การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9142
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/03/08
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1019 รหัสสำเนา 12544
คำถามอย่างย่อ
ทำไมจึงเกิดการทุจริตในรัฐบาลอิสลาม ?
คำถาม
ทำไมจึงเกิดการทุจริตในรัฐบาลอิสลาม ?
คำตอบโดยสังเขป

ปัจจัยการทุจริตและการแพร่ระบาดในสังคมอิสลาม -- จากมุมมองของพระคัมภีร์อัลกุรอานอาจกล่าวสรุปได้ในประโยคหนึ่งว่า : เนื่องจากไม่มีความเชื่อในพระเจ้า และการไม่ปฏิเสธมวลผู้ละเมิดทั้งหลาย (หมายถึงทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าและไม่สีสันของพระเจ้า) ในทางตรงกันข้ามความเชื่อมั่นในอัลลอฮฺ (ซบ.) และการปฏิเสธบรรดาผู้ละเมิด ซึ่งเป็นไปในลักษณะของการควบคู่และร่วมกัน อันก่อให้เกิดความก้าวหน้า และความเป็นเลิศของบุคคลและสังคม[i]

อีกนัยหนึ่ง คุณภาพของมนุษย์และสังคมอิสลามจากพระเจ้านั้น อยู่ในกรอบของคำสอนศาสนาซึ่งพระองค์ได้มอบไว้ในอำนาจของมนุษย์ ขณะที่ถ้าหากมนุษย์ได้นำเอาบทบัญญัติของอิสลาม วิชาการ และบทบัญญัติด้านคุณธรรม มาเป็นครรลองในการปฏิบัติในมุมมองต่างๆ ของชีวิตด้วยเจตคติเสรี พร้อมทั้งให้คำตอบให้กับความต้องการอันเป็นธรรมชาติของตัวเอง และก้าวไปถึงยังวัตถุประสงค์ที่เป็นเป้าหมายในการสร้างเขาขึ้นมา และเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าเป็นเพราะความลุ่มหลงที่เขามีต่อโลก และทุกสิ่งที่มีอยู่ในนั้น ละเมิดทุกคำสั่งสอนของศาสนา หรือนำเอาสิ่งเหล่านั้นไว้ใต้ฝ่าเท้า หรือเลือกปฏิบัติบทบัญญัติบางประการ อันไม่ก่อผลเสียหายต่อผลประโยชน์ทางโลกของตน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเท่ากับเขาได้เลือกปฏิบัติตามความพอใจ หรือปฏิบัติตามอำนาจฝ่ายต่ำของตน ด้วยเหตุนี้ สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นปัจจัยฉุดกระชากให้ตนเองและสังคมตกต่ำ ซึ่งปัจจัยสำคัญในการโน้มนำสังคมและชุมชนไปสู่ความล้าหลังและความตกต่ำ อันดับแรกคือผู้ปกครองหลังจากนั้นบรรดาผู้รู้ (อุละมาอ์) และนักวิชาการศาสนา ซึ่งคนเหล่านี้ทราบและรับรู้ความจริง แต่เงียบและไม่สนใจที่จะแก้ไชปัญหา หลังจากนั้นก็เป็นประชาชนโดยทั่วไป



[i] อัลกุรอานบทอันนะฮฺลิ โองการ 36 กล่าวว่าและโดยแน่นอน เราได้ส่งร่อซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า) พวกท่าจงเคารพภักดีอัลลอฮฺ และจงหลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ด ดังนั้น ในหมู่พวกเขามีผู้ที่อัลลอฮฺ ทรงชี้นำทางและในหมู่พวกเขามีการหลงผิดคู่ควรแก่เขา ฉะนั้น พวกเจ้าจงตระเวนไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของผู้ปฏิเสธนั้นเป็นเช่นใด

นอกจากนี้อัลกุรอาน บทบะเกาะเราะฮฺ โองการ 256, บทฏอฮา โองการ 123-124 ก็ได้กล่าวไว้ในทำนองเดียวกัน

คำตอบเชิงรายละเอียด

ความก้าวหน้าและความตกต่ำของสังคม ปัจจัยสำคัญที่สุดคือผู้ปกครองสังคม ผู้ปกครองสังคมถ้าหากเป็นคนมีศาสนาหรือมีความเคร่งครัดในระเบียบคำสอนของศาสนาอย่างสมบูรณ์ หรือมีความมั่นคงต่อคำสอน และแพร่ขยายนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความละเอียดอ่อนในสังคม บรรดาผู้รู้และผู้มีบทบาทในสังคมต่างได้รับการสนับสนุนกันอย่างถ้วนหน้า ประชาชนทั่วไปก็ถือปฏิบัติตามผู้รู้และผู้ปกครองสังคม ทำให้พวกเขาได้ออกห่างจากความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลาย  แต่ถ้าผู้ปกครองคนนั้นไม่มีความเคร่งครัดในศาสนา ลุ่มหลงโลกและทรัพย์สฤงคาร หวงแหนในลาภยศสรรเสริญ ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใดก็ตาม อีกทั้งจมปรักอยู่กับกิเลสและความต้องการ ไม่ให้เกียรติผู้รู้และนักปราชญ์หรือใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดจากพวกเขา ไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหาของสังคม หรือกดขี่เอารัดเอาเปรียบประชาชน แน่นอน จิตใจของประชาชนย่อมฟุ้งซ่านและมีความกระวนกระวายใจ ดังนั้น ถ้าหากผู้ปกครองไม่ต้องการที่จะปรับปรุงสังคมให้เป็นไปในทางที่ดี ส่วนประชาชนก็ไม่ช่วยกันกำชับความดีงาม หรือห้ามปรามความชั่วร้าย ทั้งหมดยึดถือวัฒนธรรมความชั่วร้ายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งหมดลุ่มหลงและมีความยากได้ในทรัพย์ของคนอื่น แน่นอน ถ้าหากสังคมใดเป็นเช่นนี้พลเมืองของสังคมนั้นก็จะค่อยๆ ปนเปื้อนความสกปรกเหล่านั้นเหมือนกันทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม แน่นอน เป็นความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ ที่เขาต้องการจะปกป้องศาสนาของเขาให้รอดปลอดภัย 

ด้วยเหตุนี้ จุดกำเนิดของความชั่วร้ายในสังคมเกิดจาก เริ่มจากความลุ่มหลงต่อโลก หลงตัวเอง หลงตำแหน่ง ทะเยอทะยานใฝ่สูงในยศถาบรรดาศักดิ์ ต้องการมีอิทธิพลต่อฝ่ายปกครอง ฉะนั้น ความเสื่อมศรัทธาในผู้ปกครองก็เกิดจากชนเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน และถ้าหากประชาชนนิ่งเฉยต่อการกระทำของพวกเขาก็ต้องพลอยรับกรรมตามไปด้วย

ตัวอย่าง เมื่อคนเฉกเช่นยะซีดได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองสังคมอิสลาม ซึ่งเป้าหมายมิใช่สิ่งใดอื่นนอกจากความภาคภูมิใจและความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้ปกครอง, การแสวงหาอำนาจ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน ชื่อเสียง กิเลส อำนาจใฝ่ต่ำ และการจมปรักอยู่กับความลุ่มหลงทางโลก นำเอาบุคคลที่เฉกเช่น นักรายงานฮะดีซผู้เผยแผ่ศาสนา ให้มารับผิดชอบเรื่องการปกครอง หรือนำเอาบุคคลอื่นเนื่องจากหวาดกลัว หรือห่วงในทรัพย์สินจึงได้นิ่งเงียบปล่อยทุกอย่างไปตามยะถากรรม และเนื่องจากเขาได้ทำลายประวัติศาสตร์และต้องการพลิกผันประวัติศาสตร์ให้เป็นอย่างอื่น จึงได้แนะนำผู้ปกครองว่าเป็นนักปราชญ์ทางศาสนา เขาได้วินิจฉัยผิดพลาดและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตน เขาจึงผิดพลาด ซึ่งความผิดพลาดของเขาได้สร้างบาปกรรมแก่ครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อล ) อย่างสาหัสที่สุด พวกเขาได้ถูกกดขี่ทรมาน แต่หลังจากนั้นผู้กระทำผิดได้แสร้งกลับตัวกลับใจ ลุแก่โทษต่อพระเจ้า ฉะนั้น ทุกคนจำเป็นต้องให้เกียรติเขา ไม่มีผู้ใดมีสิทธิที่จะแสดงความรังเกลียดเดียดฉันพวกเขา มิเช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา เมื่อประชาชนได้ยินได้ฟังสิ่งเหล่านี้โดยไม่กลั่นกรองให้ดี แต่กลับนำเอาคำพูดไร้แก่นสารบรรจุไว้ในโสตปราสาทของตน ดังนั้น เขาจะไม่มีวันทำลายความเสื่อมทรามทางสังคมให้หมดสิ้นไปได้ หรือจะมีความคาดหวังว่าสังคมจะก้าวหน้าและพัฒนาไปสู่ความเจริญได้อย่างแน่นอน

ฉะนั้น จะเห็นว่าปัจจัยที่ทำให้สังคมตกต่ำคือ การมีแนวคิดแบบฎอฆูต (ผู้อธรรมหรือละเมิด) และการละทิ้งศาสนาของพระเจ้า ซึ่งครอบคลุมพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1) การปฏิเสธไม่ยอมรับบรรดาศาสดา (.) หรือการนำเอาโองการของพระเจ้าไว้ใต้ฝ่าเท้าของตน หรือการปฏิบัติตามคำสอนเหล่านั้นอย่างไม่สมบูรณ์ ดังที่อัลกุรอานกล่าวว่าและหากว่าชาวเมืองนั้นได้มีศรัทธาและมีความยำเกรง แน่นอนเราก็คงเปิดวามจำเริญจากฟ้าและแผ่นดินให้แก่พวกเขา ทว่าพวกเขาปฏิเสธ ดังนั้น เราจึงได้ลงโทษพวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้[1]

2) สังคมไร้ซึ่งความยุติธรรม ประกอบกับการมีผู้ปกครองที่เลวร้าย[2]

3) การความแตกแยก บ่อนทำลาย และสร้างความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน[3]

4) การละทิ้งการกำชับความดีและห้ามปรามความชั่ว การละทิ้งความอดทน การละเลยความดีให้ความสำคัญต่อความชั่ว หรือสนับสนุนส่งเสริมสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลายทั้งปวง[4] หรือไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น

5) ไม่บริจาค ไม่เสียสละทรัพย์สินและชีวิตเพื่อรับใช้หรือปกป้องอิสลาม มีความลุ่มหลงในทรัพย์สินสฤงคาร และหลงใหลในกิเลสตัณหา[5] 

หนทางบำบัดรักษา : แนวทางในการบำบัดรักษาดังที่กล่าวไปแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดมากเกินเลยไปกว่าการมีศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และการละเว้นความเป็นฏอฆูตในแง่มุมของชีวิต โดยผ่านสมาชิกทุกคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง นักปราชญ์ผู้รู้ หรือแม้แต่สามัญชนคนธรรมดาในระดับต่างๆ ของสังคม ถ้าหากมนุษย์คิดถึงความสูญสิ้นของโลกที่มีอายุขัยสั้นเพียงเล็กน้อยนี้ แน่นอน เขาก็จะมีชัยชนะเหนืออำนาจฝ่ายต่ำของตน เหนือกิเลสและความต้องการทางกามรมย์ของตน และจะไม่ลุ่มหลงหรือเคารพบูชาโลกเด็ดขาด ไม่หลงระเริงกับวัตถุปัจจัย แน่นอน เขาจะคำนึงถึงแต่ปรโลกที่มีความยืนยาวนาน และเป็นอมตะนิรันดร และพึงรู้ไว้ว่า มีผู้มองดูเราอยู่ตลอดเวลา มีผู้คอยเป็นห่วงสภาพเราเสมอ อีกทั้งคอยจดบันทึกการงานและความคิดของเขาตลอดเวลา ยังมีโลกอีกโลกหนึ่งหลังจากนี้ซึ่งในโลกนั้นเราจะต้องคอยคอบข้อซักถาม เกี่ยวกับการงานและความประพฤติของเราบนโลกนี้ โลกที่มีความอตมตะไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่มีหนทางเลือกสรรหรือการทดแทนอีกแล้ว อีกนัยหนึ่งหนึ่ง ถ้าหากมนุษย์เลือกปฏิบัติตามธรรมชาติสมบูรณ์และสติปัญญาของตน ไม่ยึดถือปฏิบัติตามความพอใจหรืออำนาจฝ่ายต่ำอันเป็นพลังของเดรัจฉานที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ ยอมจำนนต่อความจริงและหลีกห่างความชั่วโดยแท้จริง ซึ่งสิ่งนี้ในความเป็นจริงหมายถึงการละเว้นความชั่วร้ายและความต่ำทรามบนหน้าแผ่นดิน เท่ากับตนได้เข้าใกล้ความเจริญผาสุก และความรุ่งเรืองทั้งโลกนี้และปรโลกหน้า

แน่นอน ในสังคมบางสังคมจะยึดถือเอาความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดี เป็นมาตรฐานสำหรับวัดความเป็นมนุษย์ อารยธรรมและวัฒนธรรม หรือมาตรวัดการดำรงอยู่หรือแยกตัวไปจากศาสนา ความศรัทธาและการปฏิบัติคุณความดีกลับกลายเป็นปัญหาของสังคม เมื่อถึงเวลานั้นเราควรจะทำอย่างไร ? ถ้าหากบุคคลนั้นมีความสามารถและมีบทบาทต่อสังคม หรือเป็นผู้ปกครองคนอื่นอีกมากมายหลายคน ดังนั้น เป็นหน้าที่โดยตรงที่เขาจะต้องให้การชี้นำและเปลี่ยนแปลงสังคมเท่าที่สามารถทำได้ มิเช่นนั้นแล้วความอดทนและความอดกลั้นก็จะไร้ซึ่งความหมาย ต้องหลีกเลี่ยงคำด่าประจารเพื่อปกป้องศาสนาของตน ที่สำคัญต้องมีความหลงใหลในการปกป้องศาสนา และต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ (ซบ.) และบรรดาหมู่มวลมิตรของพระองค์ เพื่อให้ตนมีความมั่นคงในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อศาสนาตลอดไป หรือทำการชี้นำบุคลลอื่นเท่าที่สามารถทำได้เพื่อพวกเขาจะได้ไม่หลงทาง อินชาอัลลอฮฺ ในไม่ช้านี้เราจะได้พบกับการปรากฏกายของผู้ให้ความช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ มะฮฺดียฺ (.) ผู้จะมาปลดปล่อยและสร้างความยุติธรรมบนหน้าแผ่นดิน

แหล่งอ้างอิง :

1. อัลกุรอานกะรีม

2. ตัฟซีรเนะฮฺมูเนะฮฺ ตัฟซีรมีซาน ตอนอธิบายโองการดังกล่าวซึ่งปรากฏในเชิงอรรถ

3. เฏาะบาเฏาะบาอีย์ มุฮัมมัดฮุเซน วิเคราะห์อิสลาม สำนักพิมพ์ ฮิจญ์รัต กุม หน้า 158 และ 97

4. มุเฏาะฮะรียฺ มุรตะฏอ ญามิอ์และตารีค สำนักพิมพ์ อินติชารอตอิสลาม กุม



[1] อัลกุรอาน บทอะอ์รอฟ โองการที่ 96

[2] อัลกุรอาน บทอัลเกาะซ็อซ โองการที่ 2

[3] อัลกุรอาน บท อันอาม 65,53, อันฟาล 46

[4] อัลกุรอาน บทอาลิอิมรอน 104,113,110, บทมาอิดะฮฺ 79

[5] อัลกุรอาน บทมาอิดะฮฺ โองการที่ 33

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • คำว่า “ฮุจซะฮ์”ในฮะดีษของมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์ หมายความว่าอย่างไร?
    6355 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/02/12
    คำว่าฮุจซะฮ์ที่ปรากฏในฮะดีษบทต่างๆแปลว่าการยึดเหนี่ยวสื่อกลางในโลกนี้ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ท่านนบีและบรรดาอิมาม(อ.) ซึ่งก็หมายถึงศาสนาจริยธรรมและความประพฤติที่ดีงามหากบุคคลยึดถืออิสลาม
  • เพราะสาเหตุอันใด มนุษย์จึงลืมเลือนอัลลอฮฺ?
    7547 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/10/22
    การหยุแหย่ของชัยฏอนมารร้าย,เกี่ยวข้องทางโลกเท่านั้นอันเป็นความผิดที่เกิดจากความหลงลืมองค์พระผู้อภิบาลซึ่งในทางตรงกันข้ามนมาซ, กุรอาน, การใคร่ครวญในสัญลักษณ์ต่างๆของพระเจ้าการใช้ประโยชน์จากเหตุผลและข้อพิสูจน์
  • การบริโภคเนื้อเต่าคือมีฮุกุมอย่างไร? ฮะลาลหรือฮะรอม?
    5843 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/11
    การบริโภคเนื้อเต่าถือว่าเป็นฮะรอม[1]ในภาษาอาหรับเรียกเต่าว่า “ซุลฮะฟาต” และมีริวายะฮ์มากมายที่กล่าวว่าเป็นฮะรอม[2]
  • ทำไม อิบลิส (ซาตาน) จึงถูกสร้างขึ้นจากไฟ ?
    9672 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/10/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ทัศนะอิสลามเกี่ยวกับการทำสงครามในเดือนต้องห้ามคืออะไร?
    10872 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/12/20
    บนพื้นฐานของโองการและรายงานต่างๆของเรา, จะพบว่าอิสลามมิได้เพียงแค่ห้ามการทำสงครามกันเฉพาะในเดือนต้องห้าม (ซุลเกาะดะฮฺ, ซุลฮิจญะฮฺ, มุฮัรรอม,
  • กฎของการออกนอกศาสนาของบุคคลหนึ่ง, ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินของผู้ปกครองหรือไม่?
    4801 กาฟิร 2555/05/17
    คำถามของท่าน สำนัก ฯพณฯ มัรญิอฺตักลีดได้ออกคำวินิจฉัยแล้ว คำตอบของท่านเหล่านั้น ดังนี้ ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ อัลอุซมาคอเมเนอี (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองท่าน): การออกนอกศาสนา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินของผู้ปกครอง ซึ่งถ้าหากบุคคลนั้นได้ปฏิเสธหนึ่งในบัญญัติที่สำคัญของศาสนา ปฏิเสธการเป็นนบี หรือมุสาต่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือนำความบกพร่องต่างๆ มาสู่หลักการศาสนาโดยตั้งใจ อันเป็นสาเหตุนำไปสู่การปฏิเสธศรัทธา หรือออกนอกศาสนา หรือตั้งใจประกาศว่า ตนได้นับถือศาสนาอื่นนอกจากอิสลามแล้ว ทั้งหมดเหล่านี้ถือว่า เป็นมุรตัด หมายถึงออกนอกศาสนา หรือละทิ้งศาสนาแล้ว ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ อัลอุซมา มะการิม ชีรอซียฺ (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองท่าน) : ถ้าหากบุคคลหนึ่งปฏิเสธหลักความเชื่อของศาสนา หรือปฏิเสธบทบัญญัติจำเป็นของศาสนาข้อใดข้อหนึ่ง และได้สารภาพสิ่งนั้นออกมาถือว่า เป็นมุรตัด ...
  • เงื่อนไขถูกต้องสำหรับการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ เป็นเช่นไร?
    5634 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/01/23
    มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับศาสนาอื่นที่มองเห็นความต้องการของมนุษย์เพียงด้านเดียวและให้ความสนใจเฉพาะด้านวัตถุปัจจัยหรือด้านจิตวิญาณเพียงอย่างเดียว, อิสลามได้เลือกสายกลาง. เพื่อเป็นครรลองดำเนินชีวิตถูกต้องแก่ประชาชาติโดยให้มนุษย์เลือกใช้ความโปรดปรานต่างๆจากพระเจ้าอย่างถูกต้องและถูกวิธี
  • มีรายงานฮะดีซจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) เกี่ยวกับการถือศีลอดในวันอาชูรอหรือไม่? และศีลอดนี้ถือเป็นศีลอดมุสตะฮับด้วยหรือไม่?
    6147 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/20
    ตาราฮะดีซที่เชื่อถือได้ของฝ่ายชีอะฮฺ, ไม่มีรายงานฮะดีซทำนองนี้ปรากฏให้เห็นทีว่าท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า, การถือศีลอดในวันอาชูรอเป็นมุสตะฮับ,
  • เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะรีบจ่ายคุมุสหลังจากซื้อบ้านโดยมิได้จ่ายคุมุส?
    5084 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/16
    หากผู้ถามจะระบุให้ชัดเจนว่าต้องการทราบฟัตวาของมัรญะอ์ท่านใดก็จะช่วยให้ได้คำตอบที่แม่นยำมากขึ้นทั้งนี้เราขอตอบคำถามของท่านตามทัศนะของท่านอายะตุ้ลลอฮ์อุซมาคอเมเนอีดังต่อไปนี้ในกรณีที่ยังไม่ได้ซื้อบ้านและยังมีภาระต้องจ่ายคุมุสอยู่จำเป็นต้องจ่ายคุมุสเสียก่อนแล้วจึงซื้อบ้านแต่หากเงินคงเหลือหลังหักคุมุสไม่เพียงพอที่จะซื้อบ้านที่เหมาะสมขอให้ท่านปรึกษามัรญะอ์ตั้กลีดหรือตัวแทนและทำการประนีประนอมหนี้คุมุสโดยขอผัดผ่อนการชำระไปก่อนระยะหนึ่งแต่ถ้าหากท่านดำเนินการซื้อบ้านไปก่อนที่จะปรึกษามัรญะอ์ตั้กลีดหรือตัวแทน  ให้รีบปรึกษามัรญะอ์ตั้กลีดหรือตัวแทนตั้งแต่บัดนี้เพื่อพวกเขาจะอาศัยอำนาจหน้าที่ๆมีเพื่อกำหนดระยะเวลาชำระคุมุสให้ท่าน.[1][1]ดู: ประมวลปัญหาศาสนาโดยอิมามโคมัยนี(ภาคผนวก),เล่ม 2 ,หน้า
  • การลอกข้อสอบผู้อื่นโดยที่บุคคลดังกล่าวยินยอม จะมีฮุกุมเช่นไร?
    14101 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/19
    ว่ากันว่าบรรดาฟะกีฮ์มีทัศนะเป็นเอกฉันท์ว่าการลอกข้อสอบถือเป็นฮะรอมดังที่หนังสือ “ประมวลคำถามของนักศึกษา” ได้ตั้งคำถามว่าการลอกข้อสอบมีฮุกุมอย่างไร? คำตอบคือทุกมัรญะอ์ให้ความคิดเห็นว่าไม่อนุญาต[1]หนังสือดังกล่าวได้ให้คำตอบต่อข้อคำถามที่ว่ากรณีที่ยินยอมให้ผู้อื่นลอกข้อสอบจะมีฮุก่มเช่นไร? มัรญะอ์ทุกท่านตอบว่า “การยินยอมไม่มีผลต่อฮุกุมแต่อย่างใด”[2] หมายความว่าฮุกุมของการลอกข้อสอบซึ่งถือว่าเป็นฮะรอมนั้นไม่เปลี่ยนเป็นฮะลาลด้วยกับการยินยอมของผู้ถูกลอกแต่อย่างใดเกี่ยวกับประเด็นนี้มีอีกหนึ่งคำถามที่ถามจากมัรญะอ์บางท่านดังต่อไปนี้คำถาม "หากนักเรียนหรือนักศึกษาสอบผ่านด้วยการลอกข้อสอบและได้เลื่อนระดับขั้นที่สูงขึ้นอันทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆกรณีเช่นนี้อนุญาตให้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้หรือไม่?”ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี “การลอกข้อสอบถือว่าเป็นฮะรอมแต่กรณีที่บุคคลผู้นั้นมีความชำนาญและความเชี่ยวชาญในหน้าที่การงานที่เขาได้รับการว่าจ้างโดยที่เขาทำตามกฎระเบียบของการว่าจ้างอย่างเคร่งครัดการว่าจ้างและการรับค่าจ้างถือว่าถูกต้อง”ท่านอายาตุลลอฮ์ฟาฏิลลังกะรอนี “ไม่อนุญาตและไม่มีสิทธิรับสิทธิประโยชน์ใดๆที่ได้มาโดยการนี้”ท่านอายาตุลลอฮ์บะฮ์ญัต “จะต้องเรียนชดเชยวิชานั้น”ท่านอายาตุลลอฮ์ตับรีซี “การลอกข้อสอบคือการโกหกภาคปฏิบัตินั่นเองและถือว่าไม่อนุญาตส่วนผู้ที่กระทำเช่นนี้แล้วได้บรรจุเข้าทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษก็ถือว่าสามารถทำได้แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะที่ตนไม่มีก็ไม่อนุญาตให้รับผิดชอบงานนั้นท่านอายาตุลลอฮ์ศอฟีโฆลพอยฆอนี “การคดโกงไม่ว่าในกรณีใดถือว่าไม่อนุญาต”ท่านอายาตุลลอฮ์มะการิมชีรอซี “ในกรณีที่มีการลอกข้อสอบในหนึ่งหรือสองวิชาแม้ว่าถือเป็นการกระทำที่ผิดแต่การรับวุฒิบัตรและการศึกษาต่อในระดับที่สูงกว่านั้นหรือรับงานด้วยกับวุฒิบัตรดังกล่าวถือว่าอนุญาต”ท่านอายาตุลลอฮ์ซิซตานี “เขาสามารถใช้ได้แม้นว่าการกระทำของเขา (การลอกข้อสอบ) ถือว่าไม่อนุญาต”

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    57312 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    55044 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    40334 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    37402 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    36041 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    32370 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    26671 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26077 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    25926 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24119 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...