การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9552
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/07/03
คำถามอย่างย่อ
ประโยค “ทุกวันคือาชูรอ ทุกแผ่นดินคือกัรบะลา” เป็นฮาดีษหรือไม่? มีหลักฐานเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
คำถาม
ผมได้ยินมาจากหลายคนว่าฮาดีษดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือนัก หรืออาจไม่ไช่ฮะดีษด้วยซ้ำ“ทุกวันคืออาชูรอ ทุกแผ่นดินคือกัรบะลา” จากการค้นคว้าทางอินเตอร์เนต พบว่ามีการอ้างอิงว่าฮะดีษดังกล่าวจากท่านอิมามศอดิก (อ.) กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว และหากประโยคนี้เป็นฮาดีษจริง กรุณาระบุว่ามีหลักฐานและความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
คำตอบโดยสังเขป

จากการศึกษาตำราฮะดีษ  เราไม่พบหลักฐานใดๆที่ระบุว่าประโยคดังกล่าวเป็นฮาดีษบรรดามะศูมีน อย่างไรก็ดี ประโยคนี้ให้นิยามเหตุการณ์กัรบะลาและแนวทางอิมามัตไว้อย่างถูกต้อง อีกทั้งแฝงไว้ด้วยบทเรียนและคำสอนอันทรงคุณค่า เพราะแม้ว่าจะไม่มีวันใดเสมอเหมือนกับวันอาชูรออีกแล้ว แต่การกดขี่ผู้อ่อนแอโดยผู้อธรรมก็ยังคงมีอยู่จวบจนการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งจะจัดการถอนรากถอนโคนการกดขี่ให้หมดสิ้น  ทั้งนี้ วัฒนธรรมของอาชูรอจะยังคงอยู่ตราบชั่วนิรันดร์ และกัรบะลาก็ยังคงเป็นเครื่องหมายของการทุ่มเทเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ และการต่อสู้กับความอยุติธรรมต่อไป ผู้นำทางศาสนาของเราได้สอนเราเช่นนี้ว่า จะต้องต่อสู้กับการกดขี่ของผู้อธรรม และท่านเหล่านั้นก็ได้ปฏิบัติให้เป็นที่ประจักษ์เสมอ ด้วยเหตุนี้ อาชูรอจึงมิได้จำกัดอยู่ในกรอบแห่งกาลเวลาหรือสถานที่

คำตอบเชิงรายละเอียด

จากการศึกษาตำราฮะดีษ  เราไม่พบหลักฐานใดๆ[1]ที่ระบุว่าประโยคดังกล่าวเป็นฮาดีษบรรดามะศูมีน[2]อย่างไรก็ดี ประโยคนี้ให้นิยามเหตุการณ์กัรบะลาและแนวทางอิมามัตไว้อย่างถูกต้อง อีกทั้งแฝงไว้ด้วยบทเรียนและคำสอนอันทรงคุณค่า เพราะแม้ว่าจะไม่มีวันใดเสมอเหมือนกับวันอาชูรออีกแล้ว แต่การกดขี่ผู้อ่อนแอโดยผู้อธรรมก็ยังคงมีอยู่จวบจนการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งจะจัดการถอนรากถอนโคนการกดขี่ให้หมดสิ้น  ทั้งนี้ วัฒนธรรมของอาชูรอจะยังคงอยู่ตราบชั่วนิรันดร์ และกัรบะลาก็ยังคงเป็นเครื่องหมายของการทุ่มเทเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ และการต่อสู้กับความอยุติธรรมต่อไป ผู้นำทางศาสนาของเราได้สอนเราเช่นนี้ว่า จะต้องต่อสู้กับการกดขี่ของผู้อธรรม และท่านเหล่านั้นก็ได้ปฏิบัติให้เป็นที่ประจักษ์เสมอ ด้วยเหตุนี้ อาชูรอจึงมิได้จำกัดอยู่ในกรอบแห่งกาลเวลาหรือสถานที่

ประโยค “กุลลุเยาวมินอาชูรอ กุลลุอัรฎินกัรบะลา” แสดงให้เห็นว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างสัจธรรมและอธรรมยังคงมีอยู่ในทุกยุคสมัย อาชูรอและกัรบะลาเปรียบเสมือนโซ่ข้อสำคัญในกระบวนการเผชิญหน้าดังกล่าว สัจธรรมและความอธรรมจะเผชิญหน้ากันเสมอ โดยที่อิสรชนต่างมีหน้าที่ต้องปกป้องสัจธรรมและกำราบอธรรม การวางเฉยต่อการเผชิญหน้าดังกล่าวย่อมจะถือเป็นพฤติกรรมของคนที่ไม่ใส่ใจต่อศาสนา

อิมามโคมัยนี ซึ่งเป็นผู้เจริญรอยตามอิมามฮุเซน(อ.) และเป็นผู้สถาปนาสาธารณรัฐอิสลาม อีกทั้งเป็นผู้ที่ต่อกรกับทรราชย์ในยุคสมัยของท่าน ท่านเชื่อว่าประโยคนี้คือ “วาทะอันยิ่งใหญ่” และว่าจะต้องปกป้องนัยยะของอาชูรอ และจะต้องประยุกต์ใช้บทเรียนของกัรบลาให้ได้  ท่านกล่าวว่า“ประโยคนี้ (กุลลุเยามินอาชูรอ กุลลุอัรฏินกัรบะลา)ถือเป็นวาทะอันยิ่งใหญ่  ประชาชาติของเราจะต้องคำนึงถึงความหมายนี้ทุกๆวันว่า วันนี้แหล่ะคืออาชูรอที่เราจะต้องต่อสู้กับการกดขี่ และสถานที่แห่งนี้แหล่ะคือกัรบะลาที่เราจะต้องแสดงบทบาทเฉกเช่นผู้ที่อยู่ในกัรบะลา สิ่งนี้หาได้จำกัดเฉพาะพื้นที่เดียวไม่  หาได้เจาะจงบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ เหตุการณ์กัรบะลาไม่ได้เจาะจงไว้สำหรับกลุ่มบุคคลเจ็ดสิบกว่าคน เพราะทุกจุดภูมิศาสตร์ในโลกจะต้องมีบทบาทนี้”[3]

อิมามโคมัยนีเชื่อว่าการปฏิวัติและการพลีชีพของท่านอิมามฮุเซน(อ.) ควรเป็นบรรทัดฐานสำหรับจารีตทางสังคมของมุสลิม พื้นฐานความเชื่อดังกล่าวช่วยให้ท่านสามารถขับเคลื่อนการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน  ท่านกล่าวว่า การกระทำของอิมามฮุเซน(อ.) วิสัยทัศน์ แนวทางของท่าน และชัยชนะที่ตัวท่านเองและอิสลามได้มาด้วยการพลีชะฮีดนั้น(ล้วนประยุกต์ใช้ได้)  ส่วนประโยคอันแฝงด้วยบทเรียน(กุลลุเยาม์ฯ)นั้น ก่อให้เกิดหน้าที่และนิมิตหมายที่ดี หน้าที่ก็คือ ทำให้ทราบว่า แม้ผู้ที่อยู่ภายใต้การกดขี่จะมีกำลังพลอันน้อยนิด แต่ก็มีหน้าที่ลุกขึ้นต่อต้านผู้อธรรมที่มีแสนยานุภาพเยี่ยงซาตาน ดังที่อิมามฮุเซน(อ.)ได้ยืนหยัดมาแล้ว  ส่วนที่ว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ก็เนื่องจากว่า บรรดาชะฮีดของพวกเราได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของชะฮีดแห่งกัรบะลาเช่นกัน”

ท่านยังได้กล่าวในช่วงสงครามระหว่างอิหร่านกับอิรักว่า “แม้สมรภูมิอาชูรอจะเป็นสงครามที่สั้นที่สุดในแง่กาลเวลา(ครึ่งวัน) แต่ในแง่ของความต่อเนื่อง สงครามนี้เป็นสงครามที่มีการเผชิญหน้ากับความยุติธรรมที่ยาวนานที่สุด และตราบใดที่ยังมีผู้ไฝ่ฝันอยากเป็นชะฮีดเพื่อช่วยเหลืออิมามฮุเซน ณ กัรบะลาดังประโยคที่ว่า
 یا لیتنا کنا معکم‏ فنفوز فوزا عظیما[4] เมื่อนั้นสมรภูมิแห่งกัรบะลาก็ยังคงร้อนระอุเสมอ[5]

กล่าวคือ ดังที่อิมามฮุเซน (อ.)เป็นผู้สืบเจตนารมณ์ของท่านนบีอาดัม(อ.) นบีอิบรอฮีม(อ.) นบีนูฮ์(อ.) นบีมูซา(อ.) นบีอีซา(อ.) และนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ฉันใด เหล่าบรรดาสาวกอาชูรอก็เป็นผู้สืบเจตนารมณ์ญิฮาดและการพลีชะฮีดฉันนั้น และพวกเขาไม่มีวันที่จะทิ้งธงชัยแห่งกัรบะลา เหล่านี้คือแก่นแท้ทางการเมืองการปกครองของชีอะฮ์ ดังที่อิมามฮุเซน (อ.) กล่าวไว้ว่า “فلکم فیّ اسوة  วิถีของฉันคือแบบฉบับสำหรับพวกท่าน”[6]

แนวคิดนี้หักล้างความเชื่อที่ว่า กัรบะลาและการต่อสู้ของอิมามฮุเซน (อ.) เป็นหน้าที่เฉพาะสำหรับอิมามผู้เดียวเท่านั้น โดยผู้อื่นไม่อาจจะปฏิบัติตามแนวทางนี้ได้

ชีอะฮ์คือผู้พร้อมทะยานมุ่ง
เมื่อเมฆหมอกเคลื่อนออกจากดวงตะวัน
ชีอะฮ์คือผู้กระหายการทดสอบ
ชีอะฮ์คือมหากาพย์การต่อสู้ ณ กัรบะลา
ชีอะฮ์คือแสงสะท้อนจากฟากฟ้า
สู่รุ้งงามที่โค้งผ่านปลายหอก
ขอสดับฟังเสียงท่านจากยอดคม
ถ้อยคารมที่ว่า
ฉันไม่เห็นความตายนอกจากความผาสุก[7]

นักเขียนผู้หนึ่งได้บันทึกไว้ว่า “เราเชื่อมั่นว่า หากอิมามฮุเซน (อ.) อยู่ในยุคสมัยของเรา ท่านจะสร้างกัรบะลาคำรบสองในพื้นที่อัลกุดส์,ตอนใต้ของเลบานอนและพื้นที่ส่วนใหญ่ของมุสลิมอย่างแน่นอน และท่านจะยังคงรักษาจุดยืนเดิมเช่นที่เคยเผชิญหน้ามุอาวียะฮ์และยะซีด”[8]



[1] บ้างเชื่อว่าประโยคดังกล่าวเป็นฮะดีษจากอิมามศอดิก(.)แต่มิได้อ้างหลักฐานใดๆประกอบ ดู: สาส์นอาชูรอ,อับบาส อะซีซี,หน้า 28 และ ปทานุกรมอาชูรอ,ญะวาด มุฮัดดิซี,หน้า 371.

[2] บ้างกล่าวถึงเบาะแสที่ว่าประโยคดังกล่าวมิไช่ฮะดีษจากมะอ์ศูม ดู: นิตยสารอุลูมุลฮะดีษ,ฉบับที่ 26.

[3] ศ่อฮีฟะฮ์ นู้ร,เล่ม 9,หน้า 202.

[4] ซิยารัตอาชูรอ.

[5] ศ่อฮีฟะฮ์ นู้ร,เล่ม 20,หน้า 195.

[6] ตารีคฏอบะรี,เล่ม 4,หน้า 304.

[7] แปลจากบทกวีจดหมายเหตุชีอะฮ์,มุฮัมมัดริฎอ ออฆอซี(นสพ.เคย์ฮอน ฉบับ12/6/71)

[8] อัลอินติฟาฎอตุชชีอียะฮ์,ฮาชิม มะอ์รูฟ อัลฮะซะนี,หน้า 387.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เมื่อยะซีดได้สั่งให้ทหารจุดไฟเผากะอฺบะ ถ้าได้กระทำแล้ว และเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่ถูกลงโทษ?
    10342 تاريخ کلام 2554/12/21
    ในช่วงระยะเวลาการปกครองอันสั้นของยะซีดเขาได้ก่ออาชญากรรมอันเลวร้ายยิ่ง 3 ประการกล่าวคือประการแรกเขาได้สังหารท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.), สองเขาได้ก่อกรรมชั่วอิสระ
  • เหตุใดอัลลอฮ์จึงทรงสร้างภูตผีปีศาจ ขณะเดียวกันก็ทรงตรัสว่าภูตผีเหล่านี้จะทำอันตรายได้ก็ต่อเมื่อทรงอนุมัติเท่านั้น?
    9805 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/04/11
    ญิน คือสิ่งมีชีวิตที่กุรอานกล่าวว่า “และเราได้สร้างญินจากไฟอันร้อนระอุก่อนการสรรสร้าง(อาดัม)” ญินจึงถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ซึ่งต้องได้รับการชี้นำโดยบรรดาศาสดาเช่นกัน อีกทั้งมีหน้าที่ต้องบูชาพระองค์เสมือนมนุษย์ ญินจำแนกออกเป็นกลุ่มกาฟิรและกลุ่มมุสลิมตามระดับการเชื่อฟังพระบัญชาของอัลลอฮ์ ซึ่งอิบลีสที่ไม่ยอมศิโรราบแก่นบีอาดัมในยุคแรกก็เป็นญินตนหนึ่ง การทำอันตรายโดยการอนุมัติของพระองค์ในที่นี้ หมายถึงข้อเท็จจริงที่ว่าทุกๆพลังอำนาจที่มีอยู่ในโลกล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น แม้แต่อานุภาพความร้อนและคมมีดก็ไม่อาจทำอะไรได้หากพระองค์มิทรงยินยอม เป็นความคิดที่ผิดมหันต์หากจะเชื่อว่าจอมขมังเวทย์ทั้งหลายสามารถจะคานอำนาจของพระองค์ เนื่องจากไม่มีสิ่งใดจะสามารถกำหนดขอบเขตอำนาจของพระองค์ได้ กฏเกณฑ์เหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติและผลลัพท์ที่ทรงกำหนดแก่ทุกสรรพสิ่ง โดยมนุษย์บางคนใช้ประโยชน์ในทางที่ดี แต่ก็มีบางคนใช้ประโยชน์ในทางเสื่อมเสีย ...
  • จริงหรือไม่ที่ทุกคนมีญินเป็นคู่กำเนิด?
    14553 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/15
    มีฮะดีษหลายบทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคู่กำเนิดบางบทระบุว่าอัลลอฮ์ทรงมีดำรัสแก่อิบลีสว่า “ข้าจะไม่ประทานบุตรแก่มนุษย์คนใดเว้นแต่จะประทานบุตรแก่เจ้าเช่นกัน” ฉะนั้นมนุษย์แต่ละคนย่อมมีคู่กำเนิดเป็นญิน[1]ท่านนบี(ซ.ล.)เคยกล่าวว่า “พูดได้ว่าทุกคนต่างก็มีคู่กำเนิดเป็นญินด้วยกันทั้งสิ้น” สาวกถามว่าโอ้ศาสนทูตของพระองค์ท่านเองก็มีญินคู่กำเนิดด้วยหรือ? ท่านตอบว่า “มีสิแต่พระองค์ทรงทำให้เขายอมสยบต่อฉันโดยที่เขาไม่ทำอะไรนอกจากกำชับให้ทำความดี”[2]จากฮะดีษข้างต้นท่านนบี(ซ.ล.)ต้องการจะกำชับให้เราป้องกันและระวังภัยจากญินคู่กำเนิดที่จะล่อลวงเนื่องจากอยู่ใกล้ชิดเราดังนั้นเมื่อคำนึงถึงการที่อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งศาสดาเพื่อชี้นำมนุษยชาติและอีกด้านหนึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าชัยฏอนและพงศ์พันธุ์ของมันจ้องจะหลอกลวงให้มนุษย์หลงทางตลอดเวลาแน่นอนว่าบุคคลที่หลงลืมอัลลอฮ์เท่านั้นที่ชัยฏอนจะสามารถกุมบังเหียนได้ดังที่พระองค์ทรงตรัสในกุรอานว่า “และผู้ใดที่เพิกเฉยต่อการรำลึกถึงเราเราจะส่งชัยฏอนยังเขาเพื่อให้เป็นคู่สหาย”[3][1]มัจลิซี,มุฮัมมัดบากิร
  • ปัจจุบันสวรรค์และนรกมีอยู่หรือไม่ ?
    9231 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    พิจารณาจากโองการและรายงานต่างๆแล้วจะเห็นว่าสวรรค์และนรกที่ถูกสัญญาไว้มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งในปรโลกจะได้รับการเสนอขึ้นมาซึ่งมนุษย์ทุกคนจะถูกจัดส่งไปยังสถานที่อันเหมาะสมของแต่ละคนตามความเชื่อความประพฤติ
  • เมื่อคำนึงถึงการที่สตรีจะต้องมีประจำเดือน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถือศีลอดกัฟฟาเราะฮ์ เนื่องจากจะต้องถือศีลอดติดต่อกันเป็นเวลา 31 วัน
    7994 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    ในการถือศีลอดที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องถืออย่างติดต่อกัน (เช่นการถือศีลอดกัฟฟาเราะฮ์หรือการถือศีลอดที่มีการบนบานเอาไว้) หากเขาไม่สามาถทำเช่นนี้ได้เนื่องจากป่วยหรือมีรอบเดือนหรือเป็นนิฟาซ (สำหรับสตรี) และผู้ถือศีลอดไม่สามารถถือศีลอดติดต่อกันได้ต่อเมื่อข้อจำกัดเหล่านั้นหมดไป (เช่นการป่วย, การมีรอบเดือนหรือการมีนิฟาซ) หากถือศีลอดต่อทันทีก็จะถือว่าถูกต้องและไม่จำเป็นต้องเริ่มถือศีลอดใหม่แต่อย่างใด[1][1]อิมามโคมัยนี, รูฮุลลอฮ์, ตะฮ์รีรุลวะซีละฮ์, แปล,เล่มที่
  • จะชี้แจงความแตกต่างระหว่างคริสเตียนและอิสลามกรณีพระเจ้ามีบุตรอย่างไร?
    13274 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/07/31
    เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาซูเราะฮ์กุ้ลฮุวัลลอฮ์จะเข้าใจว่ามุสลิมเชื่อว่าอัลลอฮ์มิได้ถือกำเนิดจากผู้ใดและมิได้ให้กำเนิดผู้ใดศาสนาเอกเทวนิยมล้วนเชื่อเช่นนี้ซึ่งแนวทางของพระเยซูก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกันเหตุเพราะศาสนาเทวนิยมล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของสติปัญญาและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของมนุษย์สติปัญญาก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งย่อมไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใดแน่นอนว่าผู้มีคุณลักษณะเช่นนี้ย่อมไม่ต้องมีบิดาหรือบุตรเพราะการมีบิดาหรือบุตรบ่งบอกถึงการมีสรีระเชิงวัตถุซึ่งย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาอวัยวะและแน่นอนว่าพระเจ้าปราศจากข้อบกพร่องเหล่านี้ส่วนความเชื่อที่แพร่หลายในหมู่ชาวคริสเตียนในปัจจุบันนั้นชี้ให้เห็นว่ามีการบิดเบือนคำสอนอันทำให้ผิดเพี้ยนไปจากศาสนาคริสต์ดั้งเดิม ...
  • มนุษย์ธรรมดาทั่วไปสามารถเป็นผู้บริสุทธิ์ได้หรือไม่?
    7679 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
     คำว่า “อิซมัต” หมายถึ่งความสะอาดบริสุทธิ์หรือการดำรงอยู่ในความปอดภัยหรือการเป็นอุปสรรคต่อการหลงลืมกระทำความผิดบาปความบริสุทธิ์นั้นมีระดับชั้นซึ่งแน่นอนว่าระดับชั้นหนึ่งนั้นสูงส่งเฉพาะพิเศษสำหรับบรรดาศาสดา ...
  • ฉันต้องการฮะดีซสักสองสามบท ที่ห้ามการติดต่อสัมพันธ์กัน ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวที่สามารถแต่งงานกันได้?
    6885 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    ความสัมพันธ์ระหว่างนามะฮฺรัม 2 คน, กว้างมากซึ่งแน่นอนว่าบางองค์ประกอบของมันไม่มีปัญหาแต่อย่างใดจากคำถามที่ได้ถามมานั้นยังมีความเคลือบแคลงอยู่แต่จะขอตอบคำถามนี้ในหลายสถานะด้วยกัน
  • ในทัศนะของอัลกุรอาน ความแตกต่างระหว่างอิบลิซ กับชัยฏอน คืออะไร?
    18171 ابلیس و شیطان 2555/09/08
    บนพื้นฐานของอัลกุรอาน,อิบลิซเป็นหนึ่งในหมู่ญิน เนื่องจากการอิบาดะฮฺอย่างมากมาย จึงทำให้อิบลิซได้ก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกันกับมะลาอิกะฮฺ แต่หลังจากการสร้างอาดัม, อิบลิซได้ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ไมยอมกราบอาดัม, จึงได้ถูกขับออกจากสวรรค์เนรมิตแห่งนั้น ส่วนชัยฏอนนั้นจะใช้เรียกทุกการมีอยู่ ที่แสดงความอหังการ ยโสโอหัง ละเมิด และฝ่าฝืน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ หรือญิน หรือสรรพสัตว์ก็ตาม ขณะเดียวกันอิบลิซนั้นได้ถูกเรียกว่าชัยฏอน ก็เนื่องจากโอหังและฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าจะกล่าวแล้ว “ชัยฏอน” เป็นนามโดยทั่วไป ซึ่งครอบคลุมเหนือทั้งอิบลิซ และไม่ใช่อิบลิซ ...
  • จงอธิบายเหตุผลที่บ่งบอกว่าดนตรีฮะรอม
    10278 สิทธิและกฎหมาย 2554/10/22
    ดนตรีและเครื่องเล่นดนตรีตามความหมายของ ฟิกฮฺ มีความแตกต่างกัน. คำว่า ฆินา หมายถึง การส่งเสียงร้องจากลำคอออกมาข้างนอก โดยมีการเล่นลูกคอไปตามจังหวะ, ซึ่งทำให้ผู้ฟังเกิดประเทืองอารมณ์และมีความสุข ซึ่งมีความเหมาะสมกับงานประชุมที่ไร้สาระ หรืองานประชุมที่คร่าเวลาให้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ส่วนเสียงดนตรี หมายถึงเสียงที่เกิดจากการเล่นเครื่องตรี หรือการดีดสีตีเป่าต่างๆเมื่อพิจารณาอัลกุรอานบางโองการและรายงานฮะดีซ ประกอบกับคำพูดของนักจิตวิทยาบางคน, กล่าวว่าการที่บางคนนิยมกระทำความผิดอนาจาร, หลงลืมการรำลึกถึงอัลลอฮฺ, ล้วนเป็นผลในทางไม่ดีที่เกิดจากเสียงดนตรีและการขับร้อง ซึ่งเสียงเหล่านี้จะครอบงำประสาทของมนุษย์ ประกอบกับพวกทุนนิยมได้ใช้เสียงดนตรีไปในทางไม่ดี ดังนั้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งในเชิงปรัชญาที่ทำให้เสียงดนตรีฮะรอมเหตุผลหลักที่ชี้ว่าดนตรีฮะรอม (หรือเสียงดนตรีบางอย่างฮะลาล) คือโองการอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60881 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58578 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42969 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40726 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39611 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34761 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28829 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28716 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28671 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26555 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...