Please Wait
9612
อุมัรบิน มาลิก เป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่า คัซร็อจญฺ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกด้วยชื่อเล่นว่า อบูดัรดาอฺ เขาเป็นหนึ่งในเซาะฮาบะฮฺ (สหาย) ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และอยู่ในฐานะของผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าคัซร็อจญฺ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในมะดีนะฮฺ แต่หลังจากที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ได้เดินทางมามะดีนะฮฺได้ไม่นานนัก เขาก็เข้าพบท่านเราะซูล และได้ยอมรับอิสลาม
อบูดัรดาอฺ คือผู้ที่ยืนยันว่าท่านอะลี (อ.) มีความดีและประเสริฐยิ่งกว่ามุอาวิยะฮฺมาก,เขาได้เข้าไปหามุอาวิยะฮฺพร้อมกับอบูฮุร็อยเราะฮฺ และเขาได้เชิญชวนมุอาวิยะฮฺให้เชื่อฟังปฏิบัติท่านอิมามอะลี (อ.), ครั้นเมื่อมุอาวิยะฮฺได้นำเอาเรื่องการสังหารอุสมานมาเป็นข้ออ้าง โดยอ้างว่าให้ท่านอิมามอะลีช่วยส่งคนสังหารอุสมานมาให้เขา หลังจากนั้นเขาได้ส่งอบูดัรดาอฺ และอบูฮุร็อยเราะฮฺมาหาท่านอิมาม อะลี (อ.) เพื่อขอตัวคนสังหารอุสมาน เพื่อสงครามการนองเลือดจะได้สิ้นสุดลง แล้วทั้งสองก็กลับมาหาท่านอิมามอะลี แต่ท่านมาลิกอัชตัรได้พบกับพวกเขาก่อน และได้ประณามพวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาจึงตัดสินใจไม่ไปพบท่านอิมามอะลีแล้ว, วันที่สองเมื่อความต้องการของพวกเขาได้แจ้งให้ท่านอิมามอะลี ได้รับทราบ พวกเขาจึงได้พบกับผู้จำนวนนับหมื่นคนแล้วประกาศแก่ทั้งสองว่า พวกเขานั่นแหละเป็นคนสังหารอุสมาน, ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งสองสิ้นหวังและกลับไปยังเมืองของตน และได้รับการประณามหยามเหยียดจาก อับดุรเราะฮฺมาน บิน อุสมาน
อย่างไรก็ตาม,สถานภาพของเขากับรัฐอิสลามแห่งสัจธรรมนั้น สามารถกล่าวได้ว่า เขาคือองค์ประกอบแห่งคำปรารภของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่กล่าวถึงบางคนว่า “พวกเขามิได้ช่วยเหลือความถูกต้อง และมิได้ประณามความต่ำต้อย”
รายงานจากแหล่งอ้างอิงทั้งจากซุนนียฺ และชีอะฮฺ กล่าวว่า อบูดัรดาอฺ ได้รายงานจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)
นักประวัติศาสตร์บางกลุ่ม, กล่าวว่า เขาได้เสียชีวิตหลังจากสงครามซิฟฟีน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า อบูดัรดาอฺ ได้เสียชีวิต 2 ปีก่อนการตายของอุสมาน
อุมัรบิน มาลิก เป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่า คัซร็อจญฺ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกด้วยชื่อเล่นว่า อบูดัรดาอฺ เขาเป็นหนึ่งในเซาะฮาบะฮฺ (สหาย) ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และอยู่ในฐานะของผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าคัซร็อจญฺ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในมะดีนะฮฺ แต่หลังจากที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ได้เดินทางมามะดีนะฮฺได้ไม่นานนัก เขาก็เข้าพบท่านเราะซูล และได้ยอมรับอิสลาม
เขาเป็นคนลักษณะที่ว่าวันหนึ่ง “อับดุลลอฮฺ รุวาฮะฮฺ” พี่บุญธรรมของเขา ได้มาที่บ้านของอบูดัรดาอฺ เขาได้กล่าวเชิญชวนอบูดัรดาอฺ อยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นเขาได้เข้าทุบตีเทวรูปของอบูดัรดาอฺ จนแตกละเอียด แล้วได้กล่าวคำรำพันประโยคนี้ว่า “จงออกห่างจากนามของซาตานมารร้ายทั้งหมด ซึ่งใครก็ตามเคารพภักดีอัลลอฮฺ เขาจะปลอดภัย” เมื่ออบูดัรดาอฺ กลับมาบ้าน, ภรรยาของเขาได้แจ้งให้เขาทราบถึงการกระทำของอับดุลลอฮฺ พี่ชายบุญธรรม, อบูดัรดาอฺ ได้คิดใคร่ครวญอยู่นานพอสมควร หลังจากนั้นเขากล่าวว่า ถ้าหากเทวรูปเหล่านี้ดีจริง พวกเขาคงป้องกันตัวเองแล้ว และในที่สุดอบูดัรดาอฺ ได้ออกไปพร้อมกับอับดุลลอฮฺ บินรุวาฮะ และได้เข้าพบท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต่อมาเขาได้ประกาศเข้ารับอิสลาม, อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนแรกทีท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้อพยพมาสู่เมืองมะดีนะฮฺ ขณะนั้นอบูดัรดาอฺ ยังไม่ได้รับฮิดายะฮฺเป็นมุสลิม, แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายเดือน, เขาได้เข้าพบท่านศาสดา (ซ็อล น) และประกาศยอมรับอิสลาม การเข้ารับอิสลามล่าช้าของเขานั้น นักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่าเขายังเข้าร่วมสงครามค็อนดัก และหลังจากนั้น กล่าวว่าในสงครามก่อนหน้าสงครามค็อนดักเขายังไม่ได้เข้ารับอิสลาม
อะฮฺลิซุนนะฮฺ ได้อ้างรายงานจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ที่ได้กล่าวชื่นชมอบูดัรดาอฺเอาไว้ เช่น พวกเขากล่าวพาดพิงถึงท่านศาสดาว่า ท่านได้กล่าวชื่นชมอบูดัรดาอฺว่าเขาคือ ผู้รู้ของประชาชาตินี้
เช่นเดียวกันมีรายงานจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ว่า ท่านได้ให้อบูดัรดาอฺ กับซัลมาน ฟารซียฺ อ่านอักด์เป็นพี่น้องกัน ซึ่งทั้งสองถือเป็นพี่น้องกันทางศาสนา และความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) จากไปแล้วก็ตาม อบูดัรดาอฺ หลังจากเดินทางไปซีเรียแล้ว เขายังได้เขียนจดหมายถึงซัลมาน อัลฟาร์ซี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอีรัก เขาได้เขียนถึงซัลมานว่า : อัลลอฮฺ ทรงประทานทรัพย์สินและบุตรแก่ฉัน และฉันได้สร้างบ้านบนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว ซัลมานได้เขียนตอบเขาว่า : ท่านได้เขียนบอกฉันว่ามีบ้านและมีบุตรแล้ว, แต่พึงรู้ไว้เถิดว่าความเจริญผาสุกมิได้อยู่ที่ทรัพย์สินหรือลูกหลานจำนวนมากมายดอก
อบูดัรดาอฺ ได้อยู่มะดีนะฮฺจนกระทั่งสิ้นยุคของเคาะลิฟะฮฺที่สอง และเขาได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกเมือง ตามคำสั่งของเคาะลิฟะฮฺ โดยมุ่งหน้าไปยังเมืองซีเรีย ซึ่งเคาะลิฟะฮฺที่สองได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้พิพากษาและเป็นอิมามญะมาอะฮฺนำนมาซในเมืองซีเรีย
เมื่ออบูดัรดาอฺ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษา ประชาชนต่างกล่าวแสดงความยินดีกับเขา และเขาได้กล่าวว่า : พวกเขากล่าวแสดงความยินกับฉันที่ได้เป็นผู้พิพากษาหรือ แต่ฉันซิเหมือนยืนอยู่บนหน้าผา ความลึกของมันมากกว่าจากที่นี่จนถึงเอเธน ถ้าหากประชาชนรู้ว่า ในการตัดสินความนั้นมีปัญหายุ่งยากเพียงใด และเนื่องด้วยความยากนั้นเขาจะถ่ายโอนจากมือหนึ่งไปสู่อีกมือหนึ่ง (เขาจะขจัดให้ห่างไกลไปจากเขา) ถ้าหากประชาชนรู้ว่าในการอะซาน นั้นมีผลบุญมากเพียงใด เขาก็ทุ่มเทให้แก่มันและแย่งมันจากมือของคนอื่น
อบูดัรดาอฺ ได้กล่าวว่ายืนยันว่า คือผู้ที่ยืนยันว่าท่านอะลี (อ.) มีความดีและประเสริฐยิ่งกว่ามุอาวิยะฮฺมาก,เขาได้เข้าไปหามุอาวิยะฮฺพร้อมกับอบูฮุร็อยเราะฮฺ และเขาได้เชิญชวนมุอาวิยะฮฺให้เชื่อฟังปฏิบัติท่านอิมามอะลี (อ.),ครั้นเมื่อมุอาวิยะฮฺได้นำเอาเรื่องการสังหารอุสมานมาเป็นข้ออ้าง โดยอ้างว่าให้ท่านอิมามอะลีช่วยส่งคนสังหารอุสมานมาให้เขา หลังจากนั้นเขาได้ส่งอบูดัรดาอฺ และอบูฮุร็อยเราะฮฺมาหาท่านอิมาม อะลี (อ.) เพื่อขอตัวคนสังหารอุสมาน และจะทำให้การนองเลือดสิ้นสุดลง ซึ่งทั้งสองก็ได้ทำตามที่มุอาวิยะฮฺขอร้อง และทั้งสองได้มาหาท่านอิมามอะลี (อ.) แต่เผอิญได้พบกับท่านมาลิกอัชตัรเสียก่อน มาลิกได้ต่อว่าเขาทั้งสอง จนกระทั่งว่าเขาได้เปลี่ยนใจไม่ไปพบท่านอิมามอะลี (อ.) วันที่สองพวกเขาได้ขอพบท่านอิมามอะลี และได้แจ้งเจตจำนงให้ท่านรับทราบ พวกเขาจึงได้พบกับผู้จำนวนนับหมื่นคนแล้วประกาศแก่ทั้งสองว่า พวกเขานั่นแหละเป็นคนสังหารอุสมาน, ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งสองสิ้นหวังและกลับไปยังเมืองของตน และได้รับการประณามหยามเหยียดจาก อับดุรเราะฮฺมาน บิน อุสมาน, อย่างไรก็ตามเรื่องราวดังกล่าวนี้ วางอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า อบูดัรดาอฺ ได้เสียชีวิตหลังสงครามซิฟฟีน, แต่ถ้าถือตามทัศนะของนักประวัติศาสตร์บางท่านที่กล่าวว่า อบูดัรดาอฺ ได้เสียชีวิตก่อนการปกครองของท่านอิมามอะลี (อ.) แล้วละก็เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดไม่อาจยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม,สถานภาพของเขากับรัฐอิสลามแห่งสัจธรรมนั้น สามารถกล่าวได้ว่า เขาคือองค์ประกอบแห่งคำปรารภของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่กล่าวถึงบางคนว่า “พวกเขามิได้ช่วยเหลือความถูกต้อง และมิได้ประณามความต่ำต้อย”
ในทัศนะของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ อบูดัรดาอฺ คือเซาะฮาบะฮฺ ผู้ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา เขามีเกียรติสูงส่ง, ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้มีรายงานฮะดีซจากเขาจำนวนมากมาย
เช่นเดียวกันรายงานฮะดีซจำนวนหนึ่งของอบูดัรดาอฺมีกล่าวไว้ในแหล่งอ้างอิงของชีอะฮฺด้วย, เช่น เชคฏูซียฺได้บันทึกคำวินิจฉัน และรายงานฮะดีซจากเขาไว้ในหนังสือ “อัลคิลาฟ”
ส่วนการเสียชีวิตของอบูดัรดาอฺ มีความเห็นแตกต่างกัน, นักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่า เขาเสียชีวิตหลังสงครามซิฟฟีน และบางกลุ่มกล่าวว่า อบูดัรดาอฺ เสียชีวิตก่อน 2 ปี ก่อนการเสียชีวิตของอุสมาน