การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6327
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2553/10/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1878 รหัสสำเนา 10192
คำถามอย่างย่อ
ความรุ่งเรืองและความสมบูรณ์แบบของมนุษย์อยู่ในอะไร
คำถาม
ความรุ่งเรืองและความสมบูรณ์แบบของมนุษย์อยู่ในอะไร
คำตอบโดยสังเขป

คำตอบที่ครอบคลุมสำหรับคำถามนี้ขึ้นอยู่กับการตอบคำถาม 2 ข้ออันเป็นพื้นฐานสำคัญ

1) ความรุ่งเรืองคืออะไร ความรุ่งเรืองแยกออกจากความสมบูรณ์หรือไม่

2) มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตแบบไหน? มนุษย์เป็นวัตถุบริสุทธิ์ หรือ ... ?

ดูเหมือนว่าความเจริญรุ่งเรืองจะไม่แยกออกจากความสมบูรณ์แบบ มนุษย์ไม่ว่าเขาจะได้รับประโยชน์จากความสมบูรณ์มากเท่าใดเขาก็จะได้รับความรุ่งเรืองไปด้วย มนุษย์คือสรรพสิ่งที่ประกอบด้วยจิตวิญญาณและร่างกาย ซึ่งจิตวิญญาณนั้นเปรียบเสมือนหัวใจของมนุษย์ ความรุ่งเรื่องของจิตวิญญาณและร่างกาย ทั้งสองเป็นความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ ความรุ่งเรืองของจิตวิญญาณคือบันไดที่โน้มนำไปสู่ความใกล้ชิดกับพระเจ้า ในกรณีนี้เองที่บ่งบอกว่ามนุษย์ได้บรรลุถึงความสมบูรณ์ขั้นสุดท้ายของตน แน่นอน การได้รับประโยชน์จากความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย และภารกิจทางโลกในรายงานของอิสลามถือว่า เป็นความรุ่งเรืองของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ในประเด็นนี้มีบางทัศนะมีความคิดเห็นว่า ความรุ่งเรืองนั้นแยกออกต่างหากจากความสมบูรณ์ หรือในเรื่องมนุษย์วิทยานั้นเขามีทัศนะอย่างอื่น ซึ่งแต่ละประเด็นนั้นได้รับการวิพากษ์วิเคราะห์ในที่ของมัน เช่น บางคนถือว่ามนุษย์คือการมีอยู่ในสภาพของวัตถุ แน่นอน ความรุ่งเรื่องของเขาคือการได้รับประโยชน์จากความสุขทางวัตถุ บางกลุ่มชนของนักปรัชญามีความเชื่อมั่นว่า สติปัญญาคือแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ ส่วนนักปราชญ์ฝ่ายเอรฟาน เชื่อว่าความรักคือ หลักเกณฑ์ของความเป็นมนุษย์ และทั้งหมดเป็นเพราะไม่เคยเห็น ความจริง, พวกเขาจึงสร้างตำนานขึ้นมา

คำตอบเชิงรายละเอียด

คำตอบที่ถูกต้องและครอบคลุมสำหรับคำถามในแง่ของคำอธิบายที่ชัดเจน และความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับความรุ่งเรือง และการรู้จักที่ถูกต้องของมนุษย์และป้าหมายจึงจะประสบความสำเร็จ ขณะที่บางคน เช่น Kant เชื่อในเรื่องการแยกของความสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง และเขาได้กล่าวเช่นนี้ว่า โลกทั้งโลกมีความสมบูรณ์แบบและสิ่งที่ดีเพียงเหนึ่งเดียวเท่านั้น และสิ่งนั้นคือความประสงค์ดี ซึ่งความประสงค์ดีนั้นหมายถึงการเชื่อฟังปฏิบัติตาม เมื่อเปรียบเทียบกับคำสั่งที่เป็นมโนธรรม ซึ่งไม่ว่าการติดตามสิ่งนั้นจะมีความสุขหรือไม่ก็ตาม แต่ความรุ่งเรืองคือความสุขและความปิติ ที่ไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ แอบแฝงอยู่เลย ขณะที่จริยธรรมนั้นขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ไม่ใช่ความรุ่งเรือง[1] แต่นักวิชาการ นักปรัชญา และจริยศาสตร์อิสลามต่างกล่าวว่า ไม่ว่ามนุษย์จะได้รับประโยชน์จากความสมบูรณ์แบบมากน้อยเพียงใด และมีบั้นปลายสุดท้ายทีดีเท่ากับเขาได้ไปถึงความสุขและความรุ่งเรืองแล้ว[2] บุคคลเหล่านี้มีความคิดเหมือนกับ Kant ในแง่ที่ว่าความเจริญรุ่งเรืองนั้นไม่แยกออกจากความสมบูรณ์แบบ แน่นอน พวกเขายอมรับว่าถ้าจุดประสงค์ของความรุ่งเรื่องหมายถึงความรุ่งเรืองทางประสาทสัมผัส (ความสุขทางโลกและวัตถุ) แน่นอน ความรุ่งเรืองเหล่านี้จะแยกออกจากความสมบูรณ์แบบตามธรรมชาติ[3] ในทางกลับกันทัศนคติของสำนักคิดต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์นั้นแตกต่างกัน จึงเป็นสาเหตุทำให้การพัฒนาด้านความรุ่งเรืองของพวกเขาแตกต่างกัน

สำนักคิดที่เชื่อว่า มนุษย์คือการมีอยู่ในแง่ของวัตถุ ดังนั้น ความรุ่งเรืองของเขาจัดอยู่ในกลุ่มอันเป็นความต้องการด้านวัตถุ ในกลุ่มเหล่านี้มีบางคนเชื่อว่า ความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการเผชิญกับความสุขแห่งโลกวัตถุ (ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญแบบปัจเจกบุคคลคือสังคมส่วนรวมก็ตาม) ในที่นั้นสติปัญญาคือมาตรฐานของความเป็นมนุษย์ ฉะนั้น ความรุ่งเรืองของเขาจึงขึ้นอยู่กับกับการเติบโตของสติปัญญา โดยผ่านวิชาการและสัจพจน์แห่งพระเจ้า พวกเขาเช่นพวกที่ล่วงรู้การเดินจิตด้านใน พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์คือ สรรพสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญญา และอยู่ในบริเวณจำกัดห่างไกลจากหลักของความสมดุลและบ้านเกิด ความรุ่งเรืองของเขาขึ้นอยู่กับการได้รับประโยชน์จากความรักมากน้อยเพียงใด และบางกลุ่มที่เป็นกลุ่ม Nietzsche ถือว่าฐานของอำนาจขึ้นกับการทำงาน, ดังนั้น มนุษย์ผู้มีความเจริญรุ่งเรืองคือ มนุษย์ผู้มีความสามารถมีอำนาจ แต่ถ้าพิจารณาตามทฤษฎีของศาสนาอิสลาม (โดยการยอมรับภูมิปัญญาและความรัก) ได้แนะนำมนุษย์ว่าเป็น สรรพสิ่งมีอยู่ที่มีศักยภาพและความสามารถที่แตกต่างกัน จากชีวิตและร่างกาย (จิตวิญญาณและร่างกาย) ถูกประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ใช่วัตถุเพียงประการเดียว[4] ชีวิตที่แท้จริงนั้นอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งชีวิตได้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับโลกนั้น ความคิด การกระทำ และพฤติกรรมต่างๆของเขา คือปัจจัยสำคัญที่สร้างเนื้อและร่างกายใหม่สำหรับเขา

ด้วยความคิดทำนองนี้กับความรุ่งเรืองของมนุษย์ พร้อมกับการเปล่งบาน การร่วมมือและศักยภาพของมนุษย์ จะให้คำตอบที่เหมาะสมเป็นจริงกับความต้องการของจิตวิญญาณและร่างกาย ท่านอัลลามะฮฺเฎาะบาเฎาะบาอี กล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า : ความรุ่งเรืองของทุกสิ่งนั้นขึ้นอยู่กับ การไปถึงยังความดีงามของการมีอยู่ของเขา ความรุ่งเรืองของมนุษย์ในฐานะที่เป็นสรรพสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งประกอบด้วยร่างกายและจิตวิญญาณคือการไปถึงยังความดีงามทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณ และการได้ครอบคลุมสิ่งเหล่านั้น[5]

จิตวิญญาณนั้นเป็นของพระเจ้า "และข้าได้เป่าจิตวิญญาณจากข้าไปบนเขา”[6] ความรุ่งเรืองของเขาอยู่ในความใกล้ชิดกับพระเจ้า หมายถึงการกลับไปสู่แหล่งเริ่มต้นเดิมที่ตนได้รับมาจากสิ่งนั้น อีกนัยหนึ่งคือ จิตวิญญาณคือแก่นแท้ของมนุษย์และมาจากพระเจ้าว่า "แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮฺ" ด้วยการพัฒนาไปตามระดับขั้นในโลกแห่งธรรมชาติ ซึ่งได้อาศัยอยู่ในนั้น และความรุ่งเรืองของเขาผสมผสานอยู่ในความรักและความตายตามเจตนารมณ์เสรี[7] เขาได้อพยพจากไปจากโลกแห่งธรรมชาติ จนไปถึงยังสถานที่ซึ่งเขาต้องพำนักอยู่ในนั้น (แท้จริงเราต้องย้อนกลับไปหาพระองค์) มนุษย์เช่นนี้แม้จะมีร่างกายอยู่บนโลกนี้ แต่จิตใจของเขาผูกพันอยู่กับอีกโลกหนึ่ง[8] แน่นอนว่า สิ่งนี้มิได้หมายความว่า เป็นการปล่อยว่างภารกิจทางโลกทั้งหมด เพราะอะไร ก็เพราะว่าการมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ถือเป็นหนึ่งในความรุ่งเรืองของมนุษย์ ซึ่งได้รับการแนะนำเอาไว้ว่า ถ้าหากมนุษย์เอาใจใส่เรื่องความสะอาด และมั่นรักษาร่างกายให้สะอาดเสมอ เนื่องจากร่างกายที่สะอาดและแข็งแรงนั้น เท่ากับเป็นการเตรียมพร้อมไว้สำหรับจิตวิญญาณที่สมบูรณ์[9] ทว่าจุดประสงค์หมายถึง จิตวิญญาณคือแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้ก่อให้เกิดชีวิต ประกอบกับจุดประสงค์ของการสร้างมนุษย์ก็เพื่อความใกล้ชิดกับพระองค์ อัลกุรอานกล่าวว่า “โอ้ ดวงชีวิตที่สงบมั่นเอ๋ย จงกลับมายังพระผู้อภิบาลของเจ้า ขณะที่เจ้ามีความยินดี (ในพระองค์) และเป็นที่ปิติ (ของพระองค์) ฉะนั้น จงเข้ามาอยู่ในหมู่ปวงบ่าวของข้าเถิด และจงเข้ามาอยู่ในสรวงสวรรค์ของข้าเถิด[10]  บางโองการกล่าวว่า “โอ้ มนุษย์เอ๋ย แท้จริงเจ้าต้องพากเพียรไปสู่พระผู้อภิบาลของเจ้าอย่างทรหดอดทน แล้วเจ้าจะได้พบพระองค์”[11] บางโองการกล่าวว่า “ในสถานที่อันทรงเกียรติ ณ พระเจ้าผู้ทรงอานุภาพ”[12] บางโองการกล่าวว่า “ข้ามิได้สร้างญินและ มนุษย์เพื่อการใด นอกเสียจากเพื่อแสดงความเคารพภักดีต่อข้า”[13] ดังนั้น การอิบาดะฮฺคือหนึ่งในสื่อที่จะทำให้เราเข้าใกล้ชิดกับพระเจ้า อัลกุรอานกล่าวว่า “จงแสวงความช่วยเหลือด้วยการนมาซและความอดทน”[14] ด้วยเหตุนี้ สามารถกล่าวได้ว่า สิ่งที่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้ใกล้ชิดกับพระเจ้าได้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาพบกับความรุ่งเรืองได้เช่นกัน ตรงนี้เองที่จะเห็นว่า ไม่เพียงนมาซเท่านั้นที่จะเป็นสื่อสร้างให้มนุษย์ใกล้ชิดพระเจ้า ทว่าการรับใช้ปวงบ่าวของพระเจ้าก็ถือเป็นอิบาดะฮฺและเป็นสือหนึ่งที่จำนำมนุษย์เข้าใกล้ชิดกับพระเจ้า

อัลลามะฮฺ เฏาะบาเฏาะบาอี กล่าวว่า และนี่คือสิ่งที่นำพาความโปรดปรานมายังสูเจ้า แน่นอนว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว และเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่มีมายังมนุษย์ เพื่อให้เขาได้ไปถึงยังความรุ่งเรืองอันแท้จริง อันได้แก่ความใกล้ชิดต่อพระเจ้า ที่เกิดจากการอิบาดะฮฺ และความอ่อนน้อมถ่อมตน ณ เบื้องพระพักต์ของพระเจ้า ดังที่อัลกุรอานกล่าวว่า “เราไม่ได้สร้างมนุษย์และญินขึ้นมาเพื้อการใดยกเว้น เพื่ออิบาดะฮฺต่อข้า”



[1]  มุเฏาะฮะรี มุรตะฎอ, ฟัลสะฟะฮฺ อัคลาก หน้า 70-71

[2]  ความเข้าใจคำว่า คำรุ่งเรือง ในหนังสือจริยธรรมทั้งหลาย ซึ่งถือว่าเป็นหลักการของจริยธรรม ศึกษาเพิมเติมได้จากหนังสือ “มอ์รอจญ์สะอาดะฮฺ” หน้า 18 และ 23

[3] มุเฏาะฮะรี มุรตะฎอ, ฟัลสะฟะฮฺ อัคลาก หน้า 72

[4] อัล-กุรอาน บทฮิจญร์ 29,มุอ์มินูน 12-14

[5] เฎาะบาเฎาะบาอี มุฮัมมัด ฮุเซน, ตัฟซีรอัลมีซาน เล่ม 11 หน้า 28

[6] อัลกุรอานบทฮิจญร์ 29

[7] ความตายตามเจตนารมณ์เสรีคือ การต่อสู้กับอำนาจฝ่ายต่ำ ดังคำเรียกของท่านอิมามอะลี (อ.) ว่า แน่นอนเขาได้ฟื้นฟูสติปัญญาของเขา และคร่าอำนาจฝ่ายต่ำของเขา” (นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ คำเทศนาที่ 220)

[8] ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวแก่โกเมลบุตรของซิยาดว่า โลกคือสถานที่อยู่อาศัยของร่างกาย ส่วนจิตวิญญาณนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่สูงส่งกว่า (นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ จดหมายที่ 147)

[9]  อุซูลกาฟี เล่ม 2 หน้า 550

[10]  อัลกุรอาน บทอัลฟัจญฺร์ 27

[11]  อัลกุรอาน อิลชิก๊อก 6

[12] อัลกุรอาน บทอัลเกาะมัร 55

[13] อัลกุรอาน บทอัซซาริยาต 56

[14] อัลกุรอาน บทอัลบะเกาะเราะฮฺ 45

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ภารกิจของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) หลังจากปรากฏกายแล้วคืออะไร? แล้วเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะถูกทำชะฮาดัตโดยน้ำมือของสตรีชราที่มีนวดเครา?
    6315 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    ในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จะได้รับอนุญาตจากอัลลอฮฺให้จัดตั้งทั้งด้านวัตถุปัจจัยและด้านคุณธรรมมโนธรรมเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งความยุติธรรมขึ้นมาปกครองโลกซึ่งถือว่าเป็นรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ ท่านจะเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมเกียรติและคุณค่าของความเป็นมนุษย์พร้อมกับเรียกร้องไปสู่ความปลอดภัยชีวิตมนุษย์จะกลายเป็นชีวิตแห่งพระเจ้าในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
  • ฮะดีซต่างๆ ในหนังสือกาฟียฺ สามารถอธิบายความอัลกุรอานได้หรือไม่?
    8196 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/07/16
    นักรายงานฮะดีซผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งคือ มุฮัมมัด บิน ยะอฺกูบ กุลัยนียฺ (รฮ.) เป็นหนึ่งในปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายชีอะฮฺ และเป็นหนึ่งในนักรายงานฮะดีซที่เชื่อถือได้มากที่สุดของฝ่ายอิมามียะฮฺ ท่านอยู่ในยุคสมัยการเร้นกายระยะสั้นของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) และยังเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ อุซูลกาฟียฺ อันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่ารายงานส่วนใหญ่ในหนังสือกาฟียฺล้วนเป็นที่เชื่อถือ แต่หนังสือกาฟียฺก็เหมือนกับหนังสือฮะดีซทั่วไปที่มีรายงานอ่อนแอ และไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง ตามทัศนะของชีอะฮฺและอะฮฺลุซซุนนะฮฺ มีฮะดีซที่ถูกต้องจำนวนมากมายจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ บันทึกอยู่ในหนังสือญะวามิอฺริวายะฮฺ ซึ่งฮะดีซจำนวนมากเหล่านั้นได้ตัฟซีรโองการอัลกุรอาน ซึ่งหนึ่งในฮะดีซทรงคุณค่าเหล่านั้นคือ หนังสือกาฟียฺ ...
  • อลี บิน ฮุเซน ในประโยค“اَلسَّلامُ عَلَى الْحُسَیْنِ وَ عَلى عَلِىِّ بْنِ الْحُسَیْنِ و” หมายถึงใคร?
    7505 تاريخ بزرگان 2554/07/16
    หากพิจารณาจากดุอาตะวัซซุ้ล บทศอละวาตแด่อิมาม บทซิยารัต กลอนปลุกใจ และฮะดีษต่างๆที่กล่าวถึงอิมามซัยนุลอาบิดีนและท่านอลีอักบัรจะพบว่า ชื่อ“อลี บิน ฮุเซน”เป็นชื่อที่ใช้กับทั้งสองท่าน แต่หากพิจารณาถึงบริบทกาลเวลาและสถานที่ที่ระบุในซิยารัตอาชูรอ อันกล่าวถึงวันอาชูรอ กัรบะลา และบรรดาชะฮีดในวันนั้น กอปรกับการที่มีสมญานาม“ชะฮีด”ต่อท้ายคำว่าอลี บิน ฮุเซนในซิยารัตวาริษ ซิยารัตอาชูรอฉบับที่ไม่แพร่หลาย และซิยารัตมุฏละเกาะฮ์ ทำให้พอจะอนุมานได้ว่า อลี บิน ฮุเซนในที่นี้หมายถึงท่านอลีอักบัรที่เป็นชะฮีดที่กัรบะลาในวันอาชูรอ ...
  • อิมามมะฮ์ดีสมรสแล้วหรือยัง?
    8143 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    แม้จะเป็นไปได้ว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)อาจมีคู่ครองและบุตรหลาน เนื่องจากภาวะการเร้นกายมิได้จำกัดว่าจะท่านต้องงดกระทำการสมรสอันเป็นซุนนะฮ์แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่พบเหตุผลใดๆที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สันนิษฐานว่าสาเหตุที่ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นที่เปิดเผยนั้น อาจเป็นผลพวงมาจากความจำเป็นที่พระองค์ทรงเร้นกายท่านจากสายตาผู้คนนั่นเอง ...
  • ความเสียหายของศาสนาคือสิ่งไหน?
    9438 دین و فرهنگ 2555/09/29
    ศาสนา,เป็นพระบัญชาศักดิ์สิทธิ์,มาจากพระเจ้า ซึ่งในนั้นจะไม่มีทางผิดพลาด และไม่มีผลกระทบอันเสียหายอย่างแน่นอน, การยอมรับความผิดพลาดและการกระทำผิด เกี่ยวข้องกับภารกิจของมนุษย์ แน่นอนการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการรู้จักผลกระทบของศาสนา และการตื่นตัวของผู้มีศาสนา สิ่งเหล่านี้จะไม่ย้อนกลับไปสู่แก่นแท้ความจริงของศาสนา, ทว่าจะย้อนกลับไปสู่ประชาชาติที่นับถือศาสนา ความใจและการพัฒนาของมนุษย์ที่มีต่อศาสนา ประเภทของการรู้จักในศาสนา และรูปแบบของการตื่นตัวในศาสนา ความเสียหายและผลกระทบต่อศาสนา มีรายละเอียดแตกต่างกันมากมาย เนื่องจากกลุ่มหนึ่งของความเสียหายทางศาสนา เป็นความเสียหายที่มีผลกระทบ ต่อความศรัทธาของบุคคลที่นับถือศาสนา หรือผู้มีความสำรวมตน ซึ่งความเสียหายดังกล่าวนี้เองจะอยู่ในระดับของการรู้จักทางศาสนา (ความเสียหายทางศาสนาและการศึกษา) บางครั้งก็อยู่ในระดับของการปฏิบัติบทบัญญัติและคำสั่งของศาสนา การรักษาบทบัญญัติ บทลงโทษ และสิทธิ ซึ่งศาสนาได้กำหนดเป็นข้อบังคับให้รักพึงระมัดระวังต่อสิ่งเหล่านั้น เช่น ความอิจฉาริษยา ความอคติ และเกียรติยศ อีกกลุ่มหนึ่งของความเสียหายทางศาสนา จะอยู่ในปัญหาด้านสังคมทางศาสนา เช่น ความบิดเบือน การอุปโลกน์ และการกระทำตามความนิยมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอันตราย และเป็นความกดดันต่อการระวังรักษาความศักดิ์สิทธิ์ และการขยายศาสนาให้กว้างขวางออกไป ...
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42344 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ชาวสวรรค์ทุกคนจะได้ครองรักกับฮูรุลอัยน์หรือไม่? ฮูรุลอัยน์แต่ละนางมีสามีได้เพียงคนเดียวไช่หรือไม่? และจะมีฮูรุลอัยน์เพศชายสำหรับสตรีชาวสวรรค์หรือไม่?
    10913 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    สรวงสวรรค์นับเป็นความโปรดปรานที่พระองค์ทรงมอบเป็นรางวัลสำหรับผู้ศรัทธาและประพฤติดีโดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศจากการยืนยันโดยกุรอานและฮะดีษพบว่า “ฮูรุลอัยน์”คือหนึ่งในผลรางวัลที่อัลลอฮ์ทรงมอบให้ชาวสวรรค์น่าสังเกตุว่านักอรรถาธิบายกุรอานส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าในสวรรค์ไม่มีพิธีแต่งงานส่วนคำว่าแต่งงานกับฮูรุลอัยน์ที่ปรากฏในกุรอานนั้นตีความกันว่าหมายถึงการมอบฮูรุลอัยน์ให้เคียงคู่ชาวสวรรค์โดยไม่ต้องแต่งงาน.ส่วนคำถามที่ว่าสตรีในสวรรค์สามารถมีสามีหลายคนหรือไม่นั้นจากการศึกษาโองการกุรอานและฮะดีษทำให้ได้คำตอบคร่าวๆว่าหากนางปรารถนาจะมีคู่ครองหลายคนในสวรรค์ก็จะได้ตามที่ประสงค์ทว่านางกลับไม่ปรารถนาเช่นนั้น ...
  • ความต่างกิจกรรมของวิญญาณขณะนอนหลับ และสลบคืออะไร?
    16478 ปรัชญาอิสลาม 2555/09/29
    รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณขณะตื่นนอน กับการปฏิสัมพันธ์ขณะนอนหลับนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ตามคำสอนของอิสลามจึงได้เรียกการนอนหลับว่า เป็นพี่น้องของความตาย วิทยาศาสตร์แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายขณะนอนหลับ แต่สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงและปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายขณะนอนหลับได้ บนพื้นฐานของการค้นคว้านั้นและการทำสอบพบว่ามนุษย์มีการนอนหลับในสองระดับ ด้วยนามว่า REM และ Non REM ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วการความฝันที่มักเกิดในระดับของ Non REM เกิดจากการหลับลึกซึ่งจะไม่อยู่ในความทรงจำ แต่เฉพาะการนอนหลับในระ REM เท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ส่วนการสลบหมดสติเกิดจากการเบี่ยงเบนของวิญญาณ และเป็นการหลับที่ลุ่มลึกมาก ทำให้เขาไม่มีความทรงจำอันใดหลงเหลืออยู่ ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับมัสญิดญัมกะรอนและสาเหตุของการก่อตั้งมัสญิดแห่งนี้
    7357 ประวัติสถานที่ 2554/08/08
    มัสญิดญัมกะรอนหนึ่งคือในสถานที่ศักดิสิทธิและเป็นสถานที่ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุมประมาณ๖กิโลเมตรมัสญิดแห่งนี้ได้ก่อสร้างเมื่อประมาณ๑๐๐๐ปีที่แล้วโดยคำสั่งของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งผู้ริเริ่มก่อสร้างได้รับคำสั่งดังกล่าวในขณะตื่น (ไม่ใช่ในฝัน) ซึ่งความเมตตาและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้ปรากฎณสถานที่แห่งนี้อีกทั้งเป็นสถานที่นัดหมายสำหรับผู้ที่รอคอยการมาของท่านและมีความรักต่อท่านมัรฮูมมิรซาฮูเซนนูรีได้กล่าวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งมัสญิดญัมกะรอนโดยอ้างอิงจากเชคฟาฏิลฮะซันบินฮะซันกุมี (อยู่ยุคสมัยเดียวกับเชคศอดูก) ในหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองกุม”[1] จากหนังสือ “มูนิซุลฮะซีนฟีมะอ์ริฟะติลฮักวัลยะกีน”[2] ว่า:[3]เชคอะฟีฟศอและฮ์ฮะซันบินมุซลิฮ์ยัมกะรอนีได้กล่าวว่า: ในคือวันพุธที่๑๗เดือนรอมฏอนปี๓๙๓ฮ. ฉันได้นอนอยู่ในบ้านทันใดนั้นได้มีกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งมาที่ประตูบ้านของฉันและได้ปลุกฉันและได้กล่าวกับฉันว่าจงลุกขึ้นและทำตามความต้องการของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งท่านได้เรียกหาท่านอยู่พวกเขาได้พาฉันมาสถานที่หนึ่งซึ่งในปัจจุบันสถานที่แห่งนั้นได้กลายมาเป็นมัสญิดญัมกะรอนแล้วท่านอิมามมะฮ์ดีได้เรียกชื่อของฉันและได้กล่าวว่า: “ไปบอกกับฮะซันบินมุสลิมว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันบริสุทธ์ที่อัลลอฮ์ทรงเลือกและให้สถานที่แห่งนี้มีความบริสุทธ์เจ้าได้ยึดครองสถานที่แห่งนี้...ดังนั้นท่านได้กล่าวว่า: จงบอกประชาชนว่าให้รักและหวงแหนสถานที่แห่งนี้”[4]อายาตุลลอฮ์อัลอุซมามัรอะชีนะญะฟีได้กล่าวยอมรับความศักดิ์สิทธิของมัสญิดญัมกะรอนว่า: ชีอะฮ์ทั่วไปให้ความสำคัญต่อมัสญิดอันศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ตั้งแต่สมัยของการเร้นกายระยะแรกของท่านอิมามมะฮ์ดีจนถึงปัจจุบันซึ่งกินระยะเวลาถึงพันสองร้อยสองปีท่านเชคผู้สูงส่งมัรฮูมศอดูกได้กล่าวในหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “มูนิซุลฮะซีน” ซึ่งฉันยังไม่ได้อ่านเองทว่ามัรฮูมฮัจยีมิรซาฮุเซนนูรีซึ่งเป็นอาจารย์ของฉันได้เล่าจากหนังสือเล่มนั้นว่าอุลามาอ์และนักวิชาการชั้นนำของชีอะอ์ให้ความเคารพมัสญิดแห่งนี้กันถ้วนหน้าและสิ่งมหัศจรรย์มากมายได้ปรากฏในมัสญิดญัมกะรอนแห่งนี้
  • เพราะสาเหตุใดการใส่ทองคำจึงฮะรอมสำหรับผู้ชาย?
    12391 ปรัชญาของศาสนา 2554/06/22
    ตามทัศนะของนักปราชญ์และผู้รู้การสวมใส่ทองคำสำหรับผู้ชายมีผลกระทบที่สามารถทำลายล้างได้กล่าวคือก) เป็นการกระตุ้นประสาท[1], ข) การเพิ่มจำนวนที่มากเกินไปของเซลล์เม็ดเลือดขาว[2]เหล่านี้คือผลเสียที่สามารถกล่าวถึงได้แต่ประเด็นทีต้องพิจารณาความรู้ที่รับผิดชอบต่อ"สุขภาพพลานามัย" ของมนุษย์ในขณะการปรับปรุงและพัฒนามิติด้านอาณาจักรที่เร้นลับและมิติทางจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้ที่เป็นกังวลสมควรเป็นมุสลิมมากที่สุดซึ่งต้องพิจารณาที่ "ร่างกาย" และ "ความรู้" ระดับในการแสดงออกและเป็นบทนำสำหรับการพิจาณาในขั้นต่อไปเนื่องจากมนุษย์มิใช่เป็นเพียงดินหรือวัตถุเท่านั้นความเป็นมนุษยชาติขึ้นอยู่กับการเติบโตของความสามารถและศักยภาพต่างๆของมนุษย์พระเจ้าผู้ทรงอำนาจได้ประทานให้แก่พวกเขาโดยมีประสงค์ให้เขาบรรลุตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺของพระองค์แต่จริงๆแล้วแนวทางที่ทำให้พรสวรรค์นี้เติบโตคืออะไร? ศัตรูและอุปสรรคของหนทางนี้อยู่ตรงไหน?อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้อธิบายถึงแนวทางและอุปสรรคขวางกั้นพรสวรรค์และศักยภาพของมนุษย์ไว้ในรูปแบบของบัญญัติแห่งศาสนาในฐานะที่เป็นพระมหากรุณาธิคุณด้วยการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆแล้วไม่อาจมีข้อสงสัยใดๆได้เลยว่าบทบัญญัติพระเจ้าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นภายนอกและในตัวเองแต่ถ้าต้องการทราบถึงปรัชญาของสิ่งนั้นจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ด้วย:1- มนุษย์สามารถรับรู้ปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติของพระเจ้าได้หรือไม่? แน่นอนคำตอบคือไม่เนื่องจาก:ก) เนื่องจากในตำราทางศาสนามิได้กล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดของบทบัญญัติเอาไว้ข) บทบัญญัติที่กล่าวถึงปรัชญาของตัวเองเอาไว้ไม่อาจรับรู้ได้ว่ากล่าวถึงปรัชญาทั้งหมดแล้วหรือไม่, ทว่าบางครั้งบทบัญญัติเพียงข้อเดียวก็มีปรัชญากล่าวไว้อย่างมากมายแต่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่จะกล่าวบางข้อเหล่านั้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำค) ความรอบรู้ของมนุษย์ก็สามารถค้นหาปรัชญาและวิทยปัญญาบางประการของบทบัญญัติได้เท่านั้นมิใช่ทั้งหมด

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60250 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57752 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42344 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39564 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39023 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34112 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28116 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28091 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27966 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25949 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...