การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
5804
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/07
 
รหัสในเว็บไซต์ fa3966 รหัสสำเนา 20504
คำถามอย่างย่อ
ทั้งที่พจนารถของอิมามบากิรและอิมามศอดิกมีมากมาย เหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมไว้ในหนังสือสักชุดหนึ่ง?
คำถาม
กล่าวกันว่าฮะดีษส่วนใหญ่รายงานจากอิมามบากิร(อ.)และอิมามศอดิก(อ.) แต่ดิฉันยังไม่เคยเห็นหนังสือที่รวบรวมฮะดีษเหล่านี้ในชุดเดียวเหมือนหนังสือนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่รวบรวมพจนารถของอิมามอลี แต่ถ้ามีหนังสือลักษณะนี้กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

หากจะพิจารณาถึงสังคมและยุคสมัยของท่านอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.)ก็จะเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมตำราดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ดี ฮะดีษของทั้งสองท่านได้รับการรวบรวมไว้ในบันทึกที่เรียกว่าอุศู้ลสี่ร้อยฉบับจากนั้นก็บันทึกในรูปของตำราทั้งสี่ต่อมาก็ได้รับการเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่ฟิกเกาะฮ์ในหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์กว่าสามสิบเล่มโดยท่านฮุร อามิลี แต่กระนั้นก็ต้องทราบว่า แม้ว่าฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวจะมีมากกว่าท่านอื่นๆก็ตาม แต่หนังสือดังกล่าวก็มิได้รวบรวมเฉพาะฮะดีษของท่านทั้งสอง แต่ยังรวมถึงฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆอีกด้วย
ทว่าปัจจุบันมีการเรียบเรียงหนังสือในลักษณะเจาะจงอยู่บ้าง อาทิเช่น มุสนัดอิมามบากิร(.) และมุสนัดอิมามศอดิก(.) เรียบเรียงโดยคุณอะซีซุลลอฮ์ อะฏอรุดี

คำตอบเชิงรายละเอียด

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน ตลอดจนมุมมองของมัซฮับอื่นๆ(นอกเหนือจากชีอะฮ์)ที่มีต่อบรรดาอิมามสามท่านที่เอ่ยมา จึงจะเข้าใจเหตุผลที่มีการรวบรวมพจนารถอิมามอลี(.)ไว้ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ทว่ามิได้มีปรากฏการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในภรณีของอิมามท่านอื่นๆ ดังข้อสังเกตุต่อไปนี้:

1.อิมามอลี(.)คืออิมามท่านเดียวที่มีโอกาสขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเคาะลีฟะฮ์และผู้นำประชาคมมุสลิม แม้จะเพียงห้าปีที่ท่านมีอำนาจ แต่ท่านก็มีโอกาสมากพอที่จะถ่ายทอดธรรมเทศนามากหมายหลายบทแก่ประชาชน ขณะเดียวกันนักบันทึกก็มีอิสระที่จะบันทึกธรรมเทศนาเหล่านั้นเพื่อเผยแพร่แก่ผู้อื่นต่อไป และแม้ว่าผู้ยึดถือมัซฮับอื่นๆมิได้ถือว่าท่านเป็นเคาะลีฟะฮ์ที่แต่งตั้งโดยตรงจากท่านนบี(..) แต่อย่างน้อยพวกเขาก็บันทึกพจนารถของท่านไว้ในตำราของฝ่ายตน[1] เนื่องจากยอมรับว่าท่านเป็นหนึ่งในสี่เคาะลีฟะฮ์รอชิดีน

2. ความพยายามในการแจกแจงหลักการศาสนาของอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.)เกิดขึ้นในช่วงผลัดอำนาจจากราชวงศ์อุมะวีสู่ราชวงศ์อับบาซิด ถึงแม้ว่าสภาวะดังกล่าวจะเป็นโอกาสทองในการเผยแพร่สารธรรมและสอนสั่งสานุศิษย์ และแม้ว่านักวิชาการฝ่ายอะฮ์ลิซซุนนะฮ์จำนวนมากเข้าร่วมศึกษาด้วย แต่กระนั้นก็มิได้ทำให้ท่านทั้งสองมีสถานภาพทางสังคมเหมือนอิมามอลี(.) เพราะยังต้องระมัดระวังอากัปกิริยาพอสมควรเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของสานุศิษย์ และเพื่อมิให้ราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งฉวยโอกาส ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงหลีกเลี่ยงการกล่าวคุฏบะฮ์บทยาวดังกรณีของอิมามอลี(.) แต่เน้นตอบคำถามประชาชนเป็นหลัก ที่น่าสนใจก็คือ บางครั้งท่านอิมามบากิร(.)ถึงกับต้องยกให้ท่านญาบิรเป็นสายรายงานของตน เพื่อที่จะอ้างอิงฮะดีษสักบทถึงท่านนบี(..)หรืออิมามอลี(.) ทั้งนี้ก็เพื่อให้พี่น้องมัซฮับอื่นๆยอมรับได้[2]

3. ต้องเรียนชี้แจงว่าพจนารถของบรรดาอิมาม ไม่ว่าจะอิมามอลี(.)หรืออิมามท่านใดก็ตาม ต่างก็มิได้รับการเรียบเรียงเป็นรูปเล่มในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่  นักรายงานฮะดีษหรือผู้ประพันธ์จะรวบรวมพจานารถบางส่วนไว้เท่านั้น นักรายงานฮะดีษบางคนเรียบเรียงเฉพาะฮะดีษที่ตนรายงาน และตั้งชื่อบันทึกประภทนี้ว่าอัศล์โดยได้เผยแพร่แก่บุคคลอื่นๆด้วย ทำให้มีการรวบรวมภายใต้ชื่ออัศล์สี่ร้อยฉบับอัลลามะฮ์ มัจลิซีได้นำเสนอรายนามอัศล์เหล่านี้ไว้ในส่วนแรกของหนังสือบิฮารุลอันว้าร อัศล์เหล่านี้จึงถือเป็นแหล่งอ้างอิงฮะดีษในระดับเบื้องต้น ซึ่งในภายหลังได้รับการเรียบเรียงในนามกุตุ้บอัรบะอะฮ์” (ตำราทั้งสี่)

อย่างไรก็ดี ฮะดีษต่างๆในตำราชุดดังกล่าวมิได้คัดเฉพาะอิมามบากิร(.)และอิมามญะฟัร(.)เท่านั้น หากแต่รวมฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆไว้ด้วย แต่ถึงกระนั้น ฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวมีมากกว่าท่านอื่นๆ เนื่องด้วยเสรีภาพที่มีในยุคนั้น

4. ในยุคที่ยังสามารถติดต่อกับบรรดาอิมาม(.)ได้ ชีอะฮ์ยังไม่มีความจำเป็นนักที่จะต้องพึ่งพาตำราที่รวบรวมฮะดีษจากทุกหมวดหมู่และทุกสายรายงาน แต่เมื่อไม่สามารถติดต่อกับอิมาม(.)ในยุคเร้นกายได้ทั้งโดยตรงและผ่านตัวแทน ก็เพิ่งจะเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว ทำให้เหล่านักวิชาการชีอะฮ์มีดำริที่จะรวบรวมพจนารถอิมาม(.)
ด้วยเหตุนี้เองที่ตำราประเภทนี้ประพันธ์ขึ้นในศตวรรษที่สามถึงห้าเป็นส่วนใหญ่ อาทิเช่น กุตุ้บอัรบะอะฮ์, ตุฮะฟุ้ลอุกู้ล, โดยส่วนใหญ่จะบันทึกพจนารถของอิมามทุกท่าน แต่ก็มีตำราอย่างนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ และ ฆุเราะรุ้ลฮิกัม ที่เจาะจงเฉพาะอิมามอลี(.)ท่านเดียว

5. วิธีเรียบเรียงที่เป็นประโยชน์สำหรับนักวิชาการอิสลามมากที่สุดคือการเรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ตามเนื้อหาฮะดีษของบรรดาอิมาม(.)ทุกท่าน มิไช่การเรียบเรียงในลักษณะเจาะจงอิมามแต่ละท่าน (แม้ว่าจะมีคุณค่าในระดับหนึ่งเช่นกัน)
อย่างไรก็ดี เนื่องจากฮะดีษของบรรดาอิมามมีคุณค่าสูงส่งเท่าเทียมกันหมด กอปรกับการที่ผู้รู้มักจะค้นหาฮะดีษตามรายเนื้อหาเพื่อใช้อ้างอิงในเชิงฟิกเกาะฮ์ เทววิทยา ฯลฯ จึงสรุปได้ว่าวิธีเรียบเรียงตำราอย่างปัจจุบันเหมาะสมที่สุด

6. ในสมัยนั้น บรรดาเคาะลีฟะฮ์แห่งราชวงศ์อับบาซิดที่กุมอำนาจอยู่ รวมทั้งพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะอ์ทุกมัซฮับ ต่างก็มิได้เป็นปฏิปักษ์กับอิมามอลี(.)  ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งยังแสดงท่าทีให้เกียรติท่านด้วย ในสภาพสังคมเช่นนี้เองที่ทำให้ท่านซัยยิด เราะฎี รวบรวมพจนารถของอิมามอลี(.)และเรียบเรียงเป็นนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์โดยไม่ถูกแรงต่อต้านใดๆเลย ทั้งที่ซัยยิดพำนักอยู่ที่กุรงแบกแดด เมืองหลวงของอับบาซิด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโวหารเหล่านี้ปรากฏอยู่ในตำราของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เช่นกัน[3]

แต่หากจะเรียบเรียงหนังสือที่บันทึกฮะดีษของบรรดาอิมาม โดยเฉพาะอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.) (ที่กล่าวฮะดีษไว้มากเป็นพิเศษ) ก็อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบจากเหล่าเคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์อับบาซิดได้  ทั้งนี้เพราะท่านอิมามศอดิก(.)เคยแสดงท่าทีคัดค้านราชวงศ์นี้มาตั้งแต่เถลิงอำนาจ[4] บรรดาอิมามหลังจากท่านก็เคยแสดงท่าทีดังกล่าวเช่นกัน 

ฉะนั้น นอกเหนือจากฮะดีษของอิมามอลี(.)แล้ว การที่จะเรียบเรียงตำราฮะดีษของบรรดาอิมามที่แม้จะเป็นอิมามยุคก่อนอับบาซิดก็ตาม ล้วนจะถูกราชวงศ์นี้เพ่งเล็งเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการตอกย้ำทฤษฎีที่ว่าตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์เป็นกรรมสิทธิของวงศ์วานอิมามอลี(.) ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อไม่ให้เป็นที่เพ่งเล็งจากอำนาจรัฐ นักวิชาการชีอะฮ์จึงเลือกที่จะรายงานฮะดีษของบรรดาอิมามท่านอื่นๆเคียงข้างฮะดีษจากท่านนบี(..)และอิมามอลี(.)ในตำราอย่าง อัลกาฟีย์, ตะฮ์ซีบ, มันลายะฮ์ฎุรุฮุ้ลฟะกีฮ์ ฯลฯ 

7. วิธีดังกล่าวถือปฏิบัติกันมาจนถึงยุคที่มีการเรียบเรียงตำราอย่างเช่น บิฮารุลอันว้าร, วะซาอิลุชชีอะฮ์ ...ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าฮะดีษจากอิมามบากิรและอิมามศอดิกจะได้รับการบันทึกในตำราเหล่านี้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องจำแนกออกจากกัน แต่ปัจจุบันได้มีการจำแนกฮะดีษของอิมามแต่ละท่านและเรียบเรียงเป็นหนังสือ อาทิเช่น หนังสือมุสนัด อิมามบากิร(.) และมุสนัดอิมามศอดิก(.) เรียบเรียงโดยคุณ อะซีซุลลอฮ์ อะฏอรุดี โดยแต่ละชุดก็มีหลายเล่มด้วยกัน[5] นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำแนกฮะดีษตามรายนามอิมามแต่ละท่าน

หากคุณได้มีโอกาสค้นหาแหล่งอ้างอิงทางฮะดีษเล่มต่างๆก็ย่อมจะได้ข้อสรุปว่า ฮะดีษส่วนใหญ่ล้วนรายงานจากอิมามสองท่านนี้



[1] อนึ่ง เรามิได้หมายรวมถึงกลุ่มเคาะวาริจและกลุ่มผู้เกลียดชังวงศ์วานนบี ซึ่งมีจำนวนไม่มากนักในสังคมมุสลิม

[2] ริญาล กัชชี,หน้า 41,สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมัชฮัด,..1348

[3] ดู: อิบนิ อบิลฮะดี้ด, อธิบายนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์,เล่ม 1,หน้า 204,หอสมุดอายะตุลลอฮ์มัรอะชี,กุม,..1404

[4] ดู: มัจลิซี,มุฮัมมัดบากิร, บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 47,หน้า 162,หมวดที่ 6,สำนักพิมพ์อัลวะฟา,เบรุต,เลบานอน,..1404

[5] ผู้เขียนท่านนี้ได้เรียบเรียงตำราในลักษณะเดียวกันนี้กรณีอิมามท่านอื่นๆด้วยเช่นกัน

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เราสามารถพบอับดุลลอฮฺ 2 คน ซึ่งทั้งสองจะได้ปกครองประเทศอาหรับก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามซะมาน ได้หรือไม่?
    5676 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    หลังจากการศึกษาค้นคว้ารายงานดังกล่าวแล้วได้บทสรุปดังนี้:รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่าบุคคลใดก็ตามรับประกันการตายของอับดุลลอฮฺแก่ฉัน (
  • วันเวลาที่แน่ชัดของการเป็นชะฮาดัตของท่านหญิงฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) คืออะไร?
    6072 تاريخ بزرگان 2555/04/21
    ในตำราประวัติศาสตร์มีทัศนะหลายเกี่ยวกับวันคล้ายวันชะฮาดัตของท่านหญิงฟาติมะฮ์ (ซ.) นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่านางสเยชีวิตหลังจากการจากไปของท่านศาสดา (ซ.ล.) 40 วัน บ้างก็เชื่อว่า 6 เดือน และอีกกลุ่มก็เชื่อว่า 8 เดือน ส่วนฮะดีษที่รายงานจากบรรดาอะอิมมะฮ์ระบุไว้สองทัศนะ โดยอุลามาอ์ชีอะฮ์ส่วนใหญ่เชื่อว่าฮะดีษที่ระบุว่าเธอเสียชีวิต 95 วันหลังจากการจากไปของท่านศาสดา (ซ.ล.) เป็นรายงานที่น่าเชื่อถือมากกว่า ...
  • เราจะทราบได้อย่างไรว่าอิมามมะฮ์ดีพอใจในตัวพวกเรา
    5178 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/17
    ผู้ศรัทธาและชีอะฮ์ของอิมามมะฮ์ดีทราบดีว่าการกระทำของตนเป็นที่ประจักษ์สำหรับอิมามตลอดเวลาพวกเขาพยายามใกล้ชิดกับอัลลอฮ์และขัดเกลาจิตวิญญาณของตนให้มากขึ้นและจะพยายามระมัดระวังไม่ทำในสิ่งที่อาจจะทำให้ท่านไม่พอใจทั้งนี้ก็เนื่องจากกลัวว่าท่านจะหม่นหมองใจหรือกลัวที่จะถูกละเว้นจากความโปรดปรานของท่านและเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของท่านมายังตนเองอิมามมะฮ์ดี(อ.)เป็นอิมามที่เปี่ยมด้วยเมตตาและมีความเอื้ออาทรมนุษย์ทุกคนและทุกสรรพสิ่งเนื่องจากเป้าหมายและภารกิจของบรรดาอิมามคล้ายคลึงกับเป้าหมายและภารกิจของท่านนบี(
  • คำว่า “ฮุจซะฮ์”ในฮะดีษของมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์ หมายความว่าอย่างไร?
    6346 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/02/12
    คำว่าฮุจซะฮ์ที่ปรากฏในฮะดีษบทต่างๆแปลว่าการยึดเหนี่ยวสื่อกลางในโลกนี้ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ท่านนบีและบรรดาอิมาม(อ.) ซึ่งก็หมายถึงศาสนาจริยธรรมและความประพฤติที่ดีงามหากบุคคลยึดถืออิสลาม
  • คำพูดทั้งหมดของพระศาสดา (ซ็อล ฯ) ถือว่าเป็นวะฮฺยูหรือไม่?
    6622 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ,ในประเด็นที่กำลังกล่าวถึงแตกต่างกันบางคนได้พิจารณาการตีความของโองการที่ 3,4 ของอัลกุรอานบทนัจมฺ[i]ซึ่งเชื่อว่าคำพูดทั้งหมดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ตลอดจนการกระทำต่างๆของท่านมาจากวะฮฺยูทั้งสิ้นบางคนเชื่อว่าโองการที่ 4 ของบทอันนัจมฺนั้นกล่าวถึงอัลกุรอานกะรีมและบรรดาโองการต่างๆที่ประทานให้แก่ท่านศาสดา,แม้ว่าซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะเป็นข้อพิสูจน์และเป็นเหตุผลก็ตามซึ่งคำพูดการกระทำและการนิ่งเฉยของท่านมิได้เกิดจากอารมณ์อย่างแน่นอนสิ่งที่เข้าใจได้จากสิ่งที่กล่าวถึงในตรงนี้คือสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าทั้งความประพฤติและแบบอย่างของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) มิได้กระทำลงไปโดยปราศจากวะฮียฺอย่างแน่นอนดังเช่นคำพูดของท่านก็เป็นเช่นนี้ด้วยแม้ว่าจะเป็นคำพูดประจำวันคำพูดสามัญทั่วไปตลอดการดำรงชีวิตของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็ตามสิ่งนั้นก็จะไม่เกิดจากอารมณ์อย่างเด็ดขาดซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะล่วงละเมิดกระทำความผิด[i]
  • หนทางหลุดพ้นจากความลุ่มหลงโลกคืออะไร?
    7866 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/21
    โลกที่มนุษย์อยู่อาศัยนี้มาจากคำว่า«ادنی» มาจากคำว่า«دنیء» และคำว่า«دنائت»
  • อิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) ได้สมรสกับหญิงหลายคน และหย่าพวกนางหรือ?
    6469 ازدواج، خانواده، طلاق و 2555/08/22
    หนึ่งในประเด็น อันเป็นความเสียหายใหญ่หลวง และน่าเสียใจว่าเป็นที่สนใจของแหล่งฮะดีซทั่วไปในอิสลาม, คือการอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซ โดยนำเอาฮะดีซเหล่านั้นมาปะปนรวมกับฮะดีซที่มีสายรายงานถูกต้อง โดยกลุ่มชนที่มีความลำเอียงและรับจ้าง ท่านอิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) เป็นอิมามผู้บริสุทธิ์ท่านที่สอง, เป็นหนึ่งในบุคคลที่บรรดานักปลอมแปลงฮะดีซ ได้กุการมุสาพาดพิงไปถึงท่านอย่างหน้าอนาถใจที่สุด ในรูปแบบของรายงานฮะดีซ ซึ่งหนึ่งในการมุสาเหล่านั้นคือ การแต่งงานและการหย่าร้างจำนวนมากหลายครั้ง แต่หน้าเสียใจตรงที่ว่า รายงานเท็จเหล่านี้บันทึกอยู่ในแหล่งอ้างอิงฮะดีซและหนังสือประวัติศาสตร์ ทั้งซุนนียฺและชีอะฮฺ แต่ก็หน้ายินดีว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักความเชื่อที่ถูกต้องมีอยู่อยู่มือจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งทำให้การอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ...
  • จุดประสงค์ของโองการที่ 85-87 บทอัลฮิจญฺร์ คืออะไร?
    6064 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/17
    อัลลอฮฺ (ซบ.) กล่าวในโองการโดยบ่งชี้ให้เห็นถึง, ความจริงและการมีเป้าหมายในการชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินของพระองค์ ทรงแนะนำแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ว่า จงแสดงความรักและความห่วงใยต่อบรรดาผู้ดื้อรั้น, พวกโง่เขลาทั้งหลาย, บรรดาพวกมีอคติ, พวกบิดพลิ้วที่ชอบวางแผนร้าย, พวกตั้งตนเป็นปรปักษ์ด้วยความรุนแรง, และพวกไม่รู้, จงอภัยแก่พวกเขา และจงแสดงความหวังดีต่อพวกเขา ในตอนท้ายของโองการ อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปลอบใจท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และให้กำลังใจท่าน ว่าไม่ต้องเป็นกังวลหรือเป็นห่วงในเรื่องความรุนแรงจากฝ่ายศัตรู ผู้คนจำนวนมากกว่า สิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า และทรัพย์สินจำนวนมากมายที่อยู่ในครอบครองของพวกเขา, เนื่องจากอัลลอฮฺ ทรงมอบความรัก ความเมตตา และเหตุผลในการเป็นศาสดาแก่ท่าน ซึ่งไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้จะดีและเสมอภาคกับสิ่งนั้นโดยเด็ดขาด ...
  • ปรัชญาของการมีทาสในอิสลามคืออะไร? อิสลามมีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่าอย่างไร?
    10921 بیشتر بدانیم 2555/08/22
    ถูกต้องบทบัญญัติเกี่ยวกับ การแต่งงานกับทาส, การเป็นมะฮฺรัมกับทาส, สัญญาซื้อขาย (ข้อตกลงที่จะปล่อยทาสเป็นไท) และ ...ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน, การมีทาสได้รับการยืนยันว่ามีจริงในสมัยของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) และต้นยุคอิสลาม แต่จำเป็นต้องกล่าวว่าอิสลามมีโปรแกรมที่ละเอียดอ่อน และมีกำหนดเวลาในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไท ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายของทั้งหมดเหล่านั้นคือ การได้รับอิสรภาพเป็นไททั้งสิ้น ดังนั้นการเผชิญหน้าของอิสลามกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องกล่าวถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: 1-อิสลามมิเคยเริ่มต้นปัญหาเรื่องทาส 2-อิสลามถือว่าปัญหาชะตากรรม และความเจ็บปวดใจของทาสในอดีตที่ผ่านมาคือ ปัญหาความล้าหลังอันยิ่งใหญ่ของสังคม 3-อิสลามได้วางโครงการที่ละเอียดอ่อน เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท, เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลเมืองในสมัยก่อนเป็นทาสทั้งสิ้น, พวกเขาไม่มีอิสรเสรีในการประกอบอาชีพการงาน, ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป.ถ้าหากอิสลามได้มีคำสั่งต่อสาธารณชนว่าให้ทั้งหมดปล่อยทาสให้เป็นไท, ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสูญเสียชีวิต หรือไม่ชนส่วนใหญ่ก็จะต้องว่างงานไร้อาชีพ หิวโหย ถูกกีดกัน และพวกเขาต้องได้รับแรงกดดันจนกระทั่งเข้าทำร้ายและโจมตีในทุกที่ การประจัญบาน การนองเลือด และการทำลายกฎระเบียบของสังคมก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามได้วางแผนการไว้อย่างละเอียด เพื่อดึงดูดสังคมให้ทาสเหล่านี้ได้รับอิสรภาพ และเป็นไทไปที่ละน้อย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ...
  • เพราะสาเหตุใดส่วนแบ่งมรดกของสตรีจึงได้เพียงครึ่งหนึ่งของชาย?
    5192 สิทธิและกฎหมาย 2554/04/21
    จากการศึกษาเกี่ยวกับหลักนิติศาสตร์อิสลามและประวัติความเป็นมาของค่าปรับจะเห็นว่าเป็นประเด็นที่มีความจำกัดพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐศาสตร์โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการชดเชยสิ่งที่เสียหายไปอีกด้านหนึ่งในสังคมซึ่งอิสลามได้พยายามที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์หรือพยายามสร้างสังคมที่มีความสมบูรณ์จึงได้กำหนดกิจกรรมหลังของสังคมด้านเศรษฐศาสตร์ให้อยู่ในความรับผิดชอบของสังคมกล่าวคืออิสลามได้มองเรื่องเศรษฐศาสตร์ภาพรวมที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายชายทำให้ได้รับผลอย่างหนึ่งว่าผู้ชายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบบางหน้าที่ซึ่งฝ่ายหญิงได้รับการละเว้นเอาไว้ขณะที่หน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีคนหนึ่งคือการจัดระบบและระเบียบเรื่องค่าใช้จ่ายและการเป็นอยู่ของครอบครัวถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบในบทความนี้ท่านผู้อ่านสมารถเข้าใจเหตุผลได้อย่างง่ายดายว่า

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    57238 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    54942 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    40298 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    37388 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    35970 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    32348 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    26664 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26022 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    25858 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24109 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...