯพณฯท่านอายะตุลลอฮฺซอฟียฺ) ได้รวบรวมรายงานและร่องรอยต่างๆ ที่เกี่ยวกับท่านอิมามซะมาน (.) พร้อมกับการวิเคราะห์ ซึ่งท่านได้รวมรวมปาฏิหาริย์สำคัญของท่านอิมามไว้ถึง 8 ประการด้วยกัน ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงการดูแลจัดการของท่านในการมีอยู่ของสรรพสิ่ง และยังบ่งบอกให้เห็นถึงอำนาจและการควบคลุมของท่านอีกด้วย ซึ่งในตอนท้ายท่านได้กล่าวว่า : ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่บันทึกไว้ในหนังสือ บิฮารุลอันวาร และหนังสืออื่น ซึ่งรายงานทั้งหมดเหล่านั้นอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร อย่างมิต้องสงสัย เนื่องจากสายรายงานจำนวนมากซึ่งสุดท้ายแล้วเป็นพวกที่เชื่อถือได้และถูกต้องทั้งสิ้น[11] ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นการกำกับดูแลโดยรวมของท่านอิมามซะมาน (.) ที่มีต่อทุกคนแม้แต่พวกยะฮูดียฺ และผู้ปฏิเสธศรัทธา

อย่างไรก็ตามความการุณย์และการชี้นำอันเฉพาะของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) จะมีแก่บุคคลที่มีความพร้อมในการได้รับคำชี้นำด้านจิตวิญญาณ และการช่วยเหลือจากท่าน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในแผ่นดินอิลามหรือไม่ก็ตาม

สรุป และสิ่งนี้ก็คล้ายคลึงกับการที่ท่านศาสดา และริชาละฮฺของท่านเป็นสากล ท่านอิมาม (.) ในฐานะตัวแทนของท่านศาสดา (ซ็อล ) ท่านจึงเป็นอิมามสำหรับประชาชนทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม, เพียงแต่ว่าพวกเขา (ผู้ไม่ใช่มุสลิม) ไม่ได้รับเตาฟีกในการเชื่อฟังปฏิบัติตามท่านเท่านั้น, ถ้าหากท่านอิมามซะมาน (.) ได้เอาใจใส่ต่อบรรดาผู้ที่มิได้เป็นมุสลิม, สิ่งนี้มิได้เป็นหลักประกันยืนยันภารกิจด้านจริยธรรมที่ไม่ดี หรือความประพฤติที่ต่อต้านมนุษย์ หรือการฝ่าฝืนของพวกเขาแต่อย่างใด, เนื่องจากว่าพวกเขามีข้อพิสูจน์ที่ดียิ่งของพระเจ้าเยี่ยงอิมาม, แต่พวกเขายังเลือกหนทางที่ไม่ดีและได้กระทำความผิด



[1] อัลกุรอาน บทอัรเราะอ์ดุ, 13 : "انما انت منذر و لکل قوم هاد", ตัฟซัรอัลมีซาน, เล่ม 11, หน้า 335. (บทวิภาษเกี่ยวกับอิมามะฮฺและคำอธิบาย, เล่ม 1, หน้า 270, 282.

[2] อัลกุรอาน บทอันอาม, 149, "قل فلله الحجة البالغة" :

[3] อัลกุรอาน บทอันฟาล, 33

[4] มัจญฺมูอ์ ริวายะฮฺ บิฮารุลอันวาร, เล่ม 23, หน้า 19.

[5]นะมอซียฺ, อะลี, อิซบาติวิลายะฮฺ, หน้า 59, "و الله ما خلق الله شیئاً الا و قد امره بالطاعة لنا"

[6] อัลกุรอาน บทอะอฺรอฟ, 156

[7] นะมอซียฺ, อะลี, อิซบาติวิลายะฮฺ, หน้า 67,

[8] อัลกุรอาน บทนะฮฺลุ, 60.

[9] นะมอซียฺ, อะลี, อิซบาติวิลายะฮฺ, หน้า 126 – 127.

[10] อ้างแล้ว, 65.

[11] ซอฟียฺ, ฆุ้ลภัยคอนียฺ, มุนตะค็อบบุลอะซัร, หน้า 401 – 411.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ภารกิจของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) หลังจากปรากฏกายแล้วคืออะไร? แล้วเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะถูกทำชะฮาดัตโดยน้ำมือของสตรีชราที่มีนวดเครา?
    6315 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    ในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จะได้รับอนุญาตจากอัลลอฮฺให้จัดตั้งทั้งด้านวัตถุปัจจัยและด้านคุณธรรมมโนธรรมเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งความยุติธรรมขึ้นมาปกครองโลกซึ่งถือว่าเป็นรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ ท่านจะเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมเกียรติและคุณค่าของความเป็นมนุษย์พร้อมกับเรียกร้องไปสู่ความปลอดภัยชีวิตมนุษย์จะกลายเป็นชีวิตแห่งพระเจ้าในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
  • ฮะดีซต่างๆ ในหนังสือกาฟียฺ สามารถอธิบายความอัลกุรอานได้หรือไม่?
    8196 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/07/16
    นักรายงานฮะดีซผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งคือ มุฮัมมัด บิน ยะอฺกูบ กุลัยนียฺ (รฮ.) เป็นหนึ่งในปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายชีอะฮฺ และเป็นหนึ่งในนักรายงานฮะดีซที่เชื่อถือได้มากที่สุดของฝ่ายอิมามียะฮฺ ท่านอยู่ในยุคสมัยการเร้นกายระยะสั้นของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) และยังเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ อุซูลกาฟียฺ อันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่ารายงานส่วนใหญ่ในหนังสือกาฟียฺล้วนเป็นที่เชื่อถือ แต่หนังสือกาฟียฺก็เหมือนกับหนังสือฮะดีซทั่วไปที่มีรายงานอ่อนแอ และไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง ตามทัศนะของชีอะฮฺและอะฮฺลุซซุนนะฮฺ มีฮะดีซที่ถูกต้องจำนวนมากมายจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ บันทึกอยู่ในหนังสือญะวามิอฺริวายะฮฺ ซึ่งฮะดีซจำนวนมากเหล่านั้นได้ตัฟซีรโองการอัลกุรอาน ซึ่งหนึ่งในฮะดีซทรงคุณค่าเหล่านั้นคือ หนังสือกาฟียฺ ...
  • อลี บิน ฮุเซน ในประโยค“اَلسَّلامُ عَلَى الْحُسَیْنِ وَ عَلى عَلِىِّ بْنِ الْحُسَیْنِ و” หมายถึงใคร?
    7505 تاريخ بزرگان 2554/07/16
    หากพิจารณาจากดุอาตะวัซซุ้ล บทศอละวาตแด่อิมาม บทซิยารัต กลอนปลุกใจ และฮะดีษต่างๆที่กล่าวถึงอิมามซัยนุลอาบิดีนและท่านอลีอักบัรจะพบว่า ชื่อ“อลี บิน ฮุเซน”เป็นชื่อที่ใช้กับทั้งสองท่าน แต่หากพิจารณาถึงบริบทกาลเวลาและสถานที่ที่ระบุในซิยารัตอาชูรอ อันกล่าวถึงวันอาชูรอ กัรบะลา และบรรดาชะฮีดในวันนั้น กอปรกับการที่มีสมญานาม“ชะฮีด”ต่อท้ายคำว่าอลี บิน ฮุเซนในซิยารัตวาริษ ซิยารัตอาชูรอฉบับที่ไม่แพร่หลาย และซิยารัตมุฏละเกาะฮ์ ทำให้พอจะอนุมานได้ว่า อลี บิน ฮุเซนในที่นี้หมายถึงท่านอลีอักบัรที่เป็นชะฮีดที่กัรบะลาในวันอาชูรอ ...
  • อิมามมะฮ์ดีสมรสแล้วหรือยัง?
    8143 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    แม้จะเป็นไปได้ว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)อาจมีคู่ครองและบุตรหลาน เนื่องจากภาวะการเร้นกายมิได้จำกัดว่าจะท่านต้องงดกระทำการสมรสอันเป็นซุนนะฮ์แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่พบเหตุผลใดๆที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สันนิษฐานว่าสาเหตุที่ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นที่เปิดเผยนั้น อาจเป็นผลพวงมาจากความจำเป็นที่พระองค์ทรงเร้นกายท่านจากสายตาผู้คนนั่นเอง ...
  • ความเสียหายของศาสนาคือสิ่งไหน?
    9438 دین و فرهنگ 2555/09/29
    ศาสนา,เป็นพระบัญชาศักดิ์สิทธิ์,มาจากพระเจ้า ซึ่งในนั้นจะไม่มีทางผิดพลาด และไม่มีผลกระทบอันเสียหายอย่างแน่นอน, การยอมรับความผิดพลาดและการกระทำผิด เกี่ยวข้องกับภารกิจของมนุษย์ แน่นอนการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการรู้จักผลกระทบของศาสนา และการตื่นตัวของผู้มีศาสนา สิ่งเหล่านี้จะไม่ย้อนกลับไปสู่แก่นแท้ความจริงของศาสนา, ทว่าจะย้อนกลับไปสู่ประชาชาติที่นับถือศาสนา ความใจและการพัฒนาของมนุษย์ที่มีต่อศาสนา ประเภทของการรู้จักในศาสนา และรูปแบบของการตื่นตัวในศาสนา ความเสียหายและผลกระทบต่อศาสนา มีรายละเอียดแตกต่างกันมากมาย เนื่องจากกลุ่มหนึ่งของความเสียหายทางศาสนา เป็นความเสียหายที่มีผลกระทบ ต่อความศรัทธาของบุคคลที่นับถือศาสนา หรือผู้มีความสำรวมตน ซึ่งความเสียหายดังกล่าวนี้เองจะอยู่ในระดับของการรู้จักทางศาสนา (ความเสียหายทางศาสนาและการศึกษา) บางครั้งก็อยู่ในระดับของการปฏิบัติบทบัญญัติและคำสั่งของศาสนา การรักษาบทบัญญัติ บทลงโทษ และสิทธิ ซึ่งศาสนาได้กำหนดเป็นข้อบังคับให้รักพึงระมัดระวังต่อสิ่งเหล่านั้น เช่น ความอิจฉาริษยา ความอคติ และเกียรติยศ อีกกลุ่มหนึ่งของความเสียหายทางศาสนา จะอยู่ในปัญหาด้านสังคมทางศาสนา เช่น ความบิดเบือน การอุปโลกน์ และการกระทำตามความนิยมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอันตราย และเป็นความกดดันต่อการระวังรักษาความศักดิ์สิทธิ์ และการขยายศาสนาให้กว้างขวางออกไป ...
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42344 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ชาวสวรรค์ทุกคนจะได้ครองรักกับฮูรุลอัยน์หรือไม่? ฮูรุลอัยน์แต่ละนางมีสามีได้เพียงคนเดียวไช่หรือไม่? และจะมีฮูรุลอัยน์เพศชายสำหรับสตรีชาวสวรรค์หรือไม่?
    10913 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    สรวงสวรรค์นับเป็นความโปรดปรานที่พระองค์ทรงมอบเป็นรางวัลสำหรับผู้ศรัทธาและประพฤติดีโดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศจากการยืนยันโดยกุรอานและฮะดีษพบว่า “ฮูรุลอัยน์”คือหนึ่งในผลรางวัลที่อัลลอฮ์ทรงมอบให้ชาวสวรรค์น่าสังเกตุว่านักอรรถาธิบายกุรอานส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าในสวรรค์ไม่มีพิธีแต่งงานส่วนคำว่าแต่งงานกับฮูรุลอัยน์ที่ปรากฏในกุรอานนั้นตีความกันว่าหมายถึงการมอบฮูรุลอัยน์ให้เคียงคู่ชาวสวรรค์โดยไม่ต้องแต่งงาน.ส่วนคำถามที่ว่าสตรีในสวรรค์สามารถมีสามีหลายคนหรือไม่นั้นจากการศึกษาโองการกุรอานและฮะดีษทำให้ได้คำตอบคร่าวๆว่าหากนางปรารถนาจะมีคู่ครองหลายคนในสวรรค์ก็จะได้ตามที่ประสงค์ทว่านางกลับไม่ปรารถนาเช่นนั้น ...
  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    16478 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับมัสญิดญัมกะรอนและสาเหตุของการก่อตั้งมัสญิดแห่งนี้
    7357 ประวัติสถานที่ 2554/08/08
    มัสญิดญัมกะรอนหนึ่งคือในสถานที่ศักดิสิทธิและเป็นสถานที่ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุมประมาณ๖กิโลเมตรมัสญิดแห่งนี้ได้ก่อสร้างเมื่อประมาณ๑๐๐๐ปีที่แล้วโดยคำสั่งของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งผู้ริเริ่มก่อสร้างได้รับคำสั่งดังกล่าวในขณะตื่น (ไม่ใช่ในฝัน) ซึ่งความเมตตาและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้ปรากฎณสถานที่แห่งนี้อีกทั้งเป็นสถานที่นัดหมายสำหรับผู้ที่รอคอยการมาของท่านและมีความรักต่อท่านมัรฮูมมิรซาฮูเซนนูรีได้กล่าวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งมัสญิดญัมกะรอนโดยอ้างอิงจากเชคฟาฏิลฮะซันบินฮะซันกุมี (อยู่ยุคสมัยเดียวกับเชคศอดูก) ในหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองกุม”[1] จากหนังสือ “มูนิซุลฮะซีนฟีมะอ์ริฟะติลฮักวัลยะกีน”[2] ว่า:[3]เชคอะฟีฟศอและฮ์ฮะซันบินมุซลิฮ์ยัมกะรอนีได้กล่าวว่า: ในคือวันพุธที่๑๗เดือนรอมฏอนปี๓๙๓ฮ. ฉันได้นอนอยู่ในบ้านทันใดนั้นได้มีกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งมาที่ประตูบ้านของฉันและได้ปลุกฉันและได้กล่าวกับฉันว่าจงลุกขึ้นและทำตามความต้องการของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งท่านได้เรียกหาท่านอยู่พวกเขาได้พาฉันมาสถานที่หนึ่งซึ่งในปัจจุบันสถานที่แห่งนั้นได้กลายมาเป็นมัสญิดญัมกะรอนแล้วท่านอิมามมะฮ์ดีได้เรียกชื่อของฉันและได้กล่าวว่า: “ไปบอกกับฮะซันบินมุสลิมว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันบริสุทธ์ที่อัลลอฮ์ทรงเลือกและให้สถานที่แห่งนี้มีความบริสุทธ์เจ้าได้ยึดครองสถานที่แห่งนี้...ดังนั้นท่านได้กล่าวว่า: จงบอกประชาชนว่าให้รักและหวงแหนสถานที่แห่งนี้”[4]อายาตุลลอฮ์อัลอุซมามัรอะชีนะญะฟีได้กล่าวยอมรับความศักดิ์สิทธิของมัสญิดญัมกะรอนว่า: ชีอะฮ์ทั่วไปให้ความสำคัญต่อมัสญิดอันศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ตั้งแต่สมัยของการเร้นกายระยะแรกของท่านอิมามมะฮ์ดีจนถึงปัจจุบันซึ่งกินระยะเวลาถึงพันสองร้อยสองปีท่านเชคผู้สูงส่งมัรฮูมศอดูกได้กล่าวในหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “มูนิซุลฮะซีน” ซึ่งฉันยังไม่ได้อ่านเองทว่ามัรฮูมฮัจยีมิรซาฮุเซนนูรีซึ่งเป็นอาจารย์ของฉันได้เล่าจากหนังสือเล่มนั้นว่าอุลามาอ์และนักวิชาการชั้นนำของชีอะอ์ให้ความเคารพมัสญิดแห่งนี้กันถ้วนหน้าและสิ่งมหัศจรรย์มากมายได้ปรากฏในมัสญิดญัมกะรอนแห่งนี้
  • เพราะสาเหตุใดการใส่ทองคำจึงฮะรอมสำหรับผู้ชาย?
    12391 ปรัชญาของศาสนา 2554/06/22
    ตามทัศนะของนักปราชญ์และผู้รู้การสวมใส่ทองคำสำหรับผู้ชายมีผลกระทบที่สามารถทำลายล้างได้กล่าวคือก) เป็นการกระตุ้นประสาท[1], ข) การเพิ่มจำนวนที่มากเกินไปของเซลล์เม็ดเลือดขาว[2]เหล่านี้คือผลเสียที่สามารถกล่าวถึงได้แต่ประเด็นทีต้องพิจารณาความรู้ที่รับผิดชอบต่อ"สุขภาพพลานามัย" ของมนุษย์ในขณะการปรับปรุงและพัฒนามิติด้านอาณาจักรที่เร้นลับและมิติทางจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้ที่เป็นกังวลสมควรเป็นมุสลิมมากที่สุดซึ่งต้องพิจารณาที่ "ร่างกาย" และ "ความรู้" ระดับในการแสดงออกและเป็นบทนำสำหรับการพิจาณาในขั้นต่อไปเนื่องจากมนุษย์มิใช่เป็นเพียงดินหรือวัตถุเท่านั้นความเป็นมนุษยชาติขึ้นอยู่กับการเติบโตของความสามารถและศักยภาพต่างๆของมนุษย์พระเจ้าผู้ทรงอำนาจได้ประทานให้แก่พวกเขาโดยมีประสงค์ให้เขาบรรลุตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺของพระองค์แต่จริงๆแล้วแนวทางที่ทำให้พรสวรรค์นี้เติบโตคืออะไร? ศัตรูและอุปสรรคของหนทางนี้อยู่ตรงไหน?อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้อธิบายถึงแนวทางและอุปสรรคขวางกั้นพรสวรรค์และศักยภาพของมนุษย์ไว้ในรูปแบบของบัญญัติแห่งศาสนาในฐานะที่เป็นพระมหากรุณาธิคุณด้วยการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆแล้วไม่อาจมีข้อสงสัยใดๆได้เลยว่าบทบัญญัติพระเจ้าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นภายนอกและในตัวเองแต่ถ้าต้องการทราบถึงปรัชญาของสิ่งนั้นจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ด้วย:1- มนุษย์สามารถรับรู้ปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติของพระเจ้าได้หรือไม่? แน่นอนคำตอบคือไม่เนื่องจาก:ก) เนื่องจากในตำราทางศาสนามิได้กล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติเอาไว้ข) บทบัญญัติที่กล่าวถึงปรัชญาของตัวเองเอาไว้ไม่อาจรับรู้ได้ว่ากล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดแล้วหรือไม่, ทว่าบางครั้งบทบัญญัติเพียงข้อเดียวก็มีปรัชญากล่าวไว้อย่างมากมายแต่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่จะกล่าวบางข้อเหล่านั้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำค) ความรอบรู้ของมนุษย์ก็สามารถค้นหาปรัชญาและวิทยปัญญาบางประการของบทบัญญัติได้เท่านั้นมิใช่ทั้งหมด

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60250 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57752 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42344 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39564 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39023 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34112 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28116 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28091 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27966 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25949 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...