การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7530
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/06/28
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1267 รหัสสำเนา 14830
คำถามอย่างย่อ
กรุณาไขเคล็ดลับวิธีบำรุงสมองทั้งในแง่รูปธรรมและนามธรรมตามที่ปรากฏในฮะดีษ
คำถาม
กรุณาไขเคล็ดลับวิธีบำรุงสมองทั้งในแง่รูปธรรมและนามธรรมตามที่ปรากฏในฮะดีษ
คำตอบโดยสังเขป

ปัจจัยที่มีส่วนช่วยบำรุงสมองและเสริมความจำมีอยู่หลายประเภท อาทิเช่น
1. ปัจจัยด้านจิตวิญญาณ
. การรำลึกถึงอัลลอฮ์(ด้วยการปฏิบัติศาสนกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนมาซตรงเวลา)
. อ่านบทดุอาที่มีผลต่อการเสริมความจำ อย่างเช่นดุอาที่นบี(..)สอนแก่ท่านอิมามอลี(.)[i]

سبحان من لایعتدى على اهل مملکته، سبحان من لایأخذ اهل الارض بالوان العذاب، سبحان الرؤوف الرحیم، اللهم اجعل لى فى قلبى نورا و بصرا و فهما و علما انک على کل شى‏ء قدیر

. อัญเชิญอัลกุรอาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายะฮ์กุรซี
. งดเว้นสิ่งที่ทำให้หลงลืม เช่นการทำบาป
. หาวิธีผ่อนคลายความเครียด โดยเฉพาะขณะทบทวนตำรา
. ตัดความสนใจรอบข้าง
. ฝึกฝนสมาธิ

2. ปัจจัยทั่วไป
. สนองความต้องการขั้นพื้นฐาน(บริโภคอย่างเหมาะสม ออกกำลังกาย ดูแลสุขอนามัย)
. แปรงฟัน
. รับประทานอาหารที่มีกลูโคส(เช่น อินทผลัม น้ำผึ้ง ขนมหวานที่ถูกสุขลักษณะ ฯลฯ) อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามิน เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมันตับปลา ส้ม มะเขือเทศ ข้าวกล้อง ผักเขียว แครอท ตับ ฯลฯ
. ฝึกทบทวนเนื้อหาที่ต้องการจำ

3. วิธีที่แนะนำโดยนักจิตวิทยา
. แบ่งคำ .สร้างความหมาย .จัดระเบียบ .คืนภาวะแวดล้อม .เคล็ดลับจำเป็นเลิศ



[i] มะฟาตีฮุ้ลญินาน,ภาคแรก,บทแรก,ดุอาหลังนมาซ

คำตอบเชิงรายละเอียด

ปัจจัยที่มีส่วนช่วยบำรุงสมองและเสริมความจำมีอยู่หลายประเภท อาทิเช่น
1. ปัจจัยด้านจิตวิญญาณ
. การรำลึกถึงอัลลอฮ์(ด้วยการปฏิบัติศาสนกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนมาซตรงเวลา)
. อ่านบทดุอาที่มีผลเสริมความจำ ทั้งนี้ บรรดาอิมามสอนให้เราขอต่อพระองค์ให้ทรงเสริมปัญญาและความเข้าใจ ตัวอย่างดุอาที่มีผลต่อพัฒนาการทางสมอง[1]เช่น
-ดุอาที่ท่านนบี(..)สอนแก่อิมามอลี(.)[2]:

سبحان من لایعتدى على اهل مملکته، سبحان من لایأخذ اهل الارض بالوان العذاب، سبحان الرؤوف الرحیم، اللهم اجعل لى فى قلبى نورا و بصرا و فهما و علما انک على کل شى‏ء قدیر


-ดุอาที่ซัยยิด บินฏอวู้ส ได้รายงานไว้ว่ามีผลบำรุงจิตใจ โดยให้อ่านสามจบว่า
یا حى یا قیوم یا لااله الا انت اسئلک أن تحیى قلبى اللّهم صل على محمد و آل محمد[3]
-ดุอาเพื่อการทบทวนตำรา

اللهم اخرجنى من ظلمات الوهم و اکرمنى بنور الفهم اللّهم افتح علینا ابواب رحمتک و انشر علینا خزائن علومک برحمتک یا ارحم الراحمین[4]

-หลังนมาซซุบฮิ ก่อนจะเอ่ยคำพูดอื่นใดให้กล่าวประโยคนี้ یا حى یا قیّوم فلا یفوت شیئا علمه و لایؤدّه[5]
.อัญเชิญกุรอาน โดยเฉพาะอายะฮ์กุรซี
. หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ความจำเลือนลาง เช่น การทำบาป การหมกมุ่นทางโลก การเล่นสนุกจนเกินขอบเขต เศร้าเสียใจเกี่ยวกับทางโลก[6]
. ขจัดความเครียด โดยเฉพาะในขณะทบทวนตำรา
. ลดความคิดฟุ้งซ่าน
. ฝึกฝนให้มีสมาธิแน่วแน่
เกร็ดน่ารู้: ต้องคำนึงว่า แม้วิธีต่างๆข้างต้นจะได้มาจากฮะดีษก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะถือเป็นมูลเหตุสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการบำรุงความจำ ทั้งนี้ก็เนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมปัจจัยสำคัญอีกประการที่เกี่ยวข้องได้ นั่นก็คือปัจจัยทางพันธุกรรม
กล่าวคือ ความจำและไอคิวเป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นจากปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสภาพแวดล้อม วิธีที่นำเสนอทั้งหมดเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสภาพแวดล้อมซึ่งเรากำหนดได้ แต่ปัจจัยทางพันธุกรรมอันเกี่ยวข้องกับปู่ย่าตายายของแต่ละคนนั้น เราไม่อาจะควบคุมได้ ฉะนั้น ไม่ควรคาดหวังว่าหากปฏิบัติตามวิธีต่างๆข้างต้นแล้ว ระดับไอคิวจะเพิ่มจาก 90 เป็น 120 ในชั่วข้ามคืน และหากมิได้เป็นไปตามที่คาดไว้ แสดงว่าวิธีที่บรรดาผู้นำศาสนาสอนไว้เป็นเรื่องเหลวไหลก็หาไม่ แต่สมมติในกรณีไอคิวระดับ100 หากต้องการจะพัฒนาศักยภาพความคิดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นก็อาจเป็นไปได้

ตรงกันข้ามกับกรณีของเด็กๆ หากพวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่ทางโภชนาการตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยอนุบาล รวมถึงหากมีการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นเชาวน์ปัญญา ก็สามารถเพิ่มระดับไอคิวของเด็กได้ แต่ในกรณีของวัยรุ่นหรือวัยกลางคนนั้น ทำได้แค่เพียงป้องกันไม่ให้ระดับเชาวน์ปัญญาที่มีอยู่ลดลง และพยายามเพิ่มศักยภาพทางความคิดให้มากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงศักยภาพสูงสุดของระดับเชาวน์ปัญญาที่มีอยู่ โดยที่คำแนะนำจากผู้นำศาสนาที่นำเสนอข้างต้น ล้วนเป็นไปเพื่อดึงศักยภาพดังกล่าวทั้งสิ้น.

2. ปัจจัยทางวัตถุ
. สนองความต้องการขั้นพื้นฐาน(บริโภคอย่างเหมาะสม ออกกำลังกาย ดูแลสุขอนามัย)
. แปรงฟัน
. รับประทานอาหารที่มีกลูโคส(เช่น อินทผลัม น้ำผึ้ง ขนมหวานที่ถูกสุขลักษณะ ฯลฯ) อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามิน เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมันตับปลา ส้ม มะเขือเทศ ข้าวกล้อง ผักเขียว แครอท ตับ ฯลฯ
หนังสือมะฟาตีฮุลญินาน(ฉบับเต็ม)แนะนำว่า ควรรับประทานลูกเกดโดยเฉพาะชนิดสีแดงเข้มจำนวนยี่สิบเอ็ดเม็ดระหว่างมื้อเช้า, ฮัลวา(งาบดหวาน), เนื้อบริเวณต้นคอ, น้ำผึ้ง, และถั่วอะดัส เนื่องจากมีคุณประโยชน์ต่อความจำทั้งสิ้น.[7]
. ฝึกทบทวนเนื้อหาที่ต้องการจำ(สำคัญอย่างยิ่ง)
. หลังอ่านหนังสือเป็นเวลาสี่สิบห้านาที ให้หยุดพักสิบนาที
. ฝึกหายใจ วิธีง่ายๆก็คือ ขณะยืนตรงหรือนอนหงาย ให้หายใจเข้าเต็มปอด แล้วจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ

3. กลวิธีเสริมความจำจากผู้เชี่ยวชาญ
. วิธีผสมคำ: หมายถึงการผสมพยางค์หรือตัวเลขที่ต้องการจำ ให้เป็นคำหรือประโยคที่มีความหมาย อย่างเช่น ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง หรือกลอนสระที่เราคุ้นเคยกันดี
. เน้นจำความหมาย: วิธีนี้จะทำให้ท่องจำได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ โดยเฉพาะหากเราเข้าใจความหมายของสิ่งที่ต้องการจำได้ลึกเท่าใด ก็ยิ่งทำให้จำง่ายยิ่งขึ้น ฉะนั้น แทนที่เราจะท่องจำประโยคเพียงผิวเผิน ก็ให้เราคำนึงถึงความหมายด้วย
. จัดระเบียบ: การเข้าใจ จำ และนึกทบทวนเนื้อหาที่ซับซ้อนจะไม่ไช่เรื่องยากอีกต่อไป หากมีการจัดให้เป็นระเบียบตามหมวดหมู่ที่เหมาะสม ไล่เรียงจากเนื้อหาองค์รวมไปสู่รายละเอียดปลีกย่อย แล้วจึงท่องจำตามแผนภูมิดังกล่าว
. คืนสู่บรรยากาศแวดล้อม: การเรียนรู้ย่อมเกิดขึ้นในเวลาและสถานที่อันเฉพาะทั้งสิ้น เราเรียกภาชนะกาลเวลาและสถานที่เหล่านี้ว่าบรรยากาศแวดล้อมหากต้องการจะนึกทบทวนประเด็นใดเป็นพิเศษ ควรหาทางย้อนสู่บรรยากาศแวดล้อมที่คล้ายกับเมื่อครั้งที่เราเรียนรู้ประเด็นนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการจะนึกชื่อเพื่อนๆสมัยประถม ให้ลองเดินที่ระเบียงห้องในโรงเรียนประถมดู จะพบว่าสามารถนึกทบทวนได้ง่ายกว่า
.เคล็ดลับจำเป็นเลิศ: วิธีนี้เป็นกลยุทธการเรียนรู้และจดจำตำราที่มีประสิทธิภาพยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วยหกขั้นตอนด้วยกัน 1.อ่านคร่าวๆ 2.สอบถามผู้อื่น 3.อ่านละเอียด 4.ไตร่ตรอง 5.จดจำ 6.ทบทวน
อธิบาย: สมมติว่าผู้อ่านต้องการจะท่องจำหนังสือสักเล่มให้ได้ ขั้นแรกให้อ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างคร่าวๆเสียก่อน เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของเนื้อหาหนังสือ และสามารถนำใจความสำคัญมาเรียงลำดับตามวิธีจัดระเบียบได้อีกด้วย ขั้นตอนที่สอง ให้ผู้อ่านตั้งคำถามเกี่ยวกับแต่ละหมวดในหนังสือ แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม นั่นคืออ่านจริงโดยจุดประสงค์เพื่อหาคำตอบสำหรับขั้นตอนที่สอง ส่วนขั้นตอนที่สี่ ให้ผู้อ่านครุ่นคิดถึงความเชื่อมโยงกันของเนื้อหาที่อ่าน เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีเน้นจำความหมายหลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนที่ห้าและหก ที่ผู้อ่านควรต้องจดจำและท่องเนื้อหาปากเปล่าได้ และสามารถทบทวนด้วยการตอบคำถามที่ตั้งไว้ในขั้นตอนที่สองได้โดยไม่ต้องเปิดหนังสือ.[8]

เพื่อศึกษาเพิ่มเติม โปรดอ่าน: คำถามที่808: ดัชนี,“เงื่อนไขและดุอาสำหรับการอ่านตำรา



[1] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม,หน้า,ฮะดีษที่,ฮะดีษอุนวาน บะศ่อรีย์.

[2] มะฟาตีฮุ้ลญินาน,ภาคแรก,บทแรก,ดุอาหลังนมาซ

[3] อ้างแล้ว,ภาคผนวก.

[4] อ้างแล้ว

[5] อ้างแล้ว

[6] อ้างแล้ว

[7] อ้างแล้ว

[8] คัดย่อมาจากเนื้อหาซีดีโพ้รเซมอนโดยปรับเปลี่ยนเล็กน้อย.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ริวายะฮ์(คำรายงาน)ที่มีความขัดแย้งกัน ยกตัวอย่างเช่น ริวายะฮ์ที่กล่าวถึงการจดบาปของมนุษย์ กับริวายะฮ์ทีกล่าวว่า การจดบาปจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าครบ ๗ วัน เราสามารถจะแก้ไขริวายะฮ์ทั้งสองได้อย่างไร?
    4671 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2561/11/05
    สำหรับคำตอบของคำถามนี้ จะต้องตรวจสอบในหลายประเด็นดังต่อไปนี้ ๑.การจดบันทึกเนียต(เจตนา)ในการทำบาป กล่าวได้ว่า จากการตรวจสอบจากแหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับการจดบันทึกเนียตในการทำบาปปรากฏว่าไม่มีริวายะฮ์รายงานเรื่องนี้แต่อย่างใด และโองการอัลกุรอานก็ไม่สามารถวินิจฉัยถึงเรื่องนี้ได้ เพราะว่า โองการอัลกุรอานกล่าวถึงความรอบรู้ของพระเจ้าในเนียตของมนุษย์ พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ)ทรงตรัสว่า เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา และเรารู้ดียิ่งในสิ่งที่จิตใจของเขากระซิบกระซาบแก่เขา และเราอยู่ใกล้ชิดกับเขามากกว่าเส้นเลือดชีวิตของเขาเสียอีก ดังนั้น การที่พระองค์ทรงมีความรู้ในเจตนาทั้งหลาย มิได้หมายถึง การจดบันทึกว่าเป็นการทำบาปหรือเป็นบทเบื้องต้นในการทำบาป ๒.การจดบันทึกความบาปโดยทันทีทันใด ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็ไม่ปรากฏริวายะฮ์ที่กล่าวถึง แต่ทว่า บางโองการอัลกุรอาน กล่าวถึง การจดบันทึกโดยทันทีทันใดในบาป ดั่งเช่น โองการที่กล่าวว่า (ในวันแห่งการตัดสิน บัญชีอะมั้ลการกระทำของมนุษย์)บันทึกจะถูกวางไว้ ดังนั้นเจ้าจะเห็นผู้กระทำความผิดบาปทั้งหลายหวั่นกลัวสิ่งที่มีอยู่ในบันทึก และพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้ความวิบัติของเรา บันทึกอะไรกันนี่ มันมิได้ละเว้นสิ่งเล็กน้อย และสิ่งใหญ่โตเลย เว้นแต่ได้บันทึกไว้ครบถ้วน และพวกเขาได้พบสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ปรากฏอยู่ต่อหน้า และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้ามิทรงอธรรมต่อผู้ใดเลย โองการนี้แสดงให้เห็นว่า ความผิดบาปทั้งหมดจะถูกจดบันทึกอย่างแน่นอนก ๓.การจดบันทึกความบาปจนกว่าจะครบ ๗ วัน มีรายงานต่างๆมากมายที่กล่าวถึง การไม่จดบาปในทันที แต่ทว่า มีรายงานหนึ่งกล่าวว่า ให้โอกาสจนกว่าจะครบ ๗ วัน ...
  • "การซิยารัตอิมามฮุเซนเสมือนการซิยารัตอัลลอฮ์ ณ อะรัช" หมายความว่าอย่างไร?
    9314 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/07
    ท่านฮุเซนบินอลี (อิมามที่สามของชีอะฮ์) ได้รับฐานะภาพอันสูงส่งจากอัลลอฮ์เนื่องจากมีเป้าหมายวัตรปฏิบัติการเสียสละ
  • จนถึงปัจจุบันมีผู้ใดบ้างได้ยืนหยัดต่อสู้กับชัยฎอน และแนวทางการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างไร?
    8649 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/04/07
    ตามทัศนะของอัลกุรอาน ชัยฏอนไม่อาจมีอิทธิพลเหนือปวงบ่าวที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ ปวงบ่าวที่เป็น มุคลิซีน หมายถึง บุคคลที่ได้ไปถึงยังตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งชัยฏอนไม่อาจมีอำนาจเหนือพวกเขาได้ แน่นอน การต่อสู้กับชัยฏอนจำเป็นต้องมีสื่อและอุปกรณ์จำเป็นประกอบการต่อสู้ ซึ่งการมีอุปกรณ์เหล่านี้สามารถยืนหยัดต่อสู้กับชัยฏอนได้ และจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ ซึ่งจะขอยกตัวอย่างอุปกรณ์บางอย่างเหล่านั้น ได้แก่ 1.อีมาน : อัลกุรอานกะรีมกล่าวว่า อีมาน คือ ตัวการหลักที่ขัดขวางการมีอิทธิพลของชัยฏอนเหนือผู้ศรัทธา 2. ตะวักกัล : อีกหนึ่งตัวการที่สามารถเอาชนะชัยฏอนและพลพรรคได้ คือการตะวักกัลป์ มอบหมายภารกิจแด่อัลลอฮฺ 3. อิสติอาซะฮฺ : หมายถึงการขอความช่วยเหลือ หรือสถานพักพิงต่ออัลลอฮฺ 4. การรำลึกถึงอัลลอฮฺ : การรำลึกถึงอัลลอฮฺ จะให้ความสว่างแก่มนุษย์ ...
  • มลาอิกะฮ์สร้างมาจากรัศมีของบรรดาอิมาม และมีหน้าที่ร่ำไห้แด่อิมามฮุเซน(อ.)กระนั้นหรือ?
    9115 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/19
    1. ความเชื่อที่ว่ามลาอิกะฮ์สร้างขึ้นจากรัศมีนั้นได้รับการยืนยันจากฮะดีษหลายบทที่รายงานไว้ในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตำราชีอะฮ์บางเล่มระบุถึงการสร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆรวมถึงมลาอิกะฮ์จากรัศมีของปูชนียบุคคลอย่างท่านนบี(ซ.ล.) หรือบรรดาอิมามหรือบุคคลอื่นๆดังที่ตำราของซุนหนี่เองก็เล่าว่าเคาะลีฟะฮ์ท่านแรกและคนอื่นๆถือกำเนิดจากรัศมีของท่านนบี(ซ.ล) การที่มีฮะดีษเหล่านี้ปรากฏอยู่ในตำรับตำราของแต่ละฝ่ายมิได้หมายความว่าทุกคนจะต้องคล้อยตามฮะดีษเหล่านี้เสมอไป อย่างไรก็ดีตำราฮะดีษชีอะฮ์ได้รายงานฮะดีษชุด "ฏีนัต" ไว้ซึ่งไม่อาจจะมองข้ามได้กล่าวโดยสรุปคือหากพบว่ามุสลิมแต่ละฝ่ายอาจมีทัศนะแตกต่างกันบ้างในเรื่องการสรรสร้างของพระองค์
  • เพราะเหตุใดนิกายชีอะฮฺจึงเป็นนิกายที่ดีที่สุด ?
    9742 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    การที่นิกายชีอะฮฺดีที่สุดนั้นเนื่องจาก “ความถูกต้อง” นั่นเองซึ่งศาสนาที่ถูกต้องนั้นจำกัดอยู่เพียงแค่ศาสนาเดียวส่วนศาสนาอื่นๆ
  • การสู่ขออดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลามที่ชื่ออุร็อยนับโดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน มีผลต่อเหตุการณ์กัรบะลาอย่างไร?
    7633 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่าแม้ยะซีดจะมีสิ่งบำเรอกามารมณ์อย่างครบครันแต่ก็ยังอยากจะเชยชมหญิงที่มีสามีแล้วอย่างอุร็อยนับบินติอิสฮ้ากภรรยาของอับดุลลอฮ์บินสะลามมุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อของยะซีดจึงคิดอุบายที่จะพรากหญิงสาวคนนี้จากสามีเพื่อให้ลูกชายของตนสมหวังในกามราคะอิมามฮุเซน(อ.) ทราบเรื่องนี้เข้าจึงคิดขัดขวางแผนการดังกล่าวโดยใช้บทบัญญัติอิสลามทำลายอุบายของมุอาวิยะฮ์และปล่อยให้อุร็อยนับคืนสู่อับดุลลอฮ์บินสะลามผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่งทำให้ยะซีดหมดโอกาสที่จะย่ำยีครอบครัวนี้ได้อีกต่อไปแม้รายงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะมีข้อกังขามากพอสมควรแต่สมมติว่าเป็นเรื่องจริงก็มิไช่เรื่องเสียหายสำหรับอิมามฮุเซนแต่อย่างใดกลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดีอนึ่งไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุนองเลือดที่กัรบะลา ...
  • จะมีวิธีการอะไรสามารถพิสูจน์ได้ว่าอัล-กุรอาน ถูกประทานลงมาจากพระเจ้า
    9674 วิทยาการกุรอาน 2553/10/11
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • การประทานอัลกุรอานลงมาคราวเดียวและการทยอยประทานลงมาผ่านพ้นไปตั้งแต่เมื่อใด?
    18576 วิทยาการกุรอาน 2554/04/21
    การประทานอัลกุรอานในคราวเดียวกันบนจิตใจของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนแห่งอานุภาพ (ลัยละตุลก็อดฺร์) อันเป็นหนึ่งในค่ำคืนสำคัญยิ่งแห่งเดือนรอมฏอนและเมื่อได้ศึกษารายงานฮะดีซบางบทและอัลกุรอานบางโองการแล้วจะเห็นว่ารายงานและโองการเหล่านั้นได้สนับสนุนความเป็นไปได้ดังกล่าวว่าค่ำคืนแห่งอานุภาพนั้นก็คือค่ำคืนที่ 23 ของเดือนรอมฎอน
  • มีรายงานฮะดีซจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) เกี่ยวกับการถือศีลอดในวันอาชูรอหรือไม่? และศีลอดนี้ถือเป็นศีลอดมุสตะฮับด้วยหรือไม่?
    7109 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/20
    ตาราฮะดีซที่เชื่อถือได้ของฝ่ายชีอะฮฺ, ไม่มีรายงานฮะดีซทำนองนี้ปรากฏให้เห็นทีว่าท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า, การถือศีลอดในวันอาชูรอเป็นมุสตะฮับ,
  • ในพิธีขว้างหินที่ญะมารอตหากต้องการเป็นตัวแทนให้ผู้ที่ไม่สามารถขว้างหินเองได้ อันดับแรกจะต้องขว้างหินของเราเองก่อนแล้วค่อยขว้างหินของผู้ที่เราเป็นตัวแทนให้เขาใช่หรือไม่?
    7640 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    ดังทัศนะของมัรญะอ์ตักลีดทุกท่านรวมไปถึงท่านอิมามโคมัยนี (ร.) อนุญาตให้ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์สามารถขว้างหินของตัวแทนของตนก่อนก่อนที่จะขว้างหินของตนเอง[i][i]มะฮ์มูดี, มูฮัมหมัดริฏอ, พิธีฮัจญ์ (ภาคผนวก),หน้าที่

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60329 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57869 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42429 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39692 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39089 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34178 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28211 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28154 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28082 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26032 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...