การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6116
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1426 รหัสสำเนา 19003
คำถามอย่างย่อ
ท่านอิมามฮุซัยนฺและเหล่าสหายในวันอาชูทั้งที่มีน้ำอยู่เพียงน้อยนิด และฆุซลฺได้อย่างไร?
คำถาม
ตำราประวัติศาสตร์,และตำราอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาชูรอ, หลังจากกล่าวถึงเรื่องราวประการหนึ่งคือ ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้นมาซซุบฮฺพร้อมกับเหล่าสหายเสร็จแล้ว ท่านได้จัดระเบียบทหารใหม่, ซึ่งตำราเหล่านี้กล่าวว่า : “أمر فضرب له فسطاط ، ثم أمر بمسک فمیث فی جفنة، ثم دخل الحسین فاستعمل النورة و" แสดงให้เห็นว่าท่านอิมาม (อ.) ได้ออกคำสั่งตั้งคัยมะฮฺ และสั่งให้นำสิ่งทำความสะอาดมาให้ท่าน ซึ่งสิ่งนั้นบรรจุอยู่ในภาชนะ, หลังจากนั้นท่านได้เข้าไปในคัยมะฮฺเพื่อขจัดขนที่ยาวรกรุงรัง โดยใช้ “นูเราะฮู” และยังมีสิ่งอื่นอีกโดยกล่าวว่า, มีสหายสองคนของท่านอิมามได้รีบเข้าไปในคัยมะฮฺหลังจากอิมาม เพื่อแข่งขันกับท่านอิมาม หลังจากนั้นท่านอิมามได้ออกมาข้างนอกคัยมะฮฺ และเข้าไปในคัยมะฮฺเพื่อทำความสะอาด ซึ่งบางส่วนได้ชำระล้างด้วยใบพุทรา ซึ่งผู้เขียนได้อธิบายว่า อิมาม ได้ฆุซลฺชะฮาดัต ซึ่งพวกเราทั้งหมดทราบเป็นอย่างดีว่า ฆุซลฺ ชะฮาดัตนั้นไม่ต้องการ นูเราะฮฺ แต่อย่างใด
ซึ่งเหตุผลของการทำความสะอาดนั้นสามารถจับประเด็นได้จาก การสนทนาระหว่าง อับดุรเราะฮฺมาน บุตรของ อับดุร็อบบะฮฺ กับบุเรร บุตรขิง ฮะฎีรุลฮัมดานียฺ ...บุเรร ได้พูดคุยกับอับดุรเราะฮฺมาน ซึ่งอับดุรเราะฮมานกล่าวกับเขาว่า :
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพิถึพิถันอะไรอีก
บุเรรกล่าวว่า : ฉันขอสาบานด้วยพระนามอัลลอฮฺ ซึ่งเผ่าชนของฉันนับถือ, ทั้งชายหนุ่มและผู้อาวุโสต่างไม่ชอบเรื่องการพูดพร่ำ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉัน และสิ่งที่ฉันได้รับแจ้งข่าวดีนั้น ฉันดีใจมาก ฉันขอสาบานด้วยพระนามอัลลอฮฺว่า ความห่างระหว่างเรากับนาวสวรรค์ผู้มีความงามเสมือนรุ่งอรุณในยามเช้าตรู่ อยู่แค่เพียงพวกเขา (ทหารของอุมมัร บิน สะอัด) ได้ชักดาบแล้วฟันลงมาบนเราเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามสาเหตุนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่นัก เพราะเกี่ยวข้องกับท่านอิมาม (อ.) กับสหายของท่าน, สิ่งที่เป็นคำถามหนักใจคือความขัดแย้งกันที่มีอยู่ระหว่างเรื่องราวต่างๆ ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซึ่งการจัดพิธีกรรมให้กับโศกนาฏกรรมของท่านอิมาม (อ.) ซึ่งสิ่งที่เราได้ยินกันมาตั้งนมนานแล้วคือ ทุกคนต่างกล่าวกันถึงเรื่อง การไม่มีน้ำในคัยมะฮฺของท่านอิมาม จนกระทั่งประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกเอาไว้ด้วย
ประโยคที่ได้กล่าวตอนต้นนั้นคัดลอกมาจากหนังสือประวัติศาสตร์ “อัลกามิลฟิลตารีค” (พิมพ์ที่เบรูต 1987 ดารุลกุตุบ อัลอะละมียะฮฺ), อะซัร (อิบนุ อะซีรุลญัซรียฺ) เสียชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. 630, หน้าที่ 418.
ตำราบางเล่มที่ได้กล่าวถึงเรื่องราวดังกล่าว ประกอบด้วย :
- มักตะลุลฮุซัยนฺ และเล่มที่ห้า เฏาะบะกอต อาซาร วากิดียฺ
- ตารีค อัฏฏ็อบรียฺ, มุฮัมมัด บิน ญะรีร อัฏฏ็อบรียฺ (ฮ.ศ. 224 – 310), เล่ม 5, หน้า 422 – 423, พิมพ์ครั้งที่ 2, กอเฮเราะฮฺ ปี 1967, ดารุลมะอาริฟ
- อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ, อิบนุกะซีร (ฮ.ศ. 701 – 774) เล่ม 11, หน้า 534, พิมพ์ครั้งแรก ดารุลฮิจญฺ 1998.
- ซีเราะฮฺมะอฺซูมอน, ซัยยิดมุฮฺซิน อะมีน ยะบัล ออมิลียฺ, แปลโดย อะลี ฮุจญฺตียฺ เกรมอนนียฺ, เล่ม 4, หน้า 152, และหนังสืออื่นๆ อีก
ดังนั้นเมื่อพิจารณาสิ่งที่กล่าวผ่านมา, จะพบว่าการขาดน้ำอย่างน้อยที่สุดจนถึงตอนเช้าของวันอาชูรอไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ เนื่องจากการจัดเตรียมน้ำไว้อย่างพอเพียงแล้ว โดยท่านอิมาม (อ.) กับสหายอีกสองคนของท่านยังได้ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำนั้น แน่นอน ถ้าหากสภาพเป็นดังเช่นที่กล่าวมาจริงละก็ ปัญหาจะอยู่ที่ว่าเราต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ได้กล่าวกันมาอย่างช้านานในพิธีกรรมที่จัดขึ้น และทุกที่กล่าวเหมือนกันหมดว่า คัยมะฮฺ อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ปราศจากน้ำ ซึ่งท่านอิมามได้เก็บน้ำไว้แค่พอเพียงสำหรับเด็กๆ ที่จะดื่มเพื่อดับกระหายเท่านั้น ดังนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ จะอธิบายอย่างไร?
คำตอบโดยสังเขป

การพิจารณาและวิเคราะห์รายงานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความกระหายของเหล่าสหาย และบรรดาอธฮฺลุลบัยตฺของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) และรายงานที่กล่าวถึง การฆุซลฺ (อาบน้ำตามหลักการ) การชำระล้าง และวุฎูอ์ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กับสหายของท่านในตอนเช้าของวันอาชูรอ, จำเป็นต้องกล่าวว่าตรงนี้คือ หนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเป็นความเชื่อถือทางประวัติศาสตร์คือ การห้อมล้อมกองคาราวานของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) เพื่อมิได้สัมผัสกับน้ำ และอีกประการหนึ่งคือความหิวกระหายของท่านอิมาม (.) ในช่วงสุดท้ายของการเป็นชะฮาดัต, แต่มีคำกล่าวอย่างอื่นอีกในหนังสือประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีสิ่งใดเชื่อถือได้ทั้งสิ้น ประกอบกับสายรายงานก็ไม่หน้าเชื่อถือแต่อย่างใด

และถ้าเราไม่ใส่ใจในสายรายงานฮะดีซ โดยจับประเด็นต่างๆ ที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้มาตีความและสรุป ถ้ากระทำเช่นนั้นจริงต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ด้วย :

1.ท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กับสหายของท่านต่างมีความเชื่อมั่นในเรื่องการเป็น ชะฮีด ตั้งแต่แรกแล้ว และท่านก็ได้เตรียมพร้อมตัวเองเพื่อชะฮีดมาก่อนแล้ว, ด้วยเหตุนี้ ท่านอิมาม (.) จึงปรารถนาที่จะให้การชะฮีดในครั้งนี้มีความสวยงามที่สุดทั้งภายนอกและภายใน มีความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุดในรายละเอียดปลีกย่อยของการเป็นชะฮีดครั้งนี้, และเราทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่า การฆุซลฺ นั้นเป็นการชำระล้างภายนอกร่างกายให้สะอาด อันเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการชำระล้างภายในและจิตวิญญาณให้สะอาดตามไปด้วย, แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ (การฆุซลฺที่ไม่ใช่กิจวัตร) ไม่ต้องใช้น้ำจำนวนมากมายอะไร ทว่าน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆุซลฺได้แล้ว

2. การห้อมล้อมของฝ่ายศัตรูที่ได้กระทำอย่างเข้มแข็งเพื่อมิให้กองคาราวานของท่านอิมาม (.) ได้สัมผัสกับน้ำ, ประกอบกับอากาศที่ร้อนระอุ, และยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งร้อนเป็นทวีคูณ, ดังนั้น สามารถกล่าวได้ว่า เวลาที่อิมาม (.) สั่งให้ฆุซลฺ หรือชำระล้างทำความสะอาดนั้นอาจตรงกับช่วงเวลาที่พอจะหาน้ำได้ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่หลังจากนั้นฝ่ายศัตรูได้จำกัดพื้นที กดดัน และบีบบังคับมากยิ่งขึ้น ประกอบกับอากาศก็ทวีความร้อนรุอุรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้กองคาราวานของท่านอิมามต้องเผชิญกับความหิวกระหายอย่างรุนแรงในตอนบ่าย

3.อาจเป็นไปได้ว่าน้ำที่ใช้ฆุซลฺนั้น เป็นน้ำที่ไม่สามารถดื่มกินได้.

ด้วยเหตุนี้เอง สามารถกล่าวได้ว่ารายงานทั้งสองกลุ่มที่มีอยู่สามารถยอมรับได้ โดยไม่ขัดแย้งกัน

คำตอบเชิงรายละเอียด

พยานหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับความหิวกระหายของท่านอิมามฮุซัยน (.) กับเหล่าสหาย และการปิดห้อมล้อมกองคาราวานของท่านเพื่อไม่ให้มีน้ำ สิ่งที่ตกทอดมาถึงมือเราปัจจุบันคือ

1.บันทึกทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด ต่างมีความเห็นพร้องต้องกันว่าประมาณ 3 วันก่อนการชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) และสหาย น้ำได้ถูกปิดล้อมไปแล้ว, โดยอิบนุซิยาด ได้มีคำสั่งแก่อัมรุสะอัด (ขออัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา) ว่า จงกีดกั้นขวางทางระหว่างกองคาราวานของท่านฮุซัยนฺ บิน อะลีกับน้ำเอาไว้ และจงอย่าให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสน้ำเลยแม้แต่น้อย และในการนี้อุมะริบสะอัด กับอุมัร บินฮัจญาจญฺ ได้ใช้ทหารถึง 500 คน

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จริงหรือไม่ที่อิมามฮุเซน (อ.) สมรสกับชะฮ์รบานู?
    9511 تاريخ بزرگان 2554/12/19
    เกี่ยวกับประเด็นการสมรสระหว่างอิมามฮุเซน (อ.) กับชะฮ์รบานูซึ่งเป็นเชลยศึกของกองทัพมุสลิมนั้นมีหลายทัศนะด้วยกันเนื่องจากบางรายงานเล่าว่าหญิงคนนี้ถูกจับเป็นเชลยในสมัยการปกครองของอุมัรบ้างกล่าวว่าสมัยอุษมานอีกทั้งยังระบุนามของท่านและบิดาของท่านไว้แตกต่างกันด้วยเหตุนี้ยากที่จะฟันธงว่าภรรยาขอของอิมามฮุเซน (อ.) และมารดาของอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.) เป็นชาวอิหร่าน ( อีกทั้งการที่มีนามว่าชะฮ์รบานู) ...
  • ฮะดีษที่ว่า “วันที่มุสลิมจะจำแนกเป็น 73 จำพวกจะมาถึง” เชื่อถือได้หรือไม่?
    13240 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    ฮะดีษชุด“การแตกแยกของอุมมะฮ์”มีบันทึกในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตามสายรายงานที่หลากหลายเนื้อหาของฮะดีษเหล่านี้ล้วนระบุถึงการที่มุสลิมจำแนกเป็นกลุ่มก้อนภายหลังท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งถือเป็นเอกฉันท์ในแง่ความหมายส่วนในแง่สายรายงานก็มีฮะดีษที่เศาะฮี้ห์และสายรายงานเลิศอย่างน้อยหนึ่งบท ...
  • มีการประทานโองการที่เกี่ยวกับอิมามอลี(อ.)ในเดือนใดมากที่สุด?
    7906 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    เพื่อไขปัญหาดังกล่าว ในเบื้องต้นควรทราบข้อสังเกตุดังต่อไปนี้ 1. โดยทั่วไปแล้ว ฮะดีษที่กล่าวถึงเหตุแห่งการประทานโองการกุรอานมีสองประเภท หนึ่ง. เล่าถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในยุคของท่านนบี(ซ.ล.) โดยอ้างถึงโองการที่ประทานลงมาเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นๆ สอง. เล่าถึงโองการที่ประทานลงมาเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยมิได้กล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์ อย่างเช่นโองการที่เกี่ยวกับฐานันดรภาพของท่านอิมามอลี(อ.)และอิมาม(อ.)ท่านอื่นๆ[1] 2. โองการกุรอานประทานลงมาสู่ท่านนบี(ซ.ล.)เป็นระยะๆตามแต่เหตุการณ์ วันเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน ทว่ามีบางโองการเท่านั้นที่มีฮะดีษช่วยระบุถึงปัจจัยต่างๆดังกล่าว หรืออาจจะมีฮะดีษที่ระบุไว้แต่มิได้ตกทอดถึงยุคของเรา 3. มีโองการมากมายที่กล่าวถึงฐานันดรภาพของท่านอิมามอลี(อ.)และมะอ์ศูมีน(อ.)ท่านอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการพิสูจน์และตีแผ่หลักการสำคัญอย่างเช่นหลักอิมามะฮ์ (ภาวะผู้นำภายหลังนบี) หากพิจารณาเหตุแห่งการประทานโองการต่างๆอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าโองการที่กล่าวถึงฐานันดรภาพและภาวะผู้นำของท่านอิมามอลี(อ.)มักจะประทานลงมาในเดือนซุลฮิจญะฮ์เป็นส่วนใหญ่ อาทิเช่นโองการต่อไปนี้ หนึ่ง. يا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ ما أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَ إِنْ ...
  • การใช้ชีวิตเพื่ออัลลอฮฺ เป็นชีวิตอย่างไร? มีความขัดแย้งกับชีวิตการเป็นอยู่ทั่วไปทางโลกหรือไม่?
    9807 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/01/23
    ถ้าหากพิจารณาอัลกุรอานแล้วได้ถามอัลกุรอานว่าเราได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? คำตอบของอัลกุรอานคือเรามิได้สร้างมนุษย์และญินขึ้นมาเพื่อการใดเว้นเสียแต่เพื่อการอิบาดะฮฺ"وَ ما خَلَقْتُ الْجِنَّ وَ الْإِنْسَ إِلَّا لِیَعْبُدُونِ" อิบาดะฮฺ
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58036 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • จริงหรือไม่ที่บางคนเชื่อว่าพระเจ้าเป็นเพียงแค่พลังงานเท่านั้น?
    6778 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/23
    อัลลอฮ์ทรงดำรงอยู่โดยไม่พึ่งพาสิ่งใดทรงปรีชาญาณทรงมีเจตน์จำนงและปราศจากข้อจำกัดและความบกพร่องทุกประการแต่พลังงานยังมีข้อบกพร่องและข้อจำกัดมากมายอีกทั้งยังปราศจากความรู้และการตัดสินใจเมื่อเทียบคุณสมบัติของพลังงานกับคุณลักษณะของพระเจ้าก็จะทราบว่าพระเจ้ามิไช่พลังงานอย่างแน่นอนเนื่องจาก: พลังงานคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดกริยาและปฏิกริยาต่างๆโดยพลังงานมีลักษณะที่หลากหลายไม่ตายตัวและสามารถผันแปรได้หลายรูปแบบพลังงานมีคุณสมบัติเด่นดังนี้1. พลังงานมีสถานะตามวัตถุที่บรรจุ2. พลังงานมีแหล่งกำเนิด3. พลังงานมีข้อจำกัดบางประการ4. พลังงานเปลี่ยนรูปได้แต่อัลลอฮ์มิได้ถูกกำกับไว้โดยวัตถุใดๆ
  • ในเมื่อไม่สามารถมองเห็นพระองค์ได้ แล้วคำว่า لَّمَحْجُوبُونَ หมายถึงอะไร?
    7669 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/08
    คำว่า “ฮิญาบ” (สิ่งปิดกั้น) มิได้สื่อถึงความหมายเชิงรูปธรรมเพียงอย่างเดียวทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลทางปัญญาและกุรอาน, ฮะดีษพิสูจน์แล้วว่าอัลลอฮ์มิไช่วัตถุธาตุ[1]ฉะนั้นฮิญาบในที่นี้จึงมีความหมายเชิงนามธรรมมิไช่ความหมายเชิงรูปธรรมดังที่ปรากฏในโองการต่างๆอาทิเช่นوَ إِذَا قَرَأْتَ الْقُرْءَانَ جَعَلْنَا بَیْنَکَ وَ بَینْ‏َ الَّذِینَ لَا یُؤْمِنُونَ بِالاَخِرَةِ حِجَابًا مَّسْتُورًا  (ยามที่เจ้าอัญเชิญกุรอานเราได้บันดาลให้มีปราการล่องหนกั้นกลางระหว่างเจ้ากับผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อปรโลก)
  • ในสังคมอิสลามมีสตรีศึกษาในสถาบันศาสนาแล้วถึงขั้นมุจญฺตะฮิดมีบ้างหรือไม่?
    6507 تاريخ بزرگان 2554/09/25
    การให้ความร่วมมือกันของนักปราชญ์และนักวิชาการอิสลาม, ประกอบกับเป็นข้อบังคับเหนือตัวมุสลิมทั้งชายและหญิง, สิ่งนี้กลายเป็นสาเหตุทำให้สตรีได้เข้าศึกษาศาสนาจนถึงระดับชั้นของการอิจญฺติฮาดหรือมุจญตะฮิดตัวอย่างสุภาพสตรีที่ศึกษาถึงขั้นอิจญฺติฮาดมุจญฺตะฮิดะฮฺอะมีนเสียชีวิตในปีฮ.ศ. 1403 (1362) หรือมุจญฺตะฮิดะฮฺซะฟอตียฺซึ่งปัจจุบันท่านยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือในสถาบันสอนศาสนาเฉพาะสตรีซึ่งสองท่านนี้ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของสตรีที่ประสบความสำเร็จสูง ...
  • อัศล์ อะมะลีและดะลี้ล อิจติฮาดีหมายความว่าอย่างไร และมีความเกี่ยวโยงกันหรือไม่?
    7462 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/18
    อัศล์อะมะลีอัศล์อะมะลีในวิชาฟิกเกาะฮ์หมายถึงหลักการที่นำมาใช้เมื่อไม่สามารถพิสูจน์ฮุก่มชัรอีได้โดยตรงโดยจะกำหนดหน้าที่ของมุกัลลัฟในยามที่ไม่พบหลักฐานหรือข้อสันนิษฐานใดๆกล่าวคืออัศล์อะมะลีหรืออุศู้ลอะมะลียะฮ์ก็คือหลักที่จะกำหนดหน้าที่ของมุกัลลัฟในกรณีที่เผชิญกับข้อสงสัยฉะนั้นมูลเหตุของอุศู้ลอะมะลียะฮ์ก็คือ “ข้อสงสัย” อีกชื่อหนึ่งของอัศล์อะมะลีก็คือ “ดะลี้ลฟะกอฮะตี” ดะลี้ลฟะกอฮะตีคือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยฮุก่มเฉพาะกาลอันได้แก่บะรออะฮ์เอียะฮ์ติยาฏตัคยี้รและอิสติศฮ้าบดะลี้ลอิจติฮาดีดะลี้ลอิจติฮาดีคือหลักฐานที่บ่งชี้ถึงฮุก่มที่แท้จริงสาเหตุที่ตั้งชื่อไว้เช่นนี้ก็เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับนิยามของอิจติฮาด (การทุ่มเทความพยายามเพื่อแสวงหาข้อสันนิษฐานสู่ฮุกุ่มที่แท้จริง) และเนื่องจากหลักฐานประเภทนี้ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานสู่ฮุกุ่มที่แท้จริงจึงขนานนามว่าดะลี้ลอิจติฮาดีซึ่งในส่วนของอัมมาเราะฮ์ก็ถือเป็นดะลี้ลอิจติฮาดีได้เช่นกันดะลี้ลอิจติฮาดีมีไว้เพื่อวินิจฉัยฮุ่กุ่มที่แท้จริงอันได้แก่กุรอานซุนนะฮ์อิจมาอ์และสติปัญญาความเชื่อมโยงระหว่างดะลี้ลและอัศล์ควรทราบว่าไม่มีความขัดแย้งระหว่างดะลี้ลและอัศล์แต่สองสิ่งนี้มีสัมพันธ์ในลักษณะลูกโซ่อยู่ทั้งนี้ก็เพราะหากข้อสงสัยใดมีดะลี้ลก็จะไม่เหลือความสงสัยอันเป็นมูลเหตุของอัศล์อะมะลีอีกต่อไปในประเด็นความขัดแย้งระหว่างดะลี้ลกับอัศล์นั้นในกรณีของดะลี้ลที่ชัดเจนแน่นอนว่าไม่มีอัศล์ใดจะสามารถเทียบเคียงได้เนื่องจากมูลเหตุของอัศล์คือความสงสัยเมื่อมีความแน่นอนในแง่มูลเหตุอัศล์ก็ย่อมหายไปแต่ในกรณีดะลี้ลที่ไม่ชัดเจนอย่างเช่นอิมาเราะฮ์ปะทะกับอัศล์ในกรณีเช่นนี้ถือเป็นการหักล้างกันซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอุศู้ลเชื่อว่าควรถือข้างอิมาเราะฮ์มากกว่าอัศล์ทุกประเภทแม้กระทั่งอิสติศฮ้าบ (ตามหลักเฏาะรีกียะฮ์)[1][1]อ่านเพิ่มเติมได้ตามหนังสือวิชาอุศู้ล อาทิเช่น อุศูลุลฟิกฮ์ ของท่านมุซ็อฟฟัร, กิฟายะตุ้ลอุศู้ล ของออคูนด์โครอซอนี ฯลฯ ...
  • ความสำคัญ และปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คืออะไร?
    7900 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/20
    สำหรับการติดตามผลอย่างมีนัยของการให้ความสำคัญและปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:1. ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60455 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58036 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42565 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39897 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39205 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34315 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28370 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28291 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28224 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26168 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...