Please Wait
6517
ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวถึงการก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ของเคาะลีฟะฮ์สามคนแรกไว้ในคุฏบะฮ์ที่สาม ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในนาม “คุฏบะฮ์ชิกชิกียะฮ์” จากคำที่ท่านกล่าวตอนท้ายคุฏบะฮ์
คุฏบะฮ์นี้มีเนื้อหาครอบคลุมคำตัดพ้อของท่านอิมามอลี(อ.)เกี่ยวกับประเด็นคิลาฟะฮ์ และเล่าถึงความอดทนต่อการสูญเสียตำแหน่งดังกล่าว อีกทั้งเหตุการณ์ที่ประชาชนให้สัตยาบันต่อท่าน ซึ่งจะนำเสนอรายละเอียดในคำตอบแบบสมบูรณ์
คุฏบะฮ์นี้มีเนื้อหาครอบคลุมคำตัดพ้อของท่านอิมามอลี(อ.)เกี่ยวกับประเด็นคิลาฟะฮ์ และเล่าถึงความอดทนต่อการสูญเสียตำแหน่งดังกล่าว แล้วจึงกล่าวถึงการที่ประชาชนให้สัตยาบันต่อท่าน
ในคุฏบะฮ์นี้ ท่านกล่าวไว้ว่า “ขอสาบานต่อพระองค์ เขา(อบูบักร)ได้สวมตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ประหนึ่งผ้าคลุม ทั้งที่เขาทราบดีว่าฉันมีสถานะต่อตำแหน่งดังกล่าวประหนึ่งแกนของหินโม่แป้ง (ซึ่งไม่สามารถหมุนได้โดยปราศจากแกน) (เขาทราบดีว่า) กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากและตาน้ำ (แห่งวิทยปัญญา) ไหลเชี่ยวมาจากขุนเขาแห่งฉัน โดยที่วิหก(แห่งวิสัยทัศน์) มิอาจเหิรบินถึงความคิดของฉัน ทว่าฉันปล่อยผ้าคลุมดังกล่าวและถอยห่างจากมัน โดยครุ่นคิดว่าจะลุกขึ้นยืนด้วยมือเปล่า (ปราศจากผู้ช่วยเหลือเพื่อทวงสิทธิอันชอบธรรมแก่ประชาชน) หรือจะอดทนต่อสภาพแวดล้อมอันมืดมน สภาพแวดล้อมที่ทำให้คนชราอ่อนเปลี้ย และทำให้เด็กหนุ่มแก่ชรา ผู้ศรัทธาจะต้องทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ (ในที่สุด)ฉันจึงเห็นว่าการอดทนสอดคล้องกับปัญญามากกว่า จึงได้อดทนทั้งที่เสมือนมีหนามทิ่มตา และมีเศษกระดูกขวางคอ เห็นต่อหน้าต่อตาว่ามรดกถูกชิงไป กระทั่งรายแรกจากไป เขาได้ฝากฝังไว้ให้อีกราย (ณ จุดนี้ ท่านได้ยกบทกวีของอะอ์ชาที่มีเนื้อหาว่า) กาลเวลาของฉันกับการเวลาของเขาหาเสมอเหมือนกันไม่
น่าฉงนใจยิ่ง เขาซึ่งพร่ำขอโทษขอโพยประชาชนต่อความผิดพลาดต่างๆ (ทั้งที่ยังมีคนอย่างฉันอยู่) และพยายามปลีกตนจากตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ทว่าก่อนตายได้มอบตำแหน่งดังกล่าวแก่ผู้อื่นเสมือนยกเจ้าสาวให้ เขาสองคนสลับกันเชยชมมัน เขาได้ส่งมอบมันแก่อู่แห่งความกระด้างและการขอโทษขอโพย จ้าวแห่งคิลาฟะฮ์เสมือนอูฐพยศ ที่หากดึงแรงก็จะทำให้บังเหียนขาด และหากปล่อยไปก็จะดิ่งสู่ก้นเหว
ขอสาบานว่าประชาชนประสบกับความทุกข์ระทมอย่างประหลาด ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการอดทนต่อช่วงเวลาแห่งความทุกข์ขื่นอันยาวนาน ในที่สุดวันเวลาของเขาก็ผ่านไป โดยได้ฝากฝัง(ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์)ไว้กับที่ประชุม เขาคิดว่าฉันมีสถานะเท่าเทียมพวกนั้น ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากที่ประชุมดังกล่าว ถูกไหมที่จะเปรียบฉันกับคนแรกของพวกเขา ที่บัดนี้จะนำฉันไปเปรียบกับคณะบุคคลเหล่านี้ (สมาชิกที่ประชุมชูรอ) แต่ฉันก็จำต้องยอมประสานและเข้าร่วมกับพวกเขา (เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์โดยรวมของมุสลิม) บางคนตีห่างจากฉันด้วยความพยาบาท บางคนยกเครือญาติมาก่อน (สัจธรรม) และมีจุดประสงค์บางประการที่ฉันไม่ประสงค์จะกล่าวถึง ในที่สุดคนที่สามก็ยืนขึ้น เขาเปรียบดังอูฐที่มุ่งแต่จะกินอาหารในคอก ญาติฝ่ายพ่อของเขาให้การสนับสนุนเขา คนเหล่านี้สวาปามทรัพย์สินของอัลลอฮ์เปรียบเสมือนอูฐหิวโซรุมสวาปามหญ้าอ่อนในฤดูใบไม้ผลิ แต่ในที่สุด สิ่งที่ขวนขวายมา (เพื่อเสริมฐานอำนาจ) ก็สูญสลายไป พฤติกรรมของเขาได้ปลิดชีพเขาเอง และการมุ่งสวาปามได้ทำลายเขาชั่วนิรันดร์
ทันใดนั้น ฝูงชนเบียดเสียดกันเสมือนขนแผงคอของหมาไฮยีน่ากดดันให้ฉันรับตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ พวกเขารุมล้อมฉันจากทุกทาง ฮะซันและฮุเซนเกือบจะถูกเหยียบ เบียดสีข้างของฉันจนผ้าคลุมขาดวิ่น ฝูงชนแห่แหนเข้าล้อมฉันเสมือนฝูงแกะ (ที่หนีหมาป่าเข้ามาเบียดเสียดกัน) แต่เมื่อฉันลุกขึ้นจับบังเหียนแห่งคิลาฟะฮ์...”[1]
[1] มะการิม ชีรอซี, นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ฉบับแปลพร้อมกับคำอธิบาย, เล่ม 1,หน้า 65-66,สำนักพิมพ์ฮะดัฟ,พิมพ์ครั้งแรก,กุม