การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
12757
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/04/21
 
รหัสในเว็บไซต์ th13399 รหัสสำเนา 13579
หมวดหมู่ เทววิทยาใหม่
คำถามอย่างย่อ
สรรพสัตว์นั้นมีจิตวิญญาณหรือไม่ ถ้าหากมีชีวิตของสัตว์กับมนุษย์แตกต่างกันอย่างไร
คำถาม
สรรพสัตว์นั้นมีจิตวิญญาณหรือไม่ ถ้าหากมีชีวิตของสัตว์กับมนุษย์แตกต่างกันอย่างไร
คำตอบโดยสังเขป

ก่อนที่จะเข้าเรื่องสิ่งจำเป็นที่ต้องกล่าวถึงคือ พื้นฐานของคำตอบที่จะนำเสนอนั้นวางอยู่บนพื้นฐานของ ฮิกมัต มุตะอาลียะฮฺ (ฟัลซะฟะฮฺ ซ็อดรออีย์) ดังนั้น ในทัศนะดังกล่าวเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่เราจะกล่าวถึงนั้น จึงแบ่งเรื่องหลักออกเป็น 2 ส่วน และรายละเอียดเรื่องรองอีกสองสามเรื่องด้วยกัน

ในส่วนแรก เริ่มต้นด้วยหัวข้อว่าการมีชีวิตอยู่ในสรรพสัตว์ซึ่งจะกล่าวอธิบายถึงประเด็นต่อไปนี้

1. ในแงปรัชญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ชีวิตของสรพสัตว์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบแน่นอนที่ได้กล่าวนามถึง แม้ว่าองค์ประกอบแต่ละประเภทจะมีความพิเศษในตัวเองก็ตาม และจากสาเหตุนี้เองที่ทำให้สิ่งนั้นมีความพิเศษกว่าสิ่งอื่น

2. บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย เนื่องจากมีชีวิตของความเป็นสัตว์อยู่ในตัว ถ้าสมมุติว่าเราจะตั้งสมมุติฐานว่าสัตว์ไม่มีชีวิต มันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากสภาพก่อนหน้าที่จะเป็นสัตว์ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สัตว์ไม่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกเลย

3. จำนวนของสรรพสัตว์ เช่น ผึ้ง แมงมุม และฯลฯ บางครั้งจะเห็นร่องรอยการมีชีวิตของพวกมันได้อย่างชัดเจน

4. นักวิชาการได้กล่าวถึงการมีชีวิตในสรรพสัตว์ในแง่ของวิชาการ จากสิ่งที่ได้ค้นคว้าและวิจัยออกมา เช่น ความรู้ประจักษ์ของสัตว์ถึงการมีอยู่ของตัวเอง หรือการแทรกแซงความต้องการในกริยาของสรรพสัตว์ หรือการรวมรวบชีวิตสรรพสัตว์ในโลกอื่น ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้บ่งบอกให้เห็นถึงชีวิตที่มีอยู่ในบรรดาสรรพสัตว์

5. เหตุผลที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตอยู่ในสรรพสัตว์ หรือการสัมพันธ์ไปยังการรับรู้และความรู้สึกในรูปลักษณ์ของตัวอย่าง โดยสรรพสัตว์เหล่านั้น ตลอดจนการแสดงออกและร่องรอยต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันของสัตว์เหล่านั้น

ประเด็นที่สอง ภายใต้หัวข้อที่ว่า ชีวิตที่แตกต่างระหว่างสรรพสัตว์กับมนุษย์ ประกอบด้วย

ชีวิตมนุษย์และสัตว์ถ้าหากจะพิจารณาด้านกายภาพแล้วจะเห็นว่ามีความแตกต่างกัน องค์ประกอบด้านกายภาพของมนุษย์นั้นมีความสมบูรณ์มากกว่าสัตว์ และทำนองเดียวกันในแง่ของชีวิตทั้งสองก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ พื้นฐานความแตกต่างของมนุษย์กับสรรพสัตว์ เช่น มนุษย์มีศักยภาพในการสนทนา โดยใช้ประโยชน์จากพยัญชนะ คำ อักษร ความคิด และ ...เขาได้ถ่ายถอดสิ่งนั้นไปสู่คนอื่น หรือผลต่างๆ ด้านจิตวิทยาของเขาที่เผชิญอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่แตกต่างกัน เช่น หัวเราะ ร้องไห้ และ ฯลฯ

หรือการมีเทคโนโลยี ศิลปะ สถานภาพ และความสามารถของมนุษย์ ซึ่งไม่มีอยู่ในโลกของสรรพสัตว์ ทำนองเดียวกันความแตกต่างที่ว่า อะไรคือชีวิตของมนุษย์และสรรพสัตว์ ในแง่นี้จะเห็นว่าชีวิตมนุษย์นั้นเป็น ภูมิปัญญา ส่วนชีวิตของสรรพสัตว์นั้นเป็นจินตนาการ นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วความอดทนและความสามารถของบรรดาสรรพสัตว์ ยังเป็นสิ่งช่วยขจัดความต้องการต่างๆ ในแง่กายภาพและการขยายชีวิตมนุษย์ในยาวออกไป ในแง่ของวิชาการความรู้ จนกระทั่งถึงขั้นสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

คำตอบเชิงรายละเอียด

คำถามข้างต้น ได้รับการวิเคราะห์บนพื้นฐานของปรัชญา ซ็อดรอ และฮิกมัต มุตะอาลียะฮฺ ซึ่งจะเห็นว่าผลงานต่างๆ ของมัรฮูมมุลลาซ็อดรอ และบรรดาสานุศิษย์ของท่านเกี่ยวกับเรื่องชีวิต มะอาด ความรู้และการับรู้ หรือที่รู้จักกันในนามของ การรู้จักนั้น ได้ถูกถ่ายทอดสู่สังคมทั้งโดยการอ้างอิงถึง หรือโดยละเอียดมีจำนวนมากมาย ประเด็นที่สามารถอธิบายได้เกี่ยวกับ การมีชีวิตอยู่ในสรรพสัตว์ ได้ถูกแบ่งเป็นหัวข้อหลักไว้ 2 ประการ และหัวข้อย่อยอีก 5 ประการ หลังจากนั้นได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตของสรรพสัตว์กับชีวิตของมนุษย์:

. หลักของการมีชีวิตอยู่ในสรรพสัตว์

1. ชีวิตของสรรพสัตว์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของชีวิตบนโลกนี้

ปกติทั่วไป การวิพากษ์ในประเด็นของปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ทุกที่เมื่อได้มีการนำเสนอการตีความ ชีวิตของสรรพสัตว์ มนุษย์ และวัตถุทั้งหลายจะถูกนับว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่กล่าวถึง แม้ว่าองค์ประกอบแต่ส่วนเหล่านั้น จะมีคุณลักษณะพิเศษอันเฉพาะสำหรับตน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างพวกเขากับสิ่งอื่น แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดมีแก่นแห่งความจริงแท้ และองค์รูปที่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือชีวิตที่เป็นนามธรรมมิใช้กายภาพ ซี่งอวัยวะทุกส่วนของมันก็เป็นนามธรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่เป็นภูมปัญญาและอวัยวะก็เป็นภูมิปัญญา หรือชีวิตที่เป็นสัตว์เดรัจฉานซึ่งอวัยวะทั้งหมดนั้นเป็นตัวอย่าง (บางครั้งอาจเป็นพืชซึ่งองค์ประกอบของมันก็ต้องมาจากสิ่งเดียว)

2. การให้ชีวิตสรรพสัตว์ ขั้นหนึ่งจากขั้นตอนที่เป็นการสร้างจากโลกของวัตถุ

มุลลาซ็อดรอ คือบุคคลที่เชื่อว่าการสร้างสิ่งที่เป็นวัตถุขึ้นอยู่กับขั้นตอน ซึ่งนับจากขั้นตอนที่เล็กและง่ายที่สุดของสรรพสิ่ง จนกระทั่งถึงขั้นตอนของการผสมเข้ากันอย่างสมบูรณ์

บางครั้งขั้นตอนเหล่านี้เพียงแค่ผสมเข้ากันเพียงอย่างเดียว ถือว่าไม่เข้ากันแต่อย่างใด ซึ่งความสมบูรณ์ของขั้นตอนนั้นและการกำเนิดของสรรพสิ่งอันเป็นความเฉพาะที่ส่งเสริมระบบการสร้าง มีความต้องการในแหล่งพลังที่มิใช่วัตถุแต่เป็นพลังผสม[1] เช่น ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนการกำเนิดสรรพสัตว์ พลังที่เข้าร่วมในขั้นตอนนี้และทำให้มีสรรพสัตว์เกิดขึ้นมาคือ ชีวิตของสัตว์ ดังนั้น มิใช่สัตว์เพียงอย่างเดียวที่มีชีวิต ทว่าถ้าปราศจากชีวิตของสัตว์ สัตว์จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด การที่ชีวิตได้เข้าร่วมกับสารประกอบของวัตถุเป็นหนึ่งในความเฉพาะของโลกแห่งวัตถุ[2]

และกฎเกณฑ์นั้นเองที่ได้ใช้กับมนุษย์และพืช พลังที่นอกเหนือจากวัตถุ หรือพลังจิต มีจุดที่แตกต่างกันของสิ่งที่มีอยู่ในแง่ของวัตถุ ซึ่งบางส่วนจากสิ่งเหล่านั้น เช่น หิน เป็นต้น แต่บางครั้งการมีอยู่ของบางสิ่งก็มีความแตกต่างกัน ในขั้นของจิตวิญญาณของสรรพสิ่งที่มีจิตวิญญาณเหล่านั้น ชีวิตของพืชเป็นสิ่งที่มีอยู่ชนิดต่ำสุด ส่วนชีวิตของมนุษย์นั้นสูงส่งที่สุด ส่วนชีวิตของสรรพสัตว์อยู่ในระดับกลาง

3. ตัวอย่างต่างๆ ภายนอกของชีวิตในบรรดาสรรพสัตว์ 

การปรากฏร่องรอยของสรรพสัตว์บางชนิด เหมือนกับการสร้างรวงรังหกเหลี่ยมของผึ้ง หรือการทักทอใยแมงมุมโดยแมงมุมทั้งหลาย การลอกเรียนแบบจากมนุษย์ทั้งนกแก้ว และลิง หรือคุณลักษณะพิเศษบางประการ เช่น ความสง่างามของม้า หรือการเป็นเจ้าป่าของสิงโต ความซื่อสัตย์ของสุนัข เล่ห์เหลี่ยมของสุนัขจิ้งจอก และ ฯลฯ ในมุมมองของมุลลาซ็อดรอ สิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงความรู้สึกในสัตว์ หรือแม้แต่ระดับของสรรพสัตว์เหล่านั้น บางครั้งก็มีความใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์[3] 

4. หลักฐานด้านวิชาการที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตในสรรพสัตว์

บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายมีชีวิตที่เป็นจินตนาการ ซึ่งคล้ายกับชีวิตของมนุษย์อยู่ในสภาพของนามธรรม[4] ชีวิตของสรรพสัตว์อยู่ในสภาพนามธรรมบัรซัคคีและมิซอลลีเท่านั้น กล่าวคืออยู่ในระดับของโลกแห่งความรู้สึกและสติปัญญาเท่านั้น ระดับสุดท้ายของสัตว์คือ การจินตนาการเท่านั้น ดังนั้น ในความเป็นจริงชีวิตของสรรพสัตว์จึงเป็นได้แค่การจินตนาการ และเนื่องจากเป็นนามธรรมรวมกับพลังที่อยู่ด้านในของตน ทำให้เกิดศักยภาพพอที่จะมีความรู้ประจักษ์เมื่อสัมพันธ์ไปยังตนเอง[5] ขณะที่ไม่สิ่งใดที่เป็นวัตถุมีความสามารถพอที่จะมีศักยภาพเช่นนี้ได้

ในทัศนะของมัรฮูม มุลลาซ็อดรอ เชื่อว่าภารกิจทั้งหมดบนโลกนี้ได้ทุกกระทำขึ้นตามความประสงค์ แม้กระทั่งพืช และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพียงแต่ว่าความประสงค์นี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าสติปัญญาและชีวิต ส่วนพืชและหินเป็นไปโดยการกำหนด ภายใต้ความประสงค์ แต่ในสรรพสัตว์และมนุษย์วางอยู่บนพื้นฐานของงาน จนกระทั่งไปถึงระดับของความประสงค์ หลังจากนั้น จึงได้กระทำโดยผ่านจิตวิญญาณของสิ่งเหล่านั้น และเนื่องจากการกระทำของสรรพสัตว์และมนุษย์มีความหลากหลาย ขณะที่ในพืชและหินนั้นมีบริบทอันเดียวกัน[6] ปฏิกิริยาของสรรพสัตว์คือ การจินตนาการส่วนในมนุษย์คือสติปัญญาและการกระทำ[7] ดังนั้นทั้งการจินตนาการ การคิด สติปัญญา และความประสงค์ ทั้งหมดเล่านี้ถือว่าเป็นตัวอย่างชีวิต และเป็นหนึ่งในการมีอยู่ที่แตกต่างกันของสรรพสิ่งมีชีวิต กับสรรพสิ่งที่ไร้ชีวิต

นอกจากนั้นแล้ว บนพื้นฐานของโลกแห่งชีวิตสามารถย้อนกลับไปสู่มะอาด การรวมตัวของร่างกายและจิตวิญญาณของสรรพสิ่งที่มีชีวิต ด้วยเหตุนี้เอง บุคคลที่กล่าวถึงเรื่องมะอาดจึงได้มีบทเฉพาะการ ที่กล่าวถึงเรื่องมะอาดของชีวิตสรรพสัตว์ เงื่อนไข และรายละเอียดของการย้อนกลับ

5. เหตุผลที่บ่งบอกถึงมีการมีอยู่ของชีวิตในบรรดาสรรพสัตว์

บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นมีชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งนามธรรม เนื่องจากสัตว์นั้นมีพลังแห่งการจินตนาการในตัว มันจึงสามารถรับรู้ถึงความคล้ายเหมือนและรูปร่างบางอย่างได้ ซึ่งรูปลักษณ์เหล่านั้นไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้สึก ดังนั้น สิ่งดังกล่าวจึงไม่ได้อยู่ในโลก (หมายถึงไม่ได้จัดอยู่ในสิ่งที่เป็นวัตถุ) ฉะนั้น ประเด็นของรูปลักษณ์เหล่านี้ความเข้าใจและการมีอยู่ของมันก็ไม่สามารถบ่งชี้ได้ 

ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จะต้องชำระคุมุสกรณีของทุนทรัพย์ด้วยหรือไม่?
    5764 تاريخ بزرگان 2555/04/16
    ทัศนะของบรรดามัรญะอ์เกี่ยวกับคุมุสของทุนทรัพย์มีดังนี้ ในกรณีที่บุคคลได้จัดหาทุนทรัพยจำนวนหนึ่ง แต่หากต้องชำระคุมุสจะไม่สามารถทำมาหากินด้วยทุนทรัพย์ที่คงเหลือได้ อยากทราบว่าเขาจะต้องชำระคุมุสหรือไม่? มัรญะอ์ทั้งหมด (ยกเว้นท่านอายะตุลลอฮ์วะฮีด และอายะตุลลอฮ์ศอฟี) ให้ทัศนะว่า หากการชำระคุมุสจำนวนดังกล่าวทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ (แม้จะชำระเป็นงวดก็ตาม) ถือว่าไม่จำเป็นต้องชำระคุมุสนั้น ๆ[1] อายะตุลลอฮ์ศอฟีย์และอายะตุลลอฮ์วะฮีดเชื่อว่าจะต้องชำระคุมุส แต่สามารถเจรจาผ่อนผันกับทางผู้นำทางศาสนา[2] ท่านอายะตุลลอฮ์นูรี, ตับรีซี, บะฮ์ญัตให้ทัศนะไว้ว่า ในส่วนของทุนทรัพย์ที่จำเป็นสำหรับการทำมาหากินนั้น ไม่จำเป็นจะต้องชำระคุมุส แต่หากมากกว่านั้น ถือว่าจำเป็นที่จะต้องชำระ[3] แต่ทว่าหากซื้อที่ดินนี้ด้วยกับเงินที่ชำระคุมุสแล้ว หรือได้ซื้อหลังจากปีคุมุสได้ผ่านพ้นไปแล้ว หรือได้ซื้อหลังจากปีคุมุสและขายไปก่อนที่จะถึงปีคุมุสหน้า ก็ไม่จำเป็นจะต้องชำระคุมุสแต่อย่างใด ทว่าหากได้กำไรจากการซื้อขายที่ดินดังกล่าว หากหลงเหลือจนถึงปีคุมุสถัดไปจำเป็นที่จะต้องชำระคุมุสด้วย
  • อัลกุรอาน บทนิซาอฺ โองการที่ 29 กล่าวว่า(... إِلاَّ أَن تَكُونَ تِجَارَةً عَن تَرَاضٍ مِّنكُمْ): ทำไมจึงกล่าวว่า تَرَاضٍ مِّنكُمْ ความพอใจในหมู่สูเจ้า เพราะเหตุใดไม่กล่าวว่า تراض بینکم ความพอใจระหว่างพวกเจ้า
    7853 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/17
    อัลกุรอาน กล่าวว่า »โอ้ บรรดาผู้มีศรัทธา! จงอย่ากินทรัพย์ของสูเจ้าในระหว่างสูเจ้ากันเองโดยทุจริต (ได้มาโดยวิธีต้องห้าม) นอกจากจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่สูเจ้ากันเอง[1]« โองการนี้เป็นหนึ่งบทบัญญัติของอิสลามที่ว่าด้วยเรื่อง การค้าขายแลกเปลี่ยนและธุรกรรมการเงิน ด้วยเหตุนี้ บทบัญญัติอิสลาม จึงได้ใช้โองการข้างต้นพิสูจน์ปัญหาเรื่องการค้าขาย ประโยคที่กล่าวว่า «إلَّا أَنْ تَكُونَ تِجارَةً عَنْ تَراضٍ» “นอกจากจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่สูเจ้ากันเอง” ในโองการข้างต้น, เป็นการละเว้นเด็ดขาดจากบทบัญญัติทั่วไปก่อนหน้านี้, ด้วยคำอธิบายว่า การหยิบจ่ายใช้สอยทรัพย์สินของคนอื่นแบบไม่ถูกต้อง (บาฏิล) หรือไม่ยุติธรรมและไม่เป็นที่พอใจของเขา หรือไม่ถูกต้องตามหลักการคำสอน, ถือว่าฮะรอมและบาฏิล เว้นเสียแต่ว่าจะได้มาโดยการทำการค้าขาย (การเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขการกำหนดข้อตกลง) แต่สิ่งนั้นก็ยังต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ที่ได้ตกลงทำการค้าขายกัน, ด้วยเหตุนี้ ธุรกรรมการเงินทั้งหมด และการค้าขายทุกประเภทต้องเกิดจากความพอใจทั้งสองฝ่ายแล้ว ...
  • ใบหน้าของอิมามมะฮ์ดี(อ.)จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหรือไม่?
    13186 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/20
    ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ถือกำเนิดในปีฮ.ศ.255 หากเทียบกับปีนี้ซึ่งเป็นปีฮ.ศ.1432 ก็จะทราบว่าอายุของท่านเมื่อถึงวันที่15 ชะอ์บานในปีนี้ก็คือ 1177  ปี ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ได้เผยกายเพื่อทำพิธีนมาซมัยยิตให้บิดาหลังจากที่ถูกวางยาพิษ ผู้คนต่างได้ยลโฉมท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)โดยสาธยายว่าท่านเป็นเด็กหนุ่มที่มีผิวสีน้ำผึ้ง มีผมหยักโศก และมีช่องว่างเล็กน้อยระหว่างฟันหน้า[1]มีฮะดีษสองประเภทที่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของท่านก. กลุ่มฮะดีษที่ไม่ระบุอายุขัยของท่าน โดยกล่าวเพียงว่าท่านยังแลดูหนุ่ม1. شابٌ بعد کبر السن ท่านยังหนุ่มแม้จะสูงอายุ[2]2. رجوعه من غیبته بشرخ الشباب ท่านจะปรากฏกายในรูปของคนหนุ่มที่อ่อนกว่าวัย
  • การกระทำใดบ้างที่ส่งผลให้คนเราแลดูสง่ามีราศี?
    5587 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/28
    ในมุมมองของอิสลามความสง่างามแบ่งได้เป็นสองประเภทอันได้แก่ความงดงามภายนอกและภายใน.ปัจจัยที่สร้างเสริมความสง่างามภายในตามที่ฮะดีษบ่งบอกไว้ก็คือความอดทนความสุขุมความยำเกรง...ฯลฯ
  • การพิสูจน์การเป็นวะฮฺยูของคำและรวบรวมอัลกุรอาน หรือการเป็นวะฮฺยูของการเรียบเรียงตามลำดับของบทและโองการต่างๆ นั้น มีมาตรฐานในการยึดมั่นอัลกุรอานอย่างไร จึงจะมีบทบาทต่อการให้ได้มาซึ่งศาสนบัญญัติ ?
    17891 วิทยาการกุรอาน 2553/10/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • เรื่องอุปโลกน์“เฆาะรอนี้ก”มีที่มาที่ไปอย่างไร?
    6169 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/08/03
    เรื่องเล่า“เฆาะรอนี้ก”อุปโลกน์ขึ้นโดยผู้ไม่หวังดีซึ่งหวังจะลดทอนความน่าเชื่อถือของกุรอานและท่านนบี(ซ.ล.)ลง
  • อะไรคือสัญญาณของพระเจ้า ที่อยู่ในท้องฟ้าและแผ่นดิน?
    10507 آسمان و زمین 2555/08/22
    ท้องฟ้าและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดเป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกให้เห็นพลานุภาพของพระเจ้า สัญญาณต่างๆ นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถคำนวณนับได้หมดสิ้น อัลกุรอาน ได้เชิญชวนมนุษย์ไปสู่การเรียนรู้จักสัญญาณเหล่านั้น ทั้งความกว้างไพศาล จำนวนกาแลคซี่ต่างๆ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์, หมู่ดวงดาวต่างๆ และสิ่งมหัศจรรย์อีกจำนวนมากในนั้น การประสานกันของมวลเมฆ การเกิดฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และฟ้าแลบ พร้อมประโยชน์มหาศาลของมัน การสร้างมนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ ที่สลับซับซ้อนที่สุด ในขบวนการสร้างของพระองค์ การดำรงชีพและวัฎจักรชีวิตของผึ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งแห่งสัญญาณของพระองค์ ที่บ่งบอกให้เห็นความรู้ วิทยญาณ และความปรีชาญาณของพระองค์ ...
  • บทบัญญัติเกี่ยวกับปลาสเตอร์เจียน คืออะไร?
    8209 ประเภทของปลา 2555/05/20
    ปลาสเตอร์เจียน เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ปลา ที่เรียกว่า คาเวียร์ ซึ่งนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก แต่ทั่วไปมักเรียกว่า ปลาคาเวียร์ บุคคลที่ตักลีดกับมัรญิอฺ เช่น ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ.) ถ้าสงสัยว่าปลาคาเวียร์มีเกล็ดหรือไม่,เขาสามารถรับประทานได้ แต่ถ้าตักลีดกับมัรญิอฺ บางท่าน ซึ่งในกรณีนี้ไม่อนุญาตให้รับประทาน, แต่ถ้าใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากรับประทาน เช่น ซื้อขายถือว่าไม่เป็นไร, ด้วยเหตุนี้, ในกรณีนี้แต่ละคนต้องปฏิบัติตามทัศนะของมัรญิอฺที่ตนตักลีด ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    6021 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...
  • เหตุใดบรรดาอิมาม(อ.)จึงไม่สามารถปกป้องฮะร็อมของตนเองให้พ้นจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายได้?
    5267 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/13
    นอกจากอัลลอฮ์จะทรงมอบอำนาจแห่งตัชรี้อ์(อำนาจบังคับใช้กฎชะรีอัต)แก่นบี(ซ.ล.)และบรรดาอิมาม(อ.)แล้วพระองค์ยังได้มอบอำนาจแห่งตั้กวีนีอีกด้วยเป็นเหตุให้บุคคลเหล่านี้สามารถจะแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อสรรพสิ่งในโลกได้อำนาจดังกล่าวยังมีอยู่แม้บุคคลเหล่านี้สิ้นลมไปแล้วทั้งนี้ก็เพราะพวกเขาถือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงไว้ซึ่งอำนาจดังกล่าวแม้อยู่ในอาลัมบัรซัค(มิติหลังมรณะ) อย่างไรก็ดีบุคคลเหล่านี้ไม่เคยใช้อำนาจดังกล่าวอย่างพร่ำเพรื่อแต่จะใช้อำนาจนี้ในสถานการณ์ที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของศาสนาของอัลลอฮ์หรือกรณีที่จำเป็นต่อการนำทางมนุษย์เท่านั้นซึ่งต้องไม่ขัดต่อจารีตวิถี(ซุนนะฮ์)ของพระองค์ด้วยอีกด้านหนึ่งการให้เกียรติสุสานของบรรดาอิมาม(อ.)นับเป็นหนทางที่เที่ยงตรงส่วนการประทุษร้ายต่อสถานที่ดังกล่าวก็นับเป็นหนทางที่หลงผิดแน่นอนว่าจารีตวิถีหนึ่งของพระองค์ก็คือการที่ทรงประทานเสรีภาพแก่มนุษย์ในอันที่จะเลือกระหว่างหนทางที่เที่ยงตรงและหลงผิดด้วยเหตุนี้เองที่บรรดาอิมาม(อ.)ไม่ประสงค์จะใช้อำนาจพิเศษโดยไม่คำนึงความเหมาะสมยิ่งไปกว่านั้นพระองค์อัลลอฮ์เองซึ่งแม้จะทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งแต่ก็มิได้ทรงใช้อำนาจทุกกรณีเห็นได้จากการที่มีผู้สร้างความเสียหายแก่อาคารกะอ์บะฮ์หลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์แต่พระองค์ทรงใช้พลังพิเศษกับกองทัพของอับเราะฮะฮ์เท่านั้นเนื่องจากเขายาตราทัพเพื่อหวังจะบดขยี้กะอ์บะฮ์โดยเฉพาะ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    57959 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    55444 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    40693 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    37607 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    36569 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    32658 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    26852 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26421 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    26200 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24317 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...