การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6811
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/02/13
 
รหัสในเว็บไซต์ fa18423 รหัสสำเนา 21628
คำถามอย่างย่อ
มีผู้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับ “ทรัพย์สินส่วนหนึ่ง” โดยมิได้ระบุจำนวน เราจะแบ่งอย่างไร?
คำถาม
มีผู้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับ “ทรัพย์สินส่วนหนึ่ง” โดยไม่ได้ระบุจำนวน ฮะดีษหลายบทให้ข้อยุติที่แตกต่างกัน อาทิเช่นกล่าวว่า ส่วนหนึ่งในทีนี้คือเศษหนึ่งส่วนสิบ เพราะอัลลอฮ์ตรัสว่า فَخُذْ أَرْبَعَةً مِّنَ الطَّیْرِ… ในซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 260 บางฮะดีษกล่าวว่าส่วนหนึ่งในที่นี้หมายถึงเศษหนึ่งส่วนเจ็ด เนื่องจากพระองค์ตรัสว่า لَهَا سَبْعَةُ أَبْوَابٍ لِّکُلِّ بَابٍ مِّنْهُمْ جُزْءٌ مَّقْسُومٌ ซูเราะฮ์อัลฮิจร์ ในเมื่อมีหลายทัศนะเช่นนี้ แล้วเราจะสรุปจำนวนของ “ส่วนหนึ่ง” ได้อย่างไร?
คำตอบโดยสังเขป

จากการที่บรรดาอุละมาอ์ให้การยอมรับสายรายงานฮะดีษของทั้งสองกลุ่มความหมาย จึงได้เสนอข้อยุติไว้แตกต่างกันดังต่อไปนี้
1. ในอดีต เจ้าของทรัพย์สินมักจะแบ่งทรัพย์สินเป็นส่วนๆ บ้างก็แบ่งเป็นสิบส่วน บ้างก็แบ่งเป็นเจ็ดส่วน ฉะนั้น จะต้องพิจารณาว่าผู้ตายเคยแบ่งทรัพย์สินอย่างไรขณะมีชีวิตอยู่
2. ทัศนะที่น่าเชื่อถือกว่าก็คือ ควรปฏิบัติตามฮะดีษกลุ่มเศษหนึ่งส่วนสิบ เพราะบรรทัดฐานเบื้องต้นก็คือการที่ทรัพย์สินยังคงอยู่ในครอบครองของทายาท กล่าวคือ ควรวางสมมุติฐานไว้ที่ภาวะที่ทายาทไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งการจ่ายเพิ่มในที่นี้ก็หมายถึงส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มจากเศษหนึ่งส่วนสิบในกรณีที่ทำตามฮะดีษที่ระบุถึงเศษหนึ่งส่วนเจ็ด
3. การที่ถือว่าฮะดีษกลุ่มแรกเป็นภาคบังคับ ส่วนฮะดีษกลุ่มที่สองหมายถึงภาคมุสตะฮับ กล่าวคือส่วนหนึ่งในที่นี้ให้หมายถึงเศษหนึ่งส่วนสิบอันเป็นภาคบังคับ แต่มุสตะฮับสำหรับทายาทที่จะใช้จ่ายเศษหนึ่งส่วนเจ็ดของทรัพย์สินตามพินัยกรรม เนื่องด้วยความแตกต่างทางนัยยะของฮะดีษสองกลุ่ม

คำตอบเชิงรายละเอียด

ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับมรดกทรัพย์สินเนื่องจากใช้คำที่คลุมเครือ อาทิเช่นพินัยกรรมที่ระบุให้แบ่งทรัพย์สินหนึ่งส่วนไปใช้ในการกุศล โดยที่ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆเกี่ยวกับจำนวนทรัพย์สินเลยนั้น ตามหลักแล้ว ควรถือว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะเสมือนมิได้กระทำไว้ และให้พิจารณาไปตามบทบัญญัติว่าด้วยมรดก ทั้งนี้ก็เพราะพินัยกรรมประเภทดังกล่าวไม่สามารถสื่อถึงเจตจำนงของผู้พูดได้เลยในเชิงวจนะภาษา

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีฮะดีษที่น่าเชื่อถือช่วยอธิบายความคลุมเครือข้างต้น จึงจำเป็นต้องยึดตามนั้นเป็นหลัก[1] ต่อข้อสงสัยที่ว่าหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นจะแบ่งทรัพย์สินตามเป้าประสงค์ของผู้ตายในสัดส่วนเท่าใดนั้น ฮะดีษชุดนี้แบ่งออกเป็นสองชุดความหมายดังต่อไปนี้

ฮะดีษชุดแรกระบุว่าทรัพย์ส่วนหนึ่งในที่นี้หมายถึงเศษหนึ่งส่วนสิบ กล่าวคือจะต้องมอบเศษหนึ่งส่วนสิบของทรัพย์สินให้แก่ผู้ที่พินัยกรรมระบุไว้
มีผู้ถามอิมามศอดิก(.)เกี่ยวกับผู้ที่ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนหนึ่ง ท่านตอบว่านั่นหมายถึงเศษหนึ่งส่วนสิบอุละมาอ์หลายวินิจฉัยว่าวาญิบให้จ่ายเศษหนึ่งส่วนสิบในกรณีดังกล่าวโดยยึดตามฮะดีษลักษณะนี้[2]

ฮะดีษชุดที่สองระบุว่าทรัพย์สินส่วนหนึ่งในที่นี้หมายถึงเศษหนึ่งส่วนเจ็ด ตามเนื้อหาของฮะดีษต่อไปนี้: มุฮัมมัด บิน อลี บิน มะฮ์บู้บ รายงานจากอะฮ์มัด บิน มุฮัมมัด บิน อบีนัศร์ บะซันฏี เล่าว่า ฉันถามอิมามกาซิม(.)ถึงกรณีของผู้ที่ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนหนึ่ง ท่านอิมามตอบว่า นั่นหมายถึงเศษหนึ่งส่วนเจ็ด เนื่องจากอัลลอฮ์ทรงตรัสว่าขุมนรกมีประตูเจ็ดบาน และชาวนรกถูกแบ่งเป็นส่วนๆในแต่ละบาน[3] [4]ฉะนั้น ชาวนรกจึงแบ่งออกเป็นเจ็ดกลุ่ม ซึ่งตามสำนวนของโองการนี้ แต่ละกลุ่มเรียกว่าญุซอ์”(ส่วน)
บางท่านยึดตามฮะดีษประเภทนี้ จึงวินิจฉัยว่าจะต้องแบ่งเศษหนึ่งส่วนเจ็ด[5]

จากการที่บรรดาอุละมาอ์ให้การยอมรับสายรายงานฮะดีษของทั้งสองกลุ่มความหมาย เบื้องต้นจึงอาจมองได้ว่าเป็นการหักล้างกันเอง แต่อุละมาบางท่านเสนอวิธีผนวกฮะดีษสองกลุ่มดังต่อไปนี้

1. ในอดีต เจ้าของทรัพย์สินมักจะแบ่งทรัพย์สินเป็นส่วนๆ บ้างก็แบ่งเป็นสิบส่วน บ้างก็แบ่งเป็นเจ็ดส่วน ฉะนั้น จะต้องพิจารณาแบ่งทรัพย์สินตามที่ผู้ตายเคยแบ่งไว้ขณะมีชีวิตอยู่[6]

2. ทัศนะที่น่าเชื่อถือกว่าก็คือ ควรปฏิบัติตามฮะดีษกลุ่มเศษหนึ่งส่วนสิบ เพราะบรรทัดฐานเบื้องต้นก็คือการที่ทรัพย์สินยังคงอยู่ในครอบครองของทายาท กล่าวคือ ควรวางสมมุติฐานไว้ที่ภาวะที่ทายาทไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งการจ่ายเพิ่มนี้ก็คือส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มในกรณีที่ทำตามฮะดีษที่ระบุถึงเศษหนึ่งส่วนเจ็ดที่ต้องแบ่งออกจากมรดก[7]
3. การที่ถือว่าฮะดีษกลุ่มแรกเป็นภาคบังคับ ส่วนฮะดีษกลุ่มที่สองหมายถึงภาคมุสตะฮับ กล่าวคือส่วนหนึ่งในที่นี้ให้หมายถึงเศษหนึ่งส่วนสิบอันเป็นภาคบังคับ แต่มุสตะฮับสำหรับทายาทที่จะใช้จ่ายเศษหนึ่งส่วนเจ็ดของทรัพย์สินตามพินัยกรรม เนื่องด้วยความแตกต่างทางนัยยะของฮะดีษสองกลุ่ม[8]

อย่างไรก็ดี ควรคำนึงว่าในกรณีที่ผู้ตายทำพินัยกรรมมอบทรัพย์แก่ผู้อื่นเกินกว่าเศษหนึ่งส่วนสามของมรดก ส่วนเกินดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อทายาทเห็นด้วยเท่านั้น[9]
อนึ่ง ท่านอายะตุลลอฮ์ มะฮ์ดี ฮาดะวี เตหรานี ได้ตอบข้อสงสัยดังกล่าวไว้ดังนี้
พินัยกรรมมอบทรัพย์สินแก่ผู้อื่นจะมีผลต่อเมื่อทำไว้ไม่เกินเศษหนึ่งส่วนสามของทรัพย์สินของมัยยิต ส่วนการแบ่งสัดส่วนตามพินัยกรรมที่คลุมเครือก็ขึ้นอยู่กับความมั่นใจ แม้ว่าควรจะแบ่งให้มากเท่าที่จะสันนิษฐานได้

 



[1] มูซะวี, บุจนูรดี, ซัยยิดฮะซัน, อัลเกาะวาอิดุ้ลฟิกฮียะฮ์,เล่ม 6,หน้า 291,สำนักพิมพ์อัลฮาดี, กุม อิหร่าน,ครั้งแรก, ..1419

[2] ชู้ชตะรี, มุฮัมมัด ตะกี, อันนัจอะฮ์ ฟีชัรฮิ้ลลุมอะฮ์,เล่ม 8,หน้า 230,ร้านหนังสือเศาะดู้ก,เตหราน,ครั้งแรก,..1406

[3] อัลฮิจร์,44

[4] ฏูซี,อบูญะฟัร,มุฮัมมัด บิน ฮะซัน, ตะฮ์ซีบุลอะฮ์กาม,เล่ม 9,หน้า 209, ฮะดีษที่ 828, ดารุลกุตุบิลอิสลามียะฮ์,เตหราน อิหร่าน,ครั้งที่สี่,..1407

[5] อันนัจอะฮ์ ฟีชัรฮิ้ลลุมอะฮ์,เล่ม 8,หน้า 233

[6] กุมี,เศาะดู้ก,มุฮัมมัด บิน อลี บิน บาบะวัยฮ์,มันลายะฮ์ฏุรุฮุ้ลฟะกีฮ์, แปล:ฆ็อฟฟารี,อลีอักบัร, เล่ม 6,หน้า 50,เศาะดู้ก,เตหราน,ครั้งแรก,..1409

[7] ฮิลลี, มิกด้าด บิน อับดุลลอฮ์, กันซุ้ลอิรฟาน ฟี ฟิกฮิ้ลกุรอาน, แปล: บัคชอเยชี,อับดุรเราะฮีม อะกีกี,เล่ม 2,หน้า 585,กุม อิหร่าน,ครั้งแรก และ อามิลี,ซัยยิด มุฮัมมัด ฮุเซน ตัรฮีนี, อัซซุบดะตุลฟิกฮียะฮ์ ฟีชัรฮิร ร็อวเฎาะตุ้ลบะฮียะฮ์,เล่ม 6,หน้า 38,สำนักพิมพ์ดารุลฟิกฮ์,กุม อิหร่าน,ครั้งที่สี่,..1427

[8] อันนัจอะฮ์ ฟีชัรฮิ้ลลุมอะฮ์,เล่ม 8,หน้า 233

[9] โคมัยนี, ซัยยิดรูฮุ้ลลอฮ์ มูซะวี,ประมวลปัญหาศาสนา (อิมามโคมัยนี),หน้า 578,ปัญหาที่ 2589,พิมพ์ครั้งแรก,..1426

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ทำอย่างไรจึงจะลดความรีบร้อน?
    8309 عجله 2555/05/23
    ความรีบร้อนลนลานถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในทัศนะของศาสนา ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงการรีบกระทำสิ่งใดโดยพละการนั่นเอง การรีบร้อนแตกต่างจากการรีบเร่งทั่วไป เพราะการรีบเร่งหมายถึงการรีบกระทำการใดทันทีที่ทุกอย่างพร้อม สิ่งที่ตรงข้ามกับการรีบร้อนก็คือ “ตะอันนี” และ “ตะษับบุต”อันหมายถึงการตรึกตรองอย่างรอบคอบก่อนลงมือกระทำการใดๆ เมื่อพิจารณาถึงข้อเสียของการรีบร้อน และข้อดีของการตรึกตรองอันเป็นคุณลักษณะของกัลยาณชนเฉกเช่นบรรดาศาสดา ทำให้ได้ข้อสรุปว่าก่อนกระทำการใดควรตรึกตรองอย่างมีสติเสมอ และหากหมั่นฝึกฝนระยะเวลาหนึ่ง แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะติดเป็นนิสัย อันจะลบเลือนนิสัยรีบร้อนที่มีอยู่เดิม และจะสร้างเสริมให้เป็นผู้ที่มีความสุขุม ...
  • ปรัชญาของการทำกุรบานในพิธีฮัจญ์คืออะไร?
    12291 สิทธิและกฎหมาย 2555/04/28
    บทบัญญัติและข้อปฏิบัติทั้งหมดในศาสนาอิสลามนั้นตราขึ้นโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและคุณประโยชน์สำหรับทุกสิ่งมีชีวิตอย่างทั่วถึง บทบัญญัติของอิสลามประการหนึ่งที่เป็นข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบพิธีฮัจย์ก็คือการเชือดกุรบานในวันอีดกุรบาน ณ แผ่นดินมินา จุดเด่นของการทำกุรบานในพิธีฮัจญ์คือ “การที่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ได้คำนึงถึงการเชือดเฉือนอารมณ์ไฝ่ต่ำของตนเอง ,การแสวงความใกล้ชิดยังพระผู้เป็นเจ้า, การช่วยเหลือผู้ยากไร้ ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าในบางกรณีจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเนื้อกุรบานก็จริง แต่ก็ทำให้ได้รับประโยชน์ทางจิตใจดังที่กล่าวไปแล้ว เป็นที่น่ายินดีที่ในหลายปีมานี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตามโรงเชือดสัตว์ที่นครมักกะฮ์ โดยเฉพาะการแช่แข็งเนื้อสัตว์ทำให้สามารถแจกจ่ายเนื้อเหล่านี้ให้แก่ผู้ยากไร้ ซึ่งช่วยไม่ให้เนื้อสัตว์เหล่านี้สูญเสียไปอย่างเปล่าประโชน์ ถึงแม้ว่าการจัดการทั้งหมดนี้จะไม่ส่งผลร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็เชื่อได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว โดยอีกไม่ช้ากระบวนการดังกล่าวอาจจะแล้วเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ...
  • มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้สามีภรรยาเข้าใจกันและกัน
    8711 จริยธรรมทฤษฎี 2555/09/15
    ความซื่อสัตย์คือต้นทุนที่สำคัญที่สุดของชีวิตคู่ ในทางตรงกันข้าม ภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานระหว่างคู่รักก็คือความไม่ไว้วางใจและการหลอกลวงกัน จากที่คุณถามมา พอจะสรุปได้ว่าคุณสองคนขาดความไว้วางใจต่อกัน ขั้นแรกจึงต้องทำลายกำแพงดังกล่าวเสียก่อน วิธีก็คือ จะต้องหาต้นตอของความไม่ไว้วางใจให้ได้ แล้วจึงสะสางให้เป็นที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากเสริมสร้างความไว้วางใจได้สำเร็จ ไม่ว่าคุณไสยหรือเวทมนตร์คาถาใดๆก็ไม่อาจจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับภรรยาได้อีก ...
  • เพราะสาเหตุอันใด อับดุลลอฮฺ บิน ญะอฺฟัรจึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปกัรบะลาพร้อมท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)?
    6630 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ประเด็นที่ว่าอับดุลลอฮฺบินญะอฺฟัรไม่ได้เข้าร่วมขบวนการไปกับท่านอิมามฮุซัยนฺ
  • บุคลิกของอุบัย บิน กะอฺบ์?
    10107 تاريخ بزرگان 2555/04/07
    อุบัย บิน กะอฺบ์ เป็นหนึ่งของสหายที่มีชื่อเสียงที่สุดของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และเป็นผู้มีเกียรติยิ่งทั้งในหมู่อะฮฺลิซุนนะฮฺ และชีอะฮฺ แหล่งอ้างอิงของฝ่ายชีอะฮฺมีบันทึกรายงานฮะดีซจำนวหนึ่ของเขาไว้ด้วย นักปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายฮะดีซ, ยอมรับว่าเขาเป็นสหายของท่านศาสดา และเป็นหนึ่งในผู้บันทึกวะฮฺยู เมื่อพิจารณารายงานที่มาจากเขา, สามารถเข้าใจได้ถึงความรักที่เขามีต่ออะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามอะลี (อ.) ...
  • เราสามารถพบอับดุลลอฮฺ 2 คน ซึ่งทั้งสองจะได้ปกครองประเทศอาหรับก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามซะมาน ได้หรือไม่?
    6967 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    หลังจากการศึกษาค้นคว้ารายงานดังกล่าวแล้วได้บทสรุปดังนี้:รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่าบุคคลใดก็ตามรับประกันการตายของอับดุลลอฮฺแก่ฉัน (
  • เหตุใดอิสลามต้องบริหารโดยบรรดาฟุกอฮาอ์?
    6612 เทววิทยาใหม่ 2554/09/11
    อิสลามเป็นศาสนาสุดท้ายบทบัญญัติต่างๆของอิสลามล้วนมีลักษณะถาวรและดังที่อิสลามสามารถตอบโจทก์ได้ในอดีตก็ย่อมจะต้องตอบทุกโจทก์ในอนาคตได้เช่นกัน อีกด้านหนึ่งนับวันก็ยิ่งจะมีปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นรายวันซึ่งล้วนไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อต้องพิจารณาปัญหาใหม่ๆโดยอ้างอิงหลักการที่เปรียบเสมือนกฏหมายแม่อิสลามจึงกำหนดวิธีการเฉพาะกิจโดยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญปัญหาศาสนาที่รู้ทันสถานการณ์โลกทำการค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาต่างๆโดยจะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขและความจำเป็นต่างๆของสังคมและประชาคมโลกเพื่อให้ได้มาซึ่งปรัชญา
  • การแสวงหาความต้องการอื่น ๆ นอกจากพระเจ้า เช่นขอจากบบี (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) เป็นชิริกหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงผู้ตอบสนองความต้องการคือพระเจ้า
    8360 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    การให้ความเคารพการย้อนกลับการขอความต้องการไปยังผู้ทรงเกียรติ (พระศาสดาและบรรดาอิมาม) ถ้าหากมีเจตนาว่าพวกเขามีบทบาทต่อการเกิดผลและสามารถปลดเปลื้องความต้องการของเราได้โดยเป็นอิสระจากพระเจ้าหรือปราศจากการพึ่งพิงไปยังอาตมันสากลของพระองค์การมีเจตนารมณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นชิริกอีกทั้งขัดแย้งกับเตาฮีดอัฟอาล (ความเป็นเอกภาพในการกระทำ) เนื่องจากพระองค์ปราศจากการพึ่งพิงไปยังสิ่งอื่นขณะที่สิ่งอื่นต้องพึ่งพิงไปยังพระองค์ขัดแย้งกับเตาฮีดรุบูบียะฮฺ(อำนาจบริหารและบริบาลเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวส่วนบรรดาศาสดามะลักหรือปัจจัยทางธรรมชาติเป็นเพียงสื่อของพระองค์)
  • สินไหมชดเชยการฆ่าผิดพลาด เป็นจำนวนเท่าไหร่? ทุกวันนี้ค่าเงินดีนารและดิรฮัม, เทียบเท่ากี่ดอลลาร์?
    8339 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/20
    ค่าเงินดิรฮัมและดีนาร เป็นค่าเงินสมัยท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) และอิมามมะอฺซูม (อ.) ซึ่งปัจจุบันภารกิจด้านชัรอียฺและกฎหมายก็ยังใช้อยู่ และปัจจุบันบางภารกิจยังใช้ค่าเงินนั้นอยู่ ดีนาร, คือเหรียญซึ่งทำจากทองคำ ส่วนดิรฮัมทำด้วยเงิน, ดังนั้น ถ้ารู้น้ำหนักทองหรือเงินที่ใช้ทำเหรียญ ดินาร และดิรฮัม ก็จะทำให้เราเข้าใจถึงราคาปัจจุบันของเหรียญทั้งสองทันที, ปกติดินารชัรอียฺ ประมาณ 4/42 กรัม แต่ทัศนะของบางคนกล่าวว่า 4/46 กรัม[1] ดังนั้น ถ้าคิดเทียบอัตราค่าทองและเงินในปัจจุบัน ก็สามารถกำหนดราคาทองคำและเงิน โดยคำนวณเป็นเงินดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับภารกิจบางอย่าง ซึ่งอยู่ในฐานะของ สินไหมชดเชยการฆ่าผิดพลาด จำเป็นต้องจ่ายออกไปเป็นดิรฮัมและดินาร ซึ่งสามารถแบ่งได้หลายกรณีดังนี้ : 1.ถ้าหากผู้ตายเป็นชาย เป็นมุสลิม ...
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28625 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60821 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58513 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42922 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40539 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39526 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34678 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28751 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28625 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28600 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26512 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...