การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9347
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/10/22
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1086 รหัสสำเนา 17846
คำถามอย่างย่อ
เพราะสาเหตุอันใด มนุษย์จึงลืมเลือนอัลลอฮฺ?
คำถาม
เพราะสาเหตุอันใด มนุษย์จึงลืมเลือนอัลลอฮฺ?
คำตอบโดยสังเขป

การหยุแหย่ของชัยฏอนมารร้าย,เกี่ยวข้องทางโลกเท่านั้นอันเป็นความผิดที่เกิดจากความหลงลืม องค์พระผู้อภิบาล ซึ่งในทางตรงกันข้ามนมาซ, กุรอาน, การใคร่ครวญในสัญลักษณ์ต่างๆ ของพระเจ้า การใช้ประโยชน์จากเหตุผลและข้อพิสูจน์ สามารถฟื้นฟูการรำลึกถึงอัลลอฮฺในใจตัวเองให้มีชีวิตชีวาได้

การรำลึกถึงอัลลอฮฺมีมรรคผลมากมาย อาทิเช่น : 1-เท่ากับเป็นการเชื่อฟังปฏิบัติอัลลอฮฺ, 2-เป็นการนอบน้อมถ่อมตน, 3- เป็นการแสดงความรักในการอิบาดะฮฺ,4- สร้างความสงบและความมั่นใจ, 5- เป็นการทำให้อัลลอฮฺสนใจปวงบ่าว, 6- เป็นการแสดงความรักของอัลลอฮฺที่มีต่อปวงบ่าว และ ...

คำตอบเชิงรายละเอียด

โองการอัลกุรอานบ่งชี้ให้เห็นว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา, ผู้กระทำความผิด,ผู้ตั้งภาคีเทียบเคียงอัลลอฮฺ, คือผู้ที่หลงลืมการสร้างและวันฟื้นคืนชีพ ซึ่งจริงๆ แล้วคือผู้หลงลืมอัลลอฮฺ (ซบ.)

อัลกุรอาน กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า : สูเจ้าจงอย่าเป็นเฉกเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮ (ซึ่งอัลลอฮฺก็จะลืมเขาโดยไม่ให้เขาได้รับความเมตตาจากพระองค์) เพราะอัลลอฮจะทรงให้พวกเขาลืมตัวเอง ชนเหล่านั้นคือผู้ฝ่าฝืน[1]

เช่นเดียวกันโองการอื่นได้กล่าวคำพูดของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่กล่าวว่า : "จะไม่มีชีวิตอื่นใดอีกดอก นอกจากการมีชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายไปและเราจะมีชีวิตอยู่ และไม่มีสิ่งใดจะมาทำลายเราให้พินาศได้ นอกจากกาลเวลาเท่านั้น พวกเขาไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นดอก พวกเขาเพึยงแค่เดาเอาเอง[2]บุคคลเหล่านี้เขาได้ลืมอัลลอฮฺและมะอาดไปจนหมดสิ้น

อัลกุรอาน โองการอื่นกล่าวว่า : “(และจงกล่าวกับพวกเขาว่า) ดังนั้น พวกเจ้า (ชาวนรก) จงลิ้มรสเถิด เนื่องด้วยพวกเจ้าได้ลืมการชุมนุมกันในวันนี้ของพวกเจ้า, แท้จริง เราก็ลืมพวกเจ้าด้วย และพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษอย่างตลอดกาลตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เถิด[3]

อัลกุรอานอีกโองการหนึ่งกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า : “. และจะมีการกล่าวขึ้นว่า "วันนี้เราจะลืมพวกเจ้า เช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบกันในวันนี้ของพวกเจ้า และนรกคือที่พำนักของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะไร้ผู้ช่วยเหลือ"[4]

ประเด็นที่ได้รับจากโองการเหล่านี้คือ :

1- เมื่อพิจารณาคำว่า นิสยาน เข้าใจได้ว่า การรู้จักอัลลอฮฺคือธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ที่มีมาแต่ก่อนเก่า บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และผู้กระทำความผิดได้ลืมธรรมชาติดั้งเดิมของตนเอง เนื่องจากผลของความสกปรกโสมมจากการทำความผิด. อัลลอฮฺ (ซบ.) มิทรงใช้คำว่า นิสยาน (หลงลืม) กับผู้ศรัทธาหรือชาวคัมภีร์แม้แต่ครั้งเดียว. แต่สำหรับผู้ที่ลืมอัลลอฮฺ และวันฟื้นคืนชีพ, พระองค์จะใช้คำว่า นิสยาน กับพวกเขา พระองค์ตรัสว่า :เนื่องจากพวกเจาลืมอัลลอฮฺ และวันฟื้นคืนชีพ.

2- การหลงลืมอัลลอฮฺเท่ากับพวกเขาได้ลืมตัวเอง”,เหตุผลของประเด็นนี้ก็ชัดเจน, เนื่องจากด้านหนึ่งการลืมอัลลอฮฺเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ต้องตกอยู่ในความต่ำทราม มีความเพลิดเพลินกับความสุขแห่งวัตถุ กิเลสตัณหาเยี่ยงเดรัจฉาน, และหลงลืมเป้าหมายการสร้างตนเอง และในที่สุดแล้วเท่ากับตนหลงลืมการสั่งเสบียงไว้สำหรับวันฟื้นคืนชีพ

อีกด้านหนึ่งการลืมอัลลอฮฺ เท่ากับได้ลืมคุณลักษณะที่ดีและสะอาดของพระองค์จนหมดสิ้น ซึ่งการมีอยู่ของพระองค์นั้นสัมบูรณ์ ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงร่ำรวย และทรงเป็นองค์สุดท้าย ดังนั้นทุกสิ่งที่นอกเหนือไปจากพระองค์ต้องพึ่งพิงพระองค์ และขึ้นอยู่กับอาตมันสะอาดบริสุทธิ์ของพระองค์, ดังนั้น สิ่งนี้กลายเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์คิดว่าตนเป็นเอกเทศ มีความร่ำรวยและไม่ต้องการพึ่งพิงพระองค์, ฉะนั้น ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ได้ลืมชะตาชีวิตของตนเอง มิใช่ลืมอัลลอฮฺ[5]

3- โองการเหล่านี้ได้ยืนยันให้เห็นว่า การหลงลืมอัลลอฮฺมิใช่เพียงแค่มีความเป็นไปได้เท่านั้น แต่น่าเสียดายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สิ่งนี้กลายเป็นสาเหตุสำคัญของบททดลองมนุษย์ทั้งหมด มิหนำซ้ำมุสลิมบางกลุ่มชนก็ทำตนเยี่ยงนั้นด้วยเช่นกัน กล่าวคืออยู่ในเงื่อนไขของการลืมเลือนอัลลอฮฺ. เพียงแต่ว่าบางครั้งการลืมเลือนนี้จะมีตลอดไป ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นสาเหตุนำไปสู่การลงโทษในไฟนรกในปรโลก. ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า :อัลลอฮฺได้ทรงปิดผนึกหัวใจของพวกเขาและหูของพวกเขา และบนดวงตาของพวกเขานั้นก็มีเยื่อปกปิดอยู่ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันมหันต์[6] แต่บางครั้งการหลงลืมก็เป็นไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งพอจะมีความหวังได้ว่าสักวันเขาคงกลับไปสู่สภาพเดิมของตัวเอง และฟื้นฟูการรำลึกถึงอัลลอฮฺให้ตื่นในใจตัวเอง. อัลกุรอานกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า : แท้จริงบรรดาผู้ที่ยำเกรงนั้นเมื่อมีการยุยงใด  จากชัยฏอนประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็รำลึกได้ (รำลึกถึงอัลลอฮฺ ผลตอบแทน และการลงโทษ และในการรำลึกถึงพระองค์ทำให้เขาพบทางสว่าง) แล้วทันใดพวกเขาก็มองเห็น[7]

สาเหตุของการลืมเลือนอัลลอฮฺ :

1- ชัยฏอนคือตัวการสำคัญที่มีอิทธิพลทำให้มนุษย์ลืมเลือนอัลลอฮฺ. เกี่ยวกับประเด็นนี้อัลกุรอานกล่าวว่า : “ชัยฏอนได้เข้าไปครอบงำพวกเขาเสียแล้ว มันจึงทำให้พวกเขาลืมการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ชนเหล่านั้นคือบรรดาพรรคพวกของชัยฏอน พึงทราบเถิดว่า แท้จริงพรรคพวกของชัยฏอนนั้น พวกเขาเป็นผู้สูญเสีย[8]

ความพยายามทั้งหมดของชัยฏอนคือ การพยายามถอดถอนทุนของอัลลอฮฺออกไปจากมนุษย์ และบุคคลใดก็ตามที่ปล่อยทุนของอัลลอฮฺ ให้หลุดลอยมือไปเท่ากับเขาได้ลืมตัวเอง

2- การหลงโลกเป็นอีกตัวการหนึ่งที่สำคัญยิ่งในการทำให้มนุษย์ลืมอัลลอฮฺ, เนื่องจากความดึงดูดใจของโลก ปัจจัย และความซิวิไลซ์เป็นเหตุทำให้จิตใจของมนุษย์มืดบอด ด้วยเหตุนี้เอง ท่านอิมามอะลี (.) จึงกล่าวว่าไม่อาจไปถึงยังความใกล้ชิดอัลลอฮฺได้ เว้นเสียแต่ว่าได้ตัดขาดจากโลก[9]

3- ความผิดและการฝ่าฝืนคำสั่งขององค์พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกร เป็นเฉกเช่นม่านที่กั้นระหว่างอัลลอฮฺกับมนุษย์ และกลายเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ได้หลงลืมอัลลอฮฺ การสร้างตนเองไปจนหมดสิ้น ดังเช่นที่ได้กล่าวถึงคำกล่าวของท่านอิมามริฎอ (.) ที่ตอบคำถามของชายคนหนึ่งที่ถามว่า เพราะเหตุใดอัลลอฮฺจึงอยู่ในม่านกั้น? กล่าวว่า เป็นเพราะว่ามนุษย์ได้กระทำความผิดจำนวนมากมายนั่นเอง[10]

ในทางตรงกันข้ามเราต่างมีหน้าที่สำคัญคือ การรำลึกถึงอัลลอฮฺในจิตใจตนเสมอ เพราะเป็นการรักษาพลเมืองในสังคมให้มีชีวิตชีวาตลอดเวลา. ดังเช่นที่อัลลอฮฺตรัสว่า :บรรดาผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺทั้งในสภาพยืน และนั่ง และในสภาพที่นอนตะแคง[11] การฟื้นฟูการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ให้มีชีวิตชีวาเสมอนั้นให้กระทำเท่าที่สามารถเป็นไปได้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องมีรูปแบบอันเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด, และด้วยการมีอยู่ตามคำสอนของศาสนา สำหรับการทำให้การรำลึกถึงอัลลอฮฺมีชีวิตชีวา จึงได้นำเสนอรูปแบบอันเฉพาะเอาไว้ เฉกเช่น :

1- นมาซ, ดังที่ อัลกุรอานกล่าวว่า :จงดํารงไว้ซึ่งการนมาซ เพื่อรำลึกถึงฉัน[12]

2- สร้างสัมพันธ์กับอัลกุรอาน, อัลลอฮฺ ตรัสว่า :สิ่งนั้นเราอ่านมันให้เจ้าฟัง อันได้แก่สัญลักษณ์ต่าง  (ที่บ่งบอกถึงความจริงของเจ้า) และเป็นคําเตือนรำลึกที่รัดกุมชัดเจน[13]

4-การใคร่ครวญในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน (สัญลักษณ์ของพระเจ้า) อัลกุรอานกล่าวว่า :พวกเขาพินิจพิจารณากันในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน (และกล่าวว่า) พระผู้อภิบาลของพวกข้าฯ พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างสิ่งนี้มาโดยไร้สาระ พระพิสุทธิคุณแห่งพระองค์ โปรดคุ้มครองพวกข้าฯให้พ้นจากการลงโทษแห่งเพลิงนรกด้วยเถิด"[14]

4-การใส่ใจในพระลักษณะของพระเจ้า, อัลลอฮฺตรัสว่า :บูรพาทิศและประจิมทิศเป็นของอัลลอฮฺ หนทางใดที่สูเจ้าผินหน้าของสูเจ้าไปอัลลอฮฺก็ทรงอยู่ที่นั่น แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงกว้างขวาง พระผู้ทรงรอบรู้[15] เนื่องจากอัลลอฮฺ ทรงมีอยู่ทุกที่, ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะผินหน้าไปทางไหนก็ตาม, ก็จะเห็นพระองค์ทรงอยู่  ที่นั่น. ผลลัพธ์ก็คือเราต้องระมัดระวังตนเองเพื่อจะได้ไม่เผลอกระทำความผิด

การรำลึกถึงอัลลอฮฺ มีผลบุญและผลานิสงส์อันมากมาย อาทิเช่น :

1- เท่ากับเป็นการเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ

2- เท่ากับเป็นการนอบน้อมถ่อมตนในการยอมรับความจริง เพราะโดยแก่นแล้วมนุษย์คือบ่าวผู้อ่อนแอ

3- แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อการอิบาดะฮฺ

4- สร้างความสงบมั่นแก่จิตใจ

5- ดึงดูดความรักและความเอาใจใส่ของอัลลอฮฺมายังตน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนคงจะได้รับประโยชน์จากความจำเริญในการรำลึกถึงอัลลอฮฺ



[1] อัลกุรอาน บทฮัชรฺ โองการที่ 19 กล่าวว่า : "وَ لا تَکُونُوا کَالَّذینَ نَسُوا اللَّهَ فَأَنْساهُمْ أَنْفُسَهُمْ أُولئِکَ هُمُ الْفاسِقُونَ" และบทเตาบะฮฺ โองการ 67, บทยาซีน โองการ 78

[2] อัลกุรอาน บทญาซียะฮฺ โองการที่ 24 กล่าวว่า :

 "وَ قالُوا ما هِیَ إِلاَّ حَیاتُنَا الدُّنْیا نَمُوتُ وَ نَحْیا وَ ما یُهْلِکُنا إِلاَّ الدَّهْرُ وَ ما لَهُمْ بِذلِکَ مِنْ عِلْمٍ إِنْ هُمْ إِلاَّ یَظُنُّونَ

[3] อัลกุรอาน บทซัจญฺดะฮฺ โองการที่ 14,

[4] อัลกุรอาน บทญาซียะฮฺ โองการที่ 34.

[5] ตัฟซีร เนะมูเนะฮฺ, เล่ม 23, หน้า 541.

[6] อัลกุรอาน บทบะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 7, กล่าวว่า : "خَتَمَ اللَّهُ عَلى‏ قُلُوبِهِمْ وَ عَلى‏ سَمْعِهِمْ وَ عَلى‏ أَبْصارِهِمْ غِشاوَةٌ وَ لَهُمْ عَذابٌ عَظیمٌ"

[7] อัลกุรอาน บทอะอฺรอฟ โองการที่ 201, และบทอาลิอิมรอน, โองการ 135 กล่าวว่า : 

" الَّذینَ اتَّقَوْا إِذا مَسَّهُمْ طائِفٌ مِنَ الشَّیْطانِ تَذَکَّرُوا فَإِذا هُمْ مُبْصِرُونَ".

[8] อัลกุรอาน บทมุญาดะละฮฺ โองการที่ 19 กล่าวว่า :

"اسْتَحْوَذَ عَلَیْهِمُ الشَّیْطانُ فَأَنْساهُمْ ذِکْرَ اللَّهِ أُولئِکَ حِزْبُ الشَّیْطانِ أَلا إِنَّ حِزْبَ الشَّیْطانِ هُمُ الْخاسِرُون".

[9] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ, คำเทศนาที่ 193, " وَ لَا یُنَالُ مَا عِنْدَهُ إِلَّا بِتَرْکِهَا".

[10] เชคซะดูก, อัตเตาฮีด, พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ ญามิอฺมุดัรริซีน กุม, ปี .. 1398, (1357) หน้า 252, จากท่านอิมามริฎอ (.) กล่าวว่า :

قال الرجل فلم احتجب فقال أبو الحسن ع إن الاحتجاب عن الخلق لکثرة ذنوبهم.

[11] อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 191 กล่าวว่า : "الَّذینَ یَذْکُرُونَ اللَّهَ قِیاماً وَ قُعُوداً وَ عَلى‏ جُنُوبِهِمْ"

[12] อัลกุรอาน บทฏอฮา โองการที่ 14 กล่าวว่า : "أَقِمِ الصَّلاةَ لِذِکْری".  

[13] อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 581 กล่าวว่า : "ذلِکَ نَتْلُوهُ عَلَیْکَ مِنَ الْآیاتِ وَ الذِّکْرِ الْحَکیمِ"

[14] อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที่ 191 กล่าวว่า : "یَتَفَکَّرُونَ فی‏ خَلْقِ السَّماواتِ وَ الْأَرْضِ رَبَّنا ما خَلَقْتَ هذا باطِلاً سُبْحانَکَ فَقِنا عَذابَ النَّارِ".

[15] อัลกุรอาน บทบะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 115 กล่าวว่า : "وَ لِلَّهِ الْمَشْرِقُ وَ الْمَغْرِبُ فَأَیْنَما تُوَلُّوا فَثَمَّ وَجْهُ اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ واسِعٌ عَلیمٌ".

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • หากประสบกับภาวะน้ำแพง จะอาบน้ำยกหะดัสใหญ่อย่างไร?
    8439 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    โดยปกติแล้วการทำอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ถือเป็นมุสตะฮับแต่จะเป็นวาญิบต่อเมื่อต้องทำนมาซฟัรดูหรืออิบาดะฮ์อื่นๆ[1]แต่ถ้าหากน้ำที่ใช้เพื่ออาบน้ำยกหะดัสใหญ่นั้นมีราคาสูงเสียจนอาจสร้างปัญหาแก่คุณในแง่ทุนทรัพย์ในกรณีเช่นนี้การหาน้ำและการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ก็ไม่เป็นวาญิบอีกต่อไปและสามารถทำตะยัมมุมแทนได้[2]ควรใช้น้ำสำหรับการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่เท่าที่ความสามารถของท่านจะอำนวยฉะนั้นการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่กับน้ำนั้นจะเป็นวาญิบเฉพาะกรณีที่เงื่อนไขด้านน้ำเอื้ออำนวยเท่านั้นอนึ่งหากในหนึ่งวันท่านสามารถอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ได้เพียงครั้งเดียวท่านสามารถเลื่อนการนมาซซุฮริ-อัซริออกไปและอาบน้ำยกหะดัสใหญ่เพื่อให้สามารถทำนมาซซุฮ์ริ, อัซริ, มักริบและอีชาด้วยกับการอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ครั้งเดียวได้และหากท่านสามารถอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ได้๒ครั้งให้อาบน้ำยกหะดัสใหญ่สำหรับนมาซซุบฮิหนึ่งครั้งและทำอาบน้ำยกหะดัสใหญ่สำหรับนมาซ๔เวลาที่เหลือดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น (โดยเลื่อนการนมาซซุฮริและอัศริออกไปจนใกล้ถึงเวลานมาซมักริบและอิชา)[1]ประมวลปัญหาศาสนาโดยบรรดามัรญะอ์,เล่ม 1,
  • เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น,อิสลามมีทัศนะอย่างไรบ้าง?
    12982 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/06/22
    แนวคิดที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนเส้นทางช้างเผือกหรือดาวเคราะห์ดวงอื่นหรือมีสิ่งมีสติปัญญาอื่นอยู่อีกหรือไม่, เป็นหนึ่งในคำถามที่มนุษย์เฝ้าติดตามค้นหาคำตอบอยู่จนถึงปัจจุบันนี้, แต่ตราบจนถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอน. อัลกุรอานบางโองการได้กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตอื่นในชั้นฟ้าเอาไว้อาทิเช่น1. ในการตีความของคำว่า “มินดาบะติน” ในโองการที่กล่าวว่า :”และหนึ่งจากบรรดาสัญญาณ (อำนาจ) ของพระองค์คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่ (ประเภท) มีชีวิตทั้งหลายพระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองและพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงประสงค์”
  • การโอนถ่ายพลังจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งนั้นเป็นที่ยอมรับในศาสนาอิสลามหรือไม่? ประเด็นนี้มีฮุกุมเช่นไร?
    6806 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/19
    เรื่องนี้รวมถึงการรักษาและผลพวงที่ว่ากันว่าจะได้รับจากการรักษาดังกล่าวยังไม่อาจพิสูจน์ได้ และอาจจะเป็นไปได้ว่าผู้ที่อยู่ในวงการนี้อาจจะอุปทานไปเอง ดังนั้นบรรดามะรอญิอ์ตักลีดก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเป็นประเด็นที่ยังมีความคลุมเคลืออยู่ อย่างไรก็ตามคำตอบของบรรดามัรญิอ์ตักลีดท่านอื่นเกี่ยวกับคำถามนี้มีดังนี้ สำนักงานของท่านอายาตุลลอฮ์ อัลอุซมา มะการิม ชีรอซี ประเด็นหลักของการรักษาทางพลังเอเนรจีนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากจะต้องขึ้นอยู่กับการกระทำฮะรอมถือว่าไม่อนุญาต คำตอบของท่านอายาตุลลอฮ์ มะฮ์ดี ฮาดะวี เตหะรานี มีดังนี้ การกระทำนี้ โดยตัวของมันเองแล้วนั้นถือว่าไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด ยกเว้นกรณีที่กระทำด้วยปัจจัยที่เป็นฮะรอม เช่นการถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอม ฯลฯ ซึ่งไม่เป็นที่อนุญาต ทว่าหากการนำเสนอประเด็นนี้เป็นพื้นฐานในการสร้างความเชื่อที่ผิด ๆ และผู้นำเสนอในประเด็นดังกล่าวจะแอบอ้างว่าตนมีพลังและความสามารถที่พิเศษเหนือมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเบี่ยงเบนและหันเหไปทางที่ผิดทางความคิดในสังคมนั้น ก็จะถือว่าประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ฮะรอม หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง คำถามที่ 4864 (ลำดับในเว็บไซต์ ...
  • เป็นไปได้ไหมที่จะอธิบาย อัรบะอีน, อิมามฮุซัยนฺ ให้ชัดเจน?
    9464 اربعین 2555/05/20
    เกี่ยวกับพิธีกรรมอัรบะอีน, สิ่งที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรฒศาสนาของเรา, คือการรำลึกถึงช่วง 40 วัน แห่งการเป็นชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซัยยิดุชชุฮะดา ซึ่งตรงกับวันที่ 20 เดือนเซาะฟัร, ท่านอิมามฮะซันอัสการียฺ (อ.) ได้กล่าวถึงสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา »มุอฺมิน« ไว้ 5 ประการด้วยกัน กล่าวคือ : การดำรงนมาซวันละ 51 เราะกะอัต, ซิยารัตอัรบะอีน, สวมแหวนทางนิ้วมือข้างขวา, เอาหน้าซัจญฺดะฮฺแนบกับพื้น และอ่านบิสมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม ในนมาซด้วยเสียงดัง[1] ทำนองเดียวกันนักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ อันซอรียฺ,พร้อมกับอุฏ็อยยะฮฺ เอาฟีย์ ประสบความสำเร็จต่อการเดินทางไปซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) หลังจากถูกทำชะฮาดัตในช่วง 40 วันแรก
  • มีข้อแนะนำใดบ้างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนคลอดบุตร?
    13534 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/21
    มีข้อแนะนำบางอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตรอาทิเช่นปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอนบริโภคอาหารที่ฮะลาลและสะอาดโดยเฉพาะผลไม้นานาชนิดเข้ารับการตรวจโรคทางพันธุกรรมงดความเครียด  มองทิวทัศน์ที่สวยงามรักษาสุขอนามัยออกกำลังกายฯลฯหากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ครบถ้วนก็จะทำให้มีสมาชิกครอบครัวที่มีสุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิตส่งผลให้สังคมก้าวสู่ความผาสุกในอุดมคติ ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
    7358 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/10
    แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้กามิลุซซิยารอตประพันธ์โดยญะฟัรบินมุฮัมมัดบินกุละวัยฮ์กุมี (เสียชีวิตฮ.ศ.348) และมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนของเชคฏูซี (ฮ.ศ.385-460) ตามหลักบางประการแล้วสายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้นต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงานซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษหนึ่ง:น่าเชื่อถือ
  • มนุษย์จะเป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺได้อย่างไร ?
    9336 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/03/08
     การมิตรกับพระเจ้าสามารถจินตนาการได้ 2 ลักษณะดังต่อไปนี้ (1) ความรักของปวงบ่าวที่ต่อพระเจ้าและการที่พระองค์เป็นที่รักยิ่งของปวงบ่าว (2) ความรักของพระเจ้าที่มีต่อปวงบ่าวและการที่บ่าวเป็นที่รักยิ่งของพระองค์แน่นอนคำถามมักเกิดขึ้นกับประเด็นที่สองเสมอแน่นอนสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งสิ้นหรือเป็นผลที่เกิดจากงานสร้างของพระองค์ทุกสิ่งล้วนเป็นที่รักสำหรับพระองค์
  • อิสลามและอิมามโคมัยนีมีทัศนคติอย่างไรเกี่ยวกับการหยอกล้อและการพักผ่อนหย่อนใจ?
    7602 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/20
    เป้าประสงค์ของการสร้างมนุษย์ตามทัศนะของอิสลามคือการอำนวยให้มนุษย์มีพัฒนาการเพราะทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายดังกล่าวทั้งนี้เนื่องจากมนุษย์คือสิ่งถูกสร้างที่ประเสริฐสุดดังที่กุรอานกล่าวว่า "ข้ามิได้สร้างมนุษย์และญินมาเพื่ออื่นใดเว้นแต่ให้สักการะภักดีต่อข้า"[i] นักอรรถาธิบาย(ตัฟซี้ร)ลงความเห็นว่าการสักการะภักดีในที่นี้หมายถึงภาวะแห่งการเป็นบ่าวซึ่งเป็นปัจจัยสำหรับพัฒนาการที่แท้จริงของมนุษย์เพื่อการนี้อิสลามให้ความสำคัญต่อทั้งด้านร่างกายและจิตใจมนุษย์ดังที่อิมามอลี(อ.)กล่าวไว้ว่าผู้ที่มีอีหม่านจะต้องมีสามช่วงเวลาในแต่ละวันของเขา: ส่วนหนึ่งสำหรับการอิบาดะฮ์ส่วนหนึ่งสำหรับการทำมาหากินและกิจการทางโลกส่วนหนึ่งสำหรับความบันเทิงที่ฮะล้าลและใช้ประโยชน์จากความโปรดปรานของพระองค์โดยที่ส่วนสุดท้ายจะช่วยให้สองส่วนแรกเป็นไปอย่างราบรื่น[ii]อิสลามไม่เคยคัดค้านการพักผ่อนหย่อนใจหรือการหยอกล้อที่ถูกต้องไม่เคยห้ามว่ายน้ำในทะเลซ้ำบรรดาอิมาม(อ.)ได้สอนสาวกให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเชิงปฏิบัติท่านนบี(ซ.ล.)เองก็เคยหยอกล้อกับมิตรสหายเพื่อให้มีความสุขท่านอิมามโคมัยนีไม่เคยคัดค้านการพักผ่อนหย่อนใจและการหยอกล้อที่อยู่ในขอบเขตท่านกล่าวเสมอว่าการพักผ่อนหย่อนใจควรเป็นไปอย่างถูกต้องท่านไม่เคยคัดค้านรายการบันเทิงตามวิทยุโทรทัศน์บางครั้งท่านชื่นชมยกย่องทีมงานของรายการต่างๆเหล่านี้ด้วยแต่ท่านก็ให้คำแนะนำอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับประเด็นนี้โดยถือว่าทุกรายการจะต้องมีจุดประสงค์เพื่อรับใช้อิสลามและแฝงไว้ซึ่งคำสอนทางจริยธรรมอย่างไรก็ดีการที่จะศึกษาทัศนะของอิมามโคมัยนีนั้นจำเป็นต้องอ้างอิงจากเว็บไซต์ของศูนย์เรียบเรียงและเผยแพร่ผลงานของอิมามโคมัยนีหรือหาอ่านจากหนังสือชุดเศาะฮีฟะฮ์นู้รตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ (เปอร์เซีย)http://www.imam-khomeini.org/farsi/main/main.htm[i]ซูเราะฮ์
  • เมืองมะดีนะถูกสร้างขึ้นเมื่อใด?
    11244 ประวัติสถานที่ 2557/02/16
    นครมะดีนะฮ์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอรับ และตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนครมักกะฮ์อันทรงเกียรติ โอบล้อมด้วยหินกรวดทางทิศตะวันออกและตะวันตก เมืองนี้มีภูเขาหลายลูก อาทิเช่น ภูเขาอุฮุดทางด้านเหนือ ภูเขาอัยร์ทางใต้ ภูเขาญะมะรอตทางทิศตะวันตก มะดีนะฮ์มีหุบเขาในเมืองสามแห่งด้วยกัน คือ 1. อะกี้ก 2. บัฏฮาต 3. เกาะน้าต[1] เกี่ยวกับการสถาปนานครมะดีนะฮ์นั้น สามาถวิเคราะห์ได้สองช่วง 1. ก่อนยุคอิสลาม 2. หลังยุคอิสลาม 1. ก่อนยุคอิสลาม กล่าวกันว่าภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในยุคของท่านนบีนู้ห์ (อ.) มีผู้อยู่อาศัยในนครยัษริบ (ชื่อเดิมของมะดีนะฮ์) สี่กลุ่มด้วยกัน 1.1. ลูกหลานของอะบีล ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากสำเภาของท่านนบีนูห์ที่เทียบจอด ณ ภูเขาอารารัต ได้ตั้งถิ่นฐาน ณ เมืองยัษริบ ซึ่งเมืองยัษริบเองก็มาจากชื่อของบรรพชนรุ่นแรกที่ตั้งรกราก นามว่า ยัษริบ บิน อะบีล บิน เอาศ์ ...
  • เพราะเหตุใดอัลลอฮฺ (ซบ.) จึงทรงสร้างชัยฏอน?
    10426 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    ประการแรก: บทบาทของชัยฏอนในการทำให้มนุษย์หลงผิดและหลงทางออกไปนั้นอยู่ในขอบข่ายของการเชิญชวนประการที่สอง : ความสมบูรณ์นั้นจะอยู่ท่ามกลางการต่อต้านและสิ่งตรงกันข้ามด้วยเหตุผลนี้เองการสร้างสรรพสิ่งเช่นนี้ขึ้นมาในระบบที่ดีงามมิได้เป็นสิ่งไร้สาระและไร้ความหมายแต่อย่างใดทว่าถูกนับว่าเป็นรูปโฉมหนึ่งจากความเมตตาและความดีของพระเจ้า ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60824 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58519 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42923 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40552 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39533 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34680 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28753 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28633 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28607 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26518 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...