การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6651
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/07
 
รหัสในเว็บไซต์ fa3966 รหัสสำเนา 20504
คำถามอย่างย่อ
ทั้งที่พจนารถของอิมามบากิรและอิมามศอดิกมีมากมาย เหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมไว้ในหนังสือสักชุดหนึ่ง?
คำถาม
กล่าวกันว่าฮะดีษส่วนใหญ่รายงานจากอิมามบากิร(อ.)และอิมามศอดิก(อ.) แต่ดิฉันยังไม่เคยเห็นหนังสือที่รวบรวมฮะดีษเหล่านี้ในชุดเดียวเหมือนหนังสือนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่รวบรวมพจนารถของอิมามอลี แต่ถ้ามีหนังสือลักษณะนี้กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

หากจะพิจารณาถึงสังคมและยุคสมัยของท่านอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.)ก็จะเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมตำราดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ดี ฮะดีษของทั้งสองท่านได้รับการรวบรวมไว้ในบันทึกที่เรียกว่าอุศู้ลสี่ร้อยฉบับจากนั้นก็บันทึกในรูปของตำราทั้งสี่ต่อมาก็ได้รับการเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่ฟิกเกาะฮ์ในหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์กว่าสามสิบเล่มโดยท่านฮุร อามิลี แต่กระนั้นก็ต้องทราบว่า แม้ว่าฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวจะมีมากกว่าท่านอื่นๆก็ตาม แต่หนังสือดังกล่าวก็มิได้รวบรวมเฉพาะฮะดีษของท่านทั้งสอง แต่ยังรวมถึงฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆอีกด้วย
ทว่าปัจจุบันมีการเรียบเรียงหนังสือในลักษณะเจาะจงอยู่บ้าง อาทิเช่น มุสนัดอิมามบากิร(.) และมุสนัดอิมามศอดิก(.) เรียบเรียงโดยคุณอะซีซุลลอฮ์ อะฏอรุดี

คำตอบเชิงรายละเอียด

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน ตลอดจนมุมมองของมัซฮับอื่นๆ(นอกเหนือจากชีอะฮ์)ที่มีต่อบรรดาอิมามสามท่านที่เอ่ยมา จึงจะเข้าใจเหตุผลที่มีการรวบรวมพจนารถอิมามอลี(.)ไว้ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ทว่ามิได้มีปรากฏการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในภรณีของอิมามท่านอื่นๆ ดังข้อสังเกตุต่อไปนี้:

1.อิมามอลี(.)คืออิมามท่านเดียวที่มีโอกาสขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเคาะลีฟะฮ์และผู้นำประชาคมมุสลิม แม้จะเพียงห้าปีที่ท่านมีอำนาจ แต่ท่านก็มีโอกาสมากพอที่จะถ่ายทอดธรรมเทศนามากหมายหลายบทแก่ประชาชน ขณะเดียวกันนักบันทึกก็มีอิสระที่จะบันทึกธรรมเทศนาเหล่านั้นเพื่อเผยแพร่แก่ผู้อื่นต่อไป และแม้ว่าผู้ยึดถือมัซฮับอื่นๆมิได้ถือว่าท่านเป็นเคาะลีฟะฮ์ที่แต่งตั้งโดยตรงจากท่านนบี(..) แต่อย่างน้อยพวกเขาก็บันทึกพจนารถของท่านไว้ในตำราของฝ่ายตน[1] เนื่องจากยอมรับว่าท่านเป็นหนึ่งในสี่เคาะลีฟะฮ์รอชิดีน

2. ความพยายามในการแจกแจงหลักการศาสนาของอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.)เกิดขึ้นในช่วงผลัดอำนาจจากราชวงศ์อุมะวีสู่ราชวงศ์อับบาซิด ถึงแม้ว่าสภาวะดังกล่าวจะเป็นโอกาสทองในการเผยแพร่สารธรรมและสอนสั่งสานุศิษย์ และแม้ว่านักวิชาการฝ่ายอะฮ์ลิซซุนนะฮ์จำนวนมากเข้าร่วมศึกษาด้วย แต่กระนั้นก็มิได้ทำให้ท่านทั้งสองมีสถานภาพทางสังคมเหมือนอิมามอลี(.) เพราะยังต้องระมัดระวังอากัปกิริยาพอสมควรเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของสานุศิษย์ และเพื่อมิให้ราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งฉวยโอกาส ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงหลีกเลี่ยงการกล่าวคุฏบะฮ์บทยาวดังกรณีของอิมามอลี(.) แต่เน้นตอบคำถามประชาชนเป็นหลัก ที่น่าสนใจก็คือ บางครั้งท่านอิมามบากิร(.)ถึงกับต้องยกให้ท่านญาบิรเป็นสายรายงานของตน เพื่อที่จะอ้างอิงฮะดีษสักบทถึงท่านนบี(..)หรืออิมามอลี(.) ทั้งนี้ก็เพื่อให้พี่น้องมัซฮับอื่นๆยอมรับได้[2]

3. ต้องเรียนชี้แจงว่าพจนารถของบรรดาอิมาม ไม่ว่าจะอิมามอลี(.)หรืออิมามท่านใดก็ตาม ต่างก็มิได้รับการเรียบเรียงเป็นรูปเล่มในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่  นักรายงานฮะดีษหรือผู้ประพันธ์จะรวบรวมพจานารถบางส่วนไว้เท่านั้น นักรายงานฮะดีษบางคนเรียบเรียงเฉพาะฮะดีษที่ตนรายงาน และตั้งชื่อบันทึกประภทนี้ว่าอัศล์โดยได้เผยแพร่แก่บุคคลอื่นๆด้วย ทำให้มีการรวบรวมภายใต้ชื่ออัศล์สี่ร้อยฉบับอัลลามะฮ์ มัจลิซีได้นำเสนอรายนามอัศล์เหล่านี้ไว้ในส่วนแรกของหนังสือบิฮารุลอันว้าร อัศล์เหล่านี้จึงถือเป็นแหล่งอ้างอิงฮะดีษในระดับเบื้องต้น ซึ่งในภายหลังได้รับการเรียบเรียงในนามกุตุ้บอัรบะอะฮ์” (ตำราทั้งสี่)

อย่างไรก็ดี ฮะดีษต่างๆในตำราชุดดังกล่าวมิได้คัดเฉพาะอิมามบากิร(.)และอิมามญะฟัร(.)เท่านั้น หากแต่รวมฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆไว้ด้วย แต่ถึงกระนั้น ฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวมีมากกว่าท่านอื่นๆ เนื่องด้วยเสรีภาพที่มีในยุคนั้น

4. ในยุคที่ยังสามารถติดต่อกับบรรดาอิมาม(.)ได้ ชีอะฮ์ยังไม่มีความจำเป็นนักที่จะต้องพึ่งพาตำราที่รวบรวมฮะดีษจากทุกหมวดหมู่และทุกสายรายงาน แต่เมื่อไม่สามารถติดต่อกับอิมาม(.)ในยุคเร้นกายได้ทั้งโดยตรงและผ่านตัวแทน ก็เพิ่งจะเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว ทำให้เหล่านักวิชาการชีอะฮ์มีดำริที่จะรวบรวมพจนารถอิมาม(.)
ด้วยเหตุนี้เองที่ตำราประเภทนี้ประพันธ์ขึ้นในศตวรรษที่สามถึงห้าเป็นส่วนใหญ่ อาทิเช่น กุตุ้บอัรบะอะฮ์, ตุฮะฟุ้ลอุกู้ล, โดยส่วนใหญ่จะบันทึกพจนารถของอิมามทุกท่าน แต่ก็มีตำราอย่างนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ และ ฆุเราะรุ้ลฮิกัม ที่เจาะจงเฉพาะอิมามอลี(.)ท่านเดียว

5. วิธีเรียบเรียงที่เป็นประโยชน์สำหรับนักวิชาการอิสลามมากที่สุดคือการเรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ตามเนื้อหาฮะดีษของบรรดาอิมาม(.)ทุกท่าน มิไช่การเรียบเรียงในลักษณะเจาะจงอิมามแต่ละท่าน (แม้ว่าจะมีคุณค่าในระดับหนึ่งเช่นกัน)
อย่างไรก็ดี เนื่องจากฮะดีษของบรรดาอิมามมีคุณค่าสูงส่งเท่าเทียมกันหมด กอปรกับการที่ผู้รู้มักจะค้นหาฮะดีษตามรายเนื้อหาเพื่อใช้อ้างอิงในเชิงฟิกเกาะฮ์ เทววิทยา ฯลฯ จึงสรุปได้ว่าวิธีเรียบเรียงตำราอย่างปัจจุบันเหมาะสมที่สุด

6. ในสมัยนั้น บรรดาเคาะลีฟะฮ์แห่งราชวงศ์อับบาซิดที่กุมอำนาจอยู่ รวมทั้งพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะอ์ทุกมัซฮับ ต่างก็มิได้เป็นปฏิปักษ์กับอิมามอลี(.)  ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งยังแสดงท่าทีให้เกียรติท่านด้วย ในสภาพสังคมเช่นนี้เองที่ทำให้ท่านซัยยิด เราะฎี รวบรวมพจนารถของอิมามอลี(.)และเรียบเรียงเป็นนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์โดยไม่ถูกแรงต่อต้านใดๆเลย ทั้งที่ซัยยิดพำนักอยู่ที่กุรงแบกแดด เมืองหลวงของอับบาซิด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโวหารเหล่านี้ปรากฏอยู่ในตำราของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เช่นกัน[3]

แต่หากจะเรียบเรียงหนังสือที่บันทึกฮะดีษของบรรดาอิมาม โดยเฉพาะอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.) (ที่กล่าวฮะดีษไว้มากเป็นพิเศษ) ก็อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบจากเหล่าเคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์อับบาซิดได้  ทั้งนี้เพราะท่านอิมามศอดิก(.)เคยแสดงท่าทีคัดค้านราชวงศ์นี้มาตั้งแต่เถลิงอำนาจ[4] บรรดาอิมามหลังจากท่านก็เคยแสดงท่าทีดังกล่าวเช่นกัน 

ฉะนั้น นอกเหนือจากฮะดีษของอิมามอลี(.)แล้ว การที่จะเรียบเรียงตำราฮะดีษของบรรดาอิมามที่แม้จะเป็นอิมามยุคก่อนอับบาซิดก็ตาม ล้วนจะถูกราชวงศ์นี้เพ่งเล็งเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการตอกย้ำทฤษฎีที่ว่าตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์เป็นกรรมสิทธิของวงศ์วานอิมามอลี(.) ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อไม่ให้เป็นที่เพ่งเล็งจากอำนาจรัฐ นักวิชาการชีอะฮ์จึงเลือกที่จะรายงานฮะดีษของบรรดาอิมามท่านอื่นๆเคียงข้างฮะดีษจากท่านนบี(..)และอิมามอลี(.)ในตำราอย่าง อัลกาฟีย์, ตะฮ์ซีบ, มันลายะฮ์ฎุรุฮุ้ลฟะกีฮ์ ฯลฯ 

7. วิธีดังกล่าวถือปฏิบัติกันมาจนถึงยุคที่มีการเรียบเรียงตำราอย่างเช่น บิฮารุลอันว้าร, วะซาอิลุชชีอะฮ์ ...ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าฮะดีษจากอิมามบากิรและอิมามศอดิกจะได้รับการบันทึกในตำราเหล่านี้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องจำแนกออกจากกัน แต่ปัจจุบันได้มีการจำแนกฮะดีษของอิมามแต่ละท่านและเรียบเรียงเป็นหนังสือ อาทิเช่น หนังสือมุสนัด อิมามบากิร(.) และมุสนัดอิมามศอดิก(.) เรียบเรียงโดยคุณ อะซีซุลลอฮ์ อะฏอรุดี โดยแต่ละชุดก็มีหลายเล่มด้วยกัน[5] นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำแนกฮะดีษตามรายนามอิมามแต่ละท่าน

หากคุณได้มีโอกาสค้นหาแหล่งอ้างอิงทางฮะดีษเล่มต่างๆก็ย่อมจะได้ข้อสรุปว่า ฮะดีษส่วนใหญ่ล้วนรายงานจากอิมามสองท่านนี้



[1] อนึ่ง เรามิได้หมายรวมถึงกลุ่มเคาะวาริจและกลุ่มผู้เกลียดชังวงศ์วานนบี ซึ่งมีจำนวนไม่มากนักในสังคมมุสลิม

[2] ริญาล กัชชี,หน้า 41,สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมัชฮัด,..1348

[3] ดู: อิบนิ อบิลฮะดี้ด, อธิบายนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์,เล่ม 1,หน้า 204,หอสมุดอายะตุลลอฮ์มัรอะชี,กุม,..1404

[4] ดู: มัจลิซี,มุฮัมมัดบากิร, บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 47,หน้า 162,หมวดที่ 6,สำนักพิมพ์อัลวะฟา,เบรุต,เลบานอน,..1404

[5] ผู้เขียนท่านนี้ได้เรียบเรียงตำราในลักษณะเดียวกันนี้กรณีอิมามท่านอื่นๆด้วยเช่นกัน

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เพราะเหตุใดพระเจ้าผู้ทรงสามารถปกปักรักษาอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ในช่วงของการเร้นกายให้ปลอดภัยได้, แต่พระองค์มิทรงสัญญาเช่นนั้น เพื่อว่าท่านจะได้ปรากฏกาย และปกป้องท่านจากทุกภยันตราย
    6339 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    หนึ่งในประเด็นสำคัญยิ่งที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ได้ย้ำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแก่ประชาชาติคือ คือการทำลายล้างอำนาจการกดขี่ข่มเหง และการขุดรากถอนโคนความอธรรมโดยน้ำมือของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ด้วยสาเหตุนี้เอง การดำรงอยู่ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากชน 2 กลุ่ม, กลุ่มหนึ่งคือผู้ได้รับการอธรรมข่มเหงบนหน้าแผ่นดินหวังที่จะยื่นคำอุทรณ์และได้รับการสนับสนุน พวกเขาได้ชุมนุมกันเนื่องด้วยการดำรงอยู่ของท่านอิมาม ได้นำเสนอขบวนการและการต่อสู้ป้องกัน, กลุ่มที่สองคือ กลุ่มผู้อธรรมข่มเหง กลั่นแกล้งระราน ผู้ชอบการนองเลือดคอยควบคุมและกดขี่ประชาชาติผู้ด้อยโอกาส และเพื่อไปถึงยังผลประโยชน์ส่วนตัว และรักษาตำแหน่งของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจึงไม่กลัวเกรงการกระทำความชั่วร้าย และความลามกอนาจารใดๆ พวกเขาพร้อมที่จะให้ทุกประเทศเสียสละเพื่อตำแหน่งของพวกเขา คนกลุ่มนี้รู้ดีว่าการดำรงอยู่ของอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คือผู้ที่จะมากีดขวางและขัดผลประโยชน์ และเจตนาชั่วร้ายของพวกเขา อีกทั้งจะทำให้ตำแหน่งผู้นำและผู้บัญชาการของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะขจัดท่านอิมามให้สูญสิ้นไป เพื่อพวกเขาจะได้ปลอดภัยจากภยันตรายอันใหญ่หลวงยิ่งนี้, แต่ทั้งหมดเหล่านี้ ถึงแม้ว่าอำนาจของอัลลอฮฺ (ซบ.) มิได้ถูกจำกัดให้คับแคบลงแต่อย่างใด เพียงแต่พระองค์ประสงค์ให้ทุกภารกิจการงานดำเนินไปตามธรรมชาติและหลักการทั่วไป มิได้เป็นเงื่อนไขเลยว่า เพื่อปกปักรักษาบรรดาศาสดา อิมามผู้บริสุทธิ์ และศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์จะหยุดยั้งการใช้วิธีการ สื่อ เครื่องมือ เหตุผล ...
  • ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์มีบุคลิกภาพด้านใดบ้าง?
    11466 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2554/09/22
    มิติบุคลิกภาพด้านต่างๆของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนในลักษณะที่จะต้องได้รับการพินิจพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเท่านั้นจึงจะสามารถประจักษ์ได้ซึ่งการนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมิติด้านศีลธรรมและจิตใจความรู้และการต่อสู้ของนางทั้งในเชิงการเมืองและสังคมขอหยิบยกบุคลิกภาพอันโดดเด่นของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ที่กล่าวถึงในตำราฝ่ายซุนหนี่และชีอะฮ์)มานำเสนอโดยสังเขปดังนี้1. ท่านหญิงใช้ชีวิตเรียบง่ายและพอใจวิถีชีวิตสมถะทั้งที่สามารถจะได้รับความสะดวกสบายขั้นสูงสุด2. บริจาคของรักของตนมากมายทั้งที่ยังจำเป็นต้องใช้3. ทำอิบาอะฮ์และวิงวอนต่ออัลลอฮ์สม่ำเสมอด้วยความบริสุทธิใจ4. เป็นภาพลักษณ์แห่งจริตกุลสตรีและความเหนียมอาย5. แบบฉบับที่สมบูรณ์ด้านการสวมฮิญาบตามวิถีอิสลาม6. มีความรู้อันกว้างขวางซึ่งประจักษ์ได้จากการรับทราบเนื้อหาในตำรา"มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์"7.
  • ใครคือผู้ฝังร่ายอันบริสุทธ์ของอิมามฮุเซน (อ.)
    7389 تاريخ بزرگان 2554/11/29
    บรรดาผู้รู้มีทัศนะเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแตกต่างกันออกไปแต่ทัศนะที่สอดคล้องกับริวายะฮ์และตำราทางประวัติศาสตร์ก็คือทัศนะที่ว่าอิมามซัยนุลอาบิดีนบุตรชายของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นผู้ฝังศพของท่านณแผ่นดินกัรบะลากล่าวคือ  ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ได้ล่องหนจากคุกของอิบนิซิยาดในกูฟะฮ์มายังกัรบาลาโดยใช้พลังเร้นลับเพื่อมาทำการฝังศพท่านอิมามฮุเซน (อ.) ผู้เป็นบิดาของท่านและบรรดาชะฮีดเนื่องจากมีกฎเกณฑ์ที่ว่า“ไม่มีใครสามารถอาบน้ำศพห่อกะฝั่นและฝังอิมามมะอ์ศูมได้นอกจากจะต้องเป็นอิมามมะอ์ศูมเช่นกัน”อิมามริฏอ (อ.) ได้กล่าวขณะถกปัญหากับบุตรของอาบูฮัมซะฮ์ว่า“จงตอบฉันว่าฮุเซนบินอลี (อ.) เป็นอิมามหรือไม่? เขาตอบว่า“แน่นอนอยู่แล้ว” อิมามได้กล่าวว่า“แล้วใครเป็นผู้ฝังศพของท่าน?”เขาได้กล่าวว่า“อลีบินฮุเซน (อ.)” อิมามได้ถามต่อว่า“ในเวลานั้นอลีบินฮุเซน (อ.) อยู่ที่ไหน?” เขาตอบว่า“อยู่ที่กูฟะฮ์และเป็นเชลยที่ถูกบุตรของซิยาดควบคุมตัวอยู่แต่ท่านได้ลอบเดินทางยังกัรบาลาโดยที่ทหารที่เฝ้าเวรยามไม่รู้ตัว  ท่านได้ทำการฝังร่างของบิดาหลังจากนั้นจึงได้กลับมายังคุกเช่นเดิมอิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่าผู้ที่มอบอำนาจพิเศษแก่อลีบินฮุเซน (อ.) เพื่อให้สามารถเดินทางไปฝังบิดาของท่านที่กัรบะลาพระองค์ย่อมสามารถช่วยให้ฉันล่องหนไปยังแบกแดดเพื่อห่อกะฝั่นและฝังบิดาได้เช่นกันทั้งๆที่ในขณะนั้นฉันไม่ได้ถูกจองจำและไม่ได้ตกเป็นเชลยของใคร[1]ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาฮะดิษดังกล่าวจึงกล่าวได้ว่าอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) คือผู้ที่ฝังศพบิดาด้วยตัวของท่านเอง
  • บาปใหญ่จะได้รับการอภัยหรือไม่?
    17123 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    บาปใหญ่คือบาปประเภทที่กุรอานหรือบทฮะดีษแจ้งว่าจะต้องถูกสำเร็จโทษ(แต่ก็ยังมีสิ่งชี้วัดอื่นๆที่บ่งบอกถึงบาปใหญ่) ทั้งนี้การฝืนกระทำบาปเล็กซ้ำหลายครั้งก็ทำให้บาปเล็กกลายเป็นบาปใหญ่ได้เช่นกันอย่างไรก็ดีอัลลอฮ์ได้ทรงให้สัญญาในกุรอานว่าจะทรงอภัยโทษบาปทุกประเภทโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเตาบะฮ์อย่างถูกต้องเสียก่อนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของอัลลอฮ์หมายถึงการชดเชยอะมั้ลอิบาดะฮ์ที่เคยงดเว้นประกอบกับการกล่าวอิสติฆฟารอย่างบริสุทธิใจส่วนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของมนุษย์หมายถึงการกล่าวอิสติฆฟารคืนสิทธิแก่ผู้เสียหายและขอให้คู่กรณียกโทษให้ ...
  • อัลกุรอานที่อยู่ในมือของเรา ณ ปัจจุบันนี้ ได้ถูกรวบรวมตั้งแต่เมื่อใด?
    8854 วิทยาการกุรอาน 2553/10/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • อะไรคือสัญญาณของพระเจ้า ที่อยู่ในท้องฟ้าและแผ่นดิน?
    11651 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/08/22
    ท้องฟ้าและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดเป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกให้เห็นพลานุภาพของพระเจ้า สัญญาณต่างๆ นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถคำนวณนับได้หมดสิ้น อัลกุรอาน ได้เชิญชวนมนุษย์ไปสู่การเรียนรู้จักสัญญาณเหล่านั้น ทั้งความกว้างไพศาล จำนวนกาแลคซี่ต่างๆ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์, หมู่ดวงดาวต่างๆ และสิ่งมหัศจรรย์อีกจำนวนมากในนั้น การประสานกันของมวลเมฆ การเกิดฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และฟ้าแลบ พร้อมประโยชน์มหาศาลของมัน การสร้างมนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ ที่สลับซับซ้อนที่สุด ในขบวนการสร้างของพระองค์ การดำรงชีพและวัฎจักรชีวิตของผึ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งแห่งสัญญาณของพระองค์ ที่บ่งบอกให้เห็นความรู้ วิทยญาณ และความปรีชาญาณของพระองค์ ...
  • อะไรคือเหตุผลที่ต้องชำระคุมุสตามทัศนะชีอะฮ์ ต้องนำจ่ายแก่ผู้ใด และเหตุใดพี่น้องซุนหนี่จึงไม่ปฏิบัติ?
    8646 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/28
    1. โองการที่กล่าวถึงศาสนกิจโดยเฉพาะนั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับกุรอานทั้งเล่มเนื่องจากกุรอานจะกล่าวถึงหัวข้อศาสนกิจอย่างกว้างๆเช่นนมาซศีลอด ...ฯลฯและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านนบี(
  • เพราะสาเหตุใดส่วนแบ่งมรดกของสตรีจึงได้เพียงครึ่งหนึ่งของชาย?
    6306 สิทธิและกฎหมาย 2554/04/21
    จากการศึกษาเกี่ยวกับหลักนิติศาสตร์อิสลามและประวัติความเป็นมาของค่าปรับจะเห็นว่าเป็นประเด็นที่มีความจำกัดพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐศาสตร์โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการชดเชยสิ่งที่เสียหายไปอีกด้านหนึ่งในสังคมซึ่งอิสลามได้พยายามที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์หรือพยายามสร้างสังคมที่มีความสมบูรณ์จึงได้กำหนดกิจกรรมหลังของสังคมด้านเศรษฐศาสตร์ให้อยู่ในความรับผิดชอบของสังคมกล่าวคืออิสลามได้มองเรื่องเศรษฐศาสตร์ภาพรวมที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายชายทำให้ได้รับผลอย่างหนึ่งว่าผู้ชายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบบางหน้าที่ซึ่งฝ่ายหญิงได้รับการละเว้นเอาไว้ขณะที่หน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีคนหนึ่งคือการจัดระบบและระเบียบเรื่องค่าใช้จ่ายและการเป็นอยู่ของครอบครัวถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบในบทความนี้ท่านผู้อ่านสมารถเข้าใจเหตุผลได้อย่างง่ายดายว่า
  • เป็นไปได้ไหมที่จะอธิบาย อัรบะอีน, อิมามฮุซัยนฺ ให้ชัดเจน?
    8819 تاريخ بزرگان 2555/05/20
    เกี่ยวกับพิธีกรรมอัรบะอีน, สิ่งที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรฒศาสนาของเรา, คือการรำลึกถึงช่วง 40 วัน แห่งการเป็นชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซัยยิดุชชุฮะดา ซึ่งตรงกับวันที่ 20 เดือนเซาะฟัร, ท่านอิมามฮะซันอัสการียฺ (อ.) ได้กล่าวถึงสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา »มุอฺมิน« ไว้ 5 ประการด้วยกัน กล่าวคือ : การดำรงนมาซวันละ 51 เราะกะอัต, ซิยารัตอัรบะอีน, สวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวา, เอาหน้าซัจญฺดะฮฺแนบกับพื้น และอ่านบิสมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม ในนมาซด้วยเสียงดัง[1] ทำนองเดียวกันนักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ อันซอรียฺ,พร้อมกับอุฏ็อยยะฮฺ เอาฟีย์ ประสบความสำเร็จต่อการเดินทางไปซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) หลังจากถูกทำชะฮาดัตในช่วง 40 วันแรก
  • ปัจจุบันสวรรค์และนรกมีอยู่หรือไม่ ?
    8699 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    พิจารณาจากโองการและรายงานต่างๆแล้วจะเห็นว่าสวรรค์และนรกที่ถูกสัญญาไว้มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งในปรโลกจะได้รับการเสนอขึ้นมาซึ่งมนุษย์ทุกคนจะถูกจัดส่งไปยังสถานที่อันเหมาะสมของแต่ละคนตามความเชื่อความประพฤติ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60207 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57679 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42288 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39510 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39002 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34082 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28071 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28068 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27912 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25892 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...