การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6162
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1631 รหัสสำเนา 19010
คำถามอย่างย่อ
อิมามซะมาน (อ.) มีความคล้ายเหมือนและมีความต่างอย่างไร กับผู้ถูกสัญญาในศาสนาอื่นทั้งศาสนาที่มาจากฟากฟ้าและมิได้มาจากฟากฟ้า?
คำถาม
อิมามซะมาน (อ.) มีความคล้ายเหมือนและมีความต่างอย่างไร กับผู้ถูกสัญญาในศาสนาอื่นทั้งศาสนาที่มาจากฟากฟ้าและมิได้มาจากฟากฟ้า?
คำตอบโดยสังเขป

ศาสนาที่มีชื่อเสียงบนโลกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนาแห่งฟากฟ้าหรือศาสนาที่นับถือพระเจ้าจะมีจุดร่วมเดียวกัน กล่าวคือจะมีชายคนหนึ่งปรากฏกายออกมา ซึ่งบุคคลนั้นจะมีคุณค่ามากมาย และรัฐบาลสากลของเขาจะสร้างความยุติธรรม ความสงบสุข อีกทั้งยังความปลอดภัยแก่ประชาชนทั่วโลก ผลกระทบของการฉ้อฉลอธรรมและความหยิ่งยโสจะไม่หลงเหลืออีกต่อไป เขาจะช่วยเหลือผู้ได้รับกดขี่ให้รอดพ้นจากกงเล็บของผู้กดขี่รุกรานทั้งหลาย ภารกิจของโลกจะถูกมอบให้แก่ผู้ได้รับการกดขี่ข่มเหง เขาจะเป็นผู้พึ่งพาความยุติธรรม สร้างดุลยภาพให้บังเกิดบนโลกนี้ และประชาโลกทั้งหลายจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสันติบนพื้นฐานความเป็นพี่น้องกัน

กระนั้นบนพื้นฐานดังกล่าวนี้ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก เอกลักษณ์ของผู้ปลดปล่อยในบางศาสนาคือ ศาสดาแห่งศาสนานั้น และบางศาสนาก็มิได้อธิบายให้ชัดเจนแต่อย่างใด หรือบกพร่องและไม่เป็นที่รับรู้, บุคลิกภาพ, คุณลักษณะต่างๆ, การมีชีวิตอยู่, ช่วงของการปรากฏกาย, การปรากฏรูปลักษณ์ของผู้ปลดปล่อย, การรอคอยเขา, ชื่อและฉายานาม และอีกมากมายหลายประการอันเป็นปัญหาที่มีความแตกต่างกัน และมีความเห็นไม่ตรงกัน

คำตอบเชิงรายละเอียด

การแนะนำผู้ได้ถูกสัญญาไว้ในยุคสุดท้ายของการมีอายุขัยของมนุษย์ เป็นคำสั่งหนึ่งที่ศาสนาและนิกายต่างๆ ได้ให้ความสำคัญเอาไว้อย่างมาก, เพียงแต่ว่าจำนวนศาสนาอันมากมายด้านหนึ่ง ประกอบกับหัวข้อนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่มีคำถามเกิดขึ้นมาก อีกแง่หนึ่งการที่จะวิเคราะห์ในทุกแง่ทุกมุมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

อีกแง่หนึ่งการเปลี่ยนแปลงและการอุปโลกน์จำนวนมาก และความเป็นไปไม่ได้ที่จะพิจารณาต้นฉบับของคัมภีร์แห่งฟากฟ้าฉบับแรกๆ (ยกเว้นอิสลาม) สิ่งนี้ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ไม่สามารถกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ถึงความน่าเชื่อถือ ของศาสนาเหล่านั้น

ในบทความสั้นๆ นี้พยายามที่จะกล่าวอย่างรวบรัดในเชิงสรุปความ บนพื้นฐานของตำรับตำราและแหล่งอ้างอิงที่มีอยู่ของศาสนาเหล่านั้น อาทิเช่น ศาสนาอิสลาม, ยะฮูดียฺ, คริสต์, และพุทธศาสนา

ดังนั้น กรอบของการพูดคุยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้ ...

) วิสัยร่วมกันของศาสนาต่างๆ

1.สัญญาของการแจ้งข่าวการปรากฏกาย

2.บุคลิกภาพอันสูงส่งและการเลือกสรรผู้ช่วย

3.รัฐบาลสากล

4.สถาปนาความยุติธรรม ความสงบ และทำลายความอธรรม

5.การเป็นผู้สืบทอดการปกครองบนหน้าแผ่นดิน ของบ่าวผู้บริสุทธิ์ถูกอธรรม

) วิสัยที่แตกต่างของศาสนาต่างๆ

1.สัญลักษณ์ของผู้ปลดปล่อย คำสัญญา และฉายานาม

2.สถานภาพและฐานันนดรทางจิตวิญญาณของผู้ถูกสัญญา

) วิสัยร่วมกันของศาสนาต่างๆ

1.สัญญาของการแจ้งข่าวการปรากฏกาย :

อิสลาม

ประเด็นดังกล่าวนี้เป็นหลักความเชื่อแน่นอนของศาสนาอิสลาม ทั้งอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซอิสลาม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายธารชีอะฮฺ) ได้มีการอธิบายไว้อย่างกว้างขวาง[1]

อัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสในโองการว่า :

"وعدالله الذین آمنوا منکم و عملوا الصالحات لیستخلفنهم فی الارض"

อัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่สูเจ้าและกระทำความดีทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดบนแผ่นดิน[2]

โองการนี้พระองค์ทรงสัญญาเรื่องการปรากฏกายเอาไว้, มีรายงานจากท่านอิมามมุฮัมมัดตะกียฺ (.) กล่าวว่า : กออิมของเราก็คือมะฮฺดียฺผู้ถูกสัญญาเอาไว้ ...ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พระผู้ทรงแต่งตั้งให้มุฮัมมัดเป็นนบี และส่งเขามา และทรงแต่งตั้งให้พวกเราเป็นอิมามะฮฺเฉพาะว่า มาตรแม้นว่าโลกจะมีอายุขัยเพียงแค่วันเดียว อัลลอฮฺ จะทรงทำให้วันนั้นยาวนานออกไป, เพื่อมะฮฺดียฺจะได้ปรากฏกายออกมา และทำให้โลกนี้เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม, ดุจดังเช่นที่โลกเคยเปี่ยมไปด้วยความอธรรมมาแล้ว[3]

ยะฮูดีย์

ตามคำสอนของศาสนายะฮูดียฺได้มีการกล่าวถึง การปรากฏกายของ มาชีฮ์ (mashiah) ซ้ำหลายครั้ง[4] ในวันนั้นเสียงแตรสังข์ของ มะกาอีลี จะดั่งสนั่น....และผู้ที่นอนอยู่ในพื้นดิน (คนตาย) จะฟื้นคืนชีพขึ้นมามากมาย บางคนฟื้นขึ้นมาเพื่อการมีชีวิตนิรันดร์ และบางคนฟืนขึ้นมาเพื่อชีวิตตกต่ำรันทดตลอดไป[5]

คำพูดดังกล่าววิพากถึงเรื่องการรัจญฺอัต (ย้อนกลับคืน) ในสมัยการปรากฏกายของอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งได้รับการเน้นย้ำไว้อย่างมากมายในหลักความเชื่อของมุสลิม

ศาสนาคริสต์

ผู้ปฏิบัติตามตริสตศาสนา (คาทอลิค ออโทรดอกซ์ และโปรแตสแตนต์) ต่างรอคอยผู้มาช่วยเหลือที่ถูกสัญญาไว้เช่นกันเนื่องพระบุตรซึ่งเป็นมนุษย์ที่จะมาในพระสิริของพระองค์ และบรรดาทวยเทพต่างลงประทับบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่[6]

ฉันได้ถามพระบิดาว่าจะมีการมอบอำนาจอื่นแก่พระองค์อีกไหม เพื่อว่าพระองค์จะธำรงไปตลอดกาล, หมายถึงจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ซึ่งโลกไม่อาจมองเห็นได้[7]

โซโรอัสเตอร์

บรรดาผู้ติดตามศาสนานี้ต่างรอคอยผู้ถูกสัญญา 3 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านจะปรากฏกายโดยมีระยะเวลาห่างกันประมาณ 1,000 ปี และทั้งหมดเป็นโอรสของ พระโซโรอัสเตอร์ โอรสที่สามมีนามว่า อัสทรัตอิราตา (Astrat- Ersta) ซึ่งตามคำสอนของศาสนานี้ถือว่าเป็นผู้ถูกสัญญาองค์สุดท้าย

คัมภีร์ อเวสตะ เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า   โอ้ ผู้บริสุทธิ์จะปรากฏมาในวันรุ่งอรุณที่สดใส ส่องสว่างไปด้วยพระรัศมี พระองค์จะบำรุงศาสนาที่เที่ยงธรรมให้มั่นคง และประกาศเชิญชวนให้ผู้คนมาสู่ศาสนาของพระองค์ด้วยวิทยปัญญาและสันติวิธี แล้วผู้ใดเล่าที่ละทิ้งศาสนาของพระองค์ ขณะที่ผู้ตอบรับคำเชิญได้กลายเป็นมิตรและผู้ปลดปล่อยพระองค์ ดังนั้น เพื่อแจ้งข่าวการปรากฏกายของผู้ปลดปล่อยเราขอแต่งตั้งเจ้า โอ้อาหุรา

ข้าขอสรรเสริญต่อพระผู้ทรงพลานุภาพ ผู้ทรงสร้างแสงอันเรืองรอง,....ขณะที่พระองค์สร้างโลกใหม่....ในเวลานั้นเมื่อผู้ตายได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อกลับสู่การดำรงชีวิตนิรันดร์[8]

บุคลิกภาพอันสูงส่งและการเลือกสรรผู้ช่วย

ตามคำสอนของศาสนาต่างๆ จะพบว่ามีบุคคลผู้ให้การช่วยเหลือทีได้ถูกสัญญาไว้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งทางศาสนา, เพียงแต่ว่าอิสลามได้ให้ความสำคัญพิเศษเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามมะฮฺดียฺ ซอฮิบุซซะมาน (.)

ตามทัศนะของอิสลาม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีอะฮฺ) ผู้ให้การช่วยเหลือในยุคสุดท้ายนั้น ต้องมีคุณลักษณะพิเศษแห่งความเป็นมนุษย์ชาติและต้องได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า, เช่น ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์, ต้องเป็นสื่อกลางแห่งพระมหากรุณาธิคุณ, เป็นผู้รับความเมตตาธิคุณ และความจำเริญทั้งปวงของพระเจ้า, ศูนย์กลางของการดำรงอยู่และเป็นสาเหตุแห่งความสงบผ่อนคลายในระบบของการดำรงอยู่ เหล่านี้คือลักษณะที่โดดเด่นของผู้ที่จะมาให้การช่วยเหลือโลก ซึ่งอิสลามได้มอบหมายภารกิจนี้แด่ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ส่วนในศาสนาอื่นๆ ก็มีการกล่าวถึงคุณลักษณะพิเศษของผู้ถูกสัญญาเอาไว้อย่างสวยงามเช่นกัน ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถค้นคว้าได้จากคำสอนของคัมภีร์ในศาสนาเหล่านั้น

3. รัฐบาลสากล

ศาสนาที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของโลกต่างกล่าวว่า ผู้ให้การช่วยเหลือโลกนั้นจะสถาปนารัฐบาลสากลขึ้น ซึ่งรัฐบาลของท่านจะปกครองเหนือชาวโลกทั้งปวง, ในลักษณะทีว่าทุกประเทศและทุกเชื้อชาติ, ทุกศาสนาและทุกวัฒนธรรมต่างอยู่ภายใต้ธงชัยผืนเดียวกัน หรือเป็นความสุขและเป้นความพึงพอใจของสังคมทั้งหมด

อิสลาม

พระองค์คือ ผู้ส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมด้วยคำแนะนำและศาสนาแห่งสัจจะ เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นประจักษ์เหนือศาสนาทุกศาสนา และแม้ว่าบรรดาผู้ตั้งภาคีจะชิงชังก็ตาม[9]

จากโองการดังกล่าวเข้าใจได้ว่า ด้วยการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) รัศมีแห่งอิสลามจะขจรขจายไปทั่วสารทิศบนโลกนี้ ประชาโลกทั้งหลายต่างน้อมรับและจำนนต่ออิสลาม, หรือจะพินาศภายใต้ใบมีดอันคมกริบของความยุติธรรม และธงชัยแห่งอิสลามจะถูกชักสูยอดเสาด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีในทุกที่ 

ยะฮูดียฺ

เซยูร ดาวิด (.) กล่าวว่าโอ้ ข้าพระผู้เป็นเจ้า,โปรดมอบกฎเกณฑ์และบทบัญญัติของพระองค์,กรรมสิทธิ์และบทบัญญัติของพระองค์ ให้แก่ผู้ปลดปล่อย เพื่อว่าเขาจะได้ปกครองโลกตั้งแต่มหาสมุทรสู่มหาสมุทร จากน่านน้ำสู่น่านน้ำ จนกระทั่งไปถึงจุดที่ไกลโพ้นที่สุด[10]

คริสเตียน

ชนทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์จะรวบรวมอยู่  เขา[11]

4.สถาปนาความยุติธรรม ความสงบ และทำลายความอธรรม

การสถาปนาความยุติธรรม และความสงบบนโลกนี้ พร้อมกับทำลายความอยุติธรรมให้หมดไป ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ว่าที่ใดก็ตามเมื่อมีการกล่าวถึงผู้ปลดปล่อยโลก ประเด็นนี้จะได้รับการเน้นย้ำเป็นพิเศษ

อิสลาม

การแจ้งข่าวอันจำเริญยิ่งมากกว่าสิ่งใดแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายคือ การให้สัญญาเรื่องการสถาปนารัฐบาลสากลบนหน้าแผ่นดิน, การได้รับชัยชนะเหนือผู้กดขี่และความอธรรมทั้งหลาย พร้อมกับการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบสุขปราศจากภยันตรายและความหวาดกลัวทั้งปวง ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและมีความพึงพอใจพิเศษอัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้มีศรัทธาในหมู่พวกเจ้าและบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดบนหน้าแผ่นดินเสมือนดังที่พระองค์ ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดมาก่อนแล้ว และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขา ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเป็นที่มั่นคง เป็นเกียรติแก่พวกเขา และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัยหลังจากความกลัวของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีข้า ไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อข้า[12]

ยะฮูดียฺ

และเขาจะตัดสินหมู่ชนของเจ้าด้วยความยุติธรรม ทำให้วิถีชีวิตของเจ้าดำเนินไปอย่างราบเรียบ ... ทำความผู้อธรรมทั้งปวงบนโลกนี้.... ในยุคสมัยของเขาท่านจะพบบ่าวผู้บริสุทธิ์จำนวนมากมาย...และประชาชาติทั้งหมดบนโลกนี้จะสร้างพึงพอใจแก่เขา[13]

ใครคือผู้วางรากฐานความยุติธรรม  เบื้องเท้าของเขา...และทำให้เขากลายเป็นมหาจักรพรรดิปกครอง[14]

ตามคำสอนของศาสนาฮินดูกล่าวว่าวิถีการดำเนินชีวิตบนโลกในยุคสุดท้าย ได้ถูกมอบแด่พระมหาจักรพรรดิผู้มีความยุติธรรม ซึ่ง ...”[15]

5.การเป็นผู้สืบทอดการปกครองบนหน้าแผ่นดิน ของบ่าวผู้บริสุทธิ์ถูกอธรรม

ประเด็นดังกล่าวนี้ได้ถูกกล่าวไว้ในคำสอนของศาสนาต่างๆ เช่นเดียวกัน และเป็นความหวังสำหรับทุกคนว่า วันหนึ่งผู้กดขี่และเป็นมหาอำนาจจะประสบความปราชัยอย่างใหญ่หลวง และผู้ได้รับการกดขี่จะกลับกลายเป็นผู้มั่นคงแข็งแรง กลับมามีอำนาจบนโลกนี้

อิสลาม

และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำและจะทำให้พวกเขาเป็นผู้รับมรดก[16]

และแท้จริงนั้น เราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร หลังจากการตักเตือน ว่าแผ่นดินนี้จะสืบทอดโดยบรรดาบ่าวของฉันที่ดี[17]

ยะฮูดียฺ

เซยูร ..ส่วนบรรดาผู้มอบหมายแด่พระเจ้าเขาจะได้เป็นผู้ปกครองโลก ..ส่วนพวกที่อ่อนน้อมถ่อมตนที่ได้เป็นผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดินนั้น เขาจะมีความสุขและความศานติอย่างมากมาย ... และบรรดาผู้ซื่อสัตย์ที่ได้สืบทอดเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป[18]

โซโรอัสเตอร์

“...ด้วยนามของซูชิยานัต ผู้ครองชัยชนะ ซึ่งจะครอบคลุมเหนือเพื่อนพร้องทั้งหมด.. ส่วนคนชั่วที่สร้างบาปกรรมจะถูกทำลายทิ้งหมดสิ้น และผู้ใช้เล่ห์เพทุบายจะถูกขับไล่และถูกเนรเทศ[19] คำว่าซูชิยานัต หมายถึงผู้ให้การช่วยเหลือนั่นเอง

วิสัยที่แตกต่างของศาสนาต่างๆ

เนื่องจากมีความจำกัดในคำตอบของเรา ดังนั้น จะขอกล่าวคร่าวๆ เฉพาะ 2 ประเด็นสำคัญอันเป็นพื้นฐานหลักที่สุดของความต่าง

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เพราะเหตุใดอัลกุรอานจึงเป็นโองการ โองการ? และซูเราะฮฺใดจากซูเราะฮฺต่างๆ ที่ได้ประทานแก่นะบี (ซ็อลฯ) ในครั้งเดียว?
    14719 วิทยาการกุรอาน 2555/09/29
    อัลกุรอานถูกประทานลงมาในสองลักษณะกล่าวคือ ลงมาคราวเดียวกัน และทยอยลงมา (เป็นโองการ โองการ และเป็นซูเราะฮฺ ซูเราะฮฺ) ขณะเดียวกันได้มีเหตุผลกล่าวไว้ถึงการทยอยประทานลงมา เช่น : 1.เพื่อสร้างความมั่นคงแก่จิตใจของนะบี 2.เพื่อความต่อเนื่องของวะฮฺยู และการทยอยประทานลงมานั้นได้สร้างความอบอุ่นใจแก่ท่านนะบี (ซ็อลฯ) และบรรดามุสลิมทั้งหลาย 3.เพื่อจะได้ทิ้งช่วงในการอ่านแก่ประชาชน เป็นการง่ายดายต่อการจดจำของพวกเขา สามารถคิดใคร่ครวญได้อย่างรอบคอบ และจดจำได้สะดวกขึ้น นอกจากนั้นยังให้ความรู้และการปฏิบัติตามใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และเนื่องจากว่ามีประเด็นเรื่องราวถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานมากมาย ด้วยเหตุนี้ จำเป็นต้องจัดแบ่งประเด็นเหล่านั้นให้เป็นหมวดหมู่ และหมวดหมู่เหล่านั้น ที่มีความเหมาะสมกันยังถูกจัดไว้ในหมวดเดียวกัน ซึ่งแยกไปจากหมวดอื่น ด้วยเหตุนี้เอง จึงเห็นว่าอัลกุรอานถูกจัดเป็นโองการๆ และเป็นบทแยกต่างหาก สิ่งจำเป็นต้องกล่าวถึงขอบข่าย การเริ่มต้น และสิ้นสุดของทุกโองการ ได้ถูกกระทำขึ้นตามคำสั่งของท่านนะบี (ซ็อลฯ) ซึ่งจำเป็นต้องยอมรับสิ่งนั้นโดยปริยาย แน่นอน อัลกุรอานบางบทอาจมีขนาดเล็ก ...
  • ถ้าหากนะมาซคือเสาหลักของศาสนา แล้วทำไมจึงจัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นหลักการของศาสนา?
    8336 นมาซ 2555/08/22
    อุซูลลุดดีน หรือหลักศรัทธาเป็นภารกิจทางความเชื่อ ซึ่งมนุษย์ได้ยอมรับสิ่งนั้นด้วยสติปัญญาของตน และได้กลายเป็นมุสลิม หลังจากยอมรับการศรัทธาแล้ว อิสลามได้กำหนดหน้าที่อันเป็นวาญิบแก่เขา ทั้งที่เป็นหน้าที่ส่วนรวมและปัจเจกบุคคล ซึ่งหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของมุสลิมคือ นะมาซ ด้วยเหตุที่ว่า นะมาซ นั้นมีความกว้างและเป็นบทบัญญัติที่สำคัญอย่างยิ่ง จึงได้เรียกนะมาซว่าเป็น เสาหลักของศาสนา แต่ไม่นับว่าเป็นว่ารากฐานทางความเชื่อ ซึ่งไม่สามารถนับว่าเป็นหลักศรัทธาหรืออุซูลลุดดีนได้ ...
  • ทัศนะของอัลกุรอาน เกี่ยวกับความประพฤติสงบสันติของชาวมุสลิม กับศาสนิกอื่นเป็นอย่างไร?
    14231 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/09/29
    »การอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสันติของศาสนาต่างๆ« คือแก่นแห่งแนวคิดของอิสลาม อัลกุรอานมากมายหลายโองการ ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งกล่าวโดยตรงสมบูรณ์ หรือกล่าวเชิงเปรียบเปรย ทัศนะของอัลกุรอาน ถือว่าการทะเลาะวิวาท การสงคราม และความขัดแย้งกัน เนื่องจากแตกต่างทางความเชื่อ ซึ่งบางศาสนาได้กระปฏิบัติเช่นนั้น เช่น สงครามไม้กางเกงของชาวคริสต์ เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ อิสลามห้ามการเป็นศัตรู และมีอคติกับผู้ปฏิบัติตามศาสนาอื่น และถือว่าวิธีการดูถูกเหยียดหยามต่างๆ ที่มีต่อศาสนาอื่น มิใช่วิธีการของศาสนา อัลกุรอาน ได้แนะนำและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี ด้วยแนวทางต่างๆ มากมาย แต่ ณ ที่นี้จะขอกล่าวถึงประเด็นสำคัญที่สุด อาทิเช่น : 1.ความเสรีทางความเชื่อและความคิด 2.ใส่ใจต่อหลักศรัทธาร่วม 3.ปฏิเสธเรื่องความนิยมในเชื้อชาติ 4.แลกเปลี่ยนความคิดด้วยสันติวิธี
  • เพราะสาเหตุใดส่วนแบ่งมรดกของสตรีจึงได้เพียงครึ่งหนึ่งของชาย ?
    9769 สิทธิและกฎหมาย 2554/04/21
    หนึ่งในสาเหตุที่ส่วนแบ่งมรดกของฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิงคือเรืองค่าเลี้ยงดูของหญิงอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายชายกล่าวคือฝ่ายชายนอกจากจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนแล้วยังมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประจำวันของฝ่ายหญิงและบรรดาลูกๆอีกด้วยอีกด้านหึ่งฝ่ายชายต้องเป็นผู้จ่ายมะฮฺรียะฮฺส่วนฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรับมะฮฺรียะฮฺนั้นตามความเป็นจริงสามารถกล่าวได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายหญิงได้รับในฐานะของมรดกหรือมะฮฺรียะฮฺนั้นก็คือทรัพย์สะสมขณะที่ส่วนแบ่งมรดกของฝ่ายชายถูกใช้ไปเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตนของภรรยาและบรรดาลูกๆนอกจากนี้แล้ว
  • นามของสตรีสี่ท่านที่ได้รับการเลือกสรรและนามของบิดาของพวกเธอคืออะไร ?
    5583 تاريخ بزرگان 2554/09/25
    ท่ามกลางหมู่มิตรของอัลลอฮฺและหมู่กัลญาณชนตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพวกเขาได้เสียสละในแนวทางของความเป็นเอกะและเป้าหมายของพระเจ้าอย่างมากมายนามชื่อของพวกเขาได้จารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์มนุษย์แต่ท่ามกลางหมู่ชนแหล่งอ้างอิงและรายงานในอิสลามได้จารึกนามของสตรีสี่ท่านที่ได้รับการเลือกสรรเอาไว้ว่าเป็นสตรีที่ดีที่สุดมีเกียรติและฐานันดรสูงส่งที่สุดในฐานะที่เป็นสตรีที่ดีที่สุดและเป็นสตรีชาวสวรรค์ที่ดีที่สุดด้วยท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวแก่ท่านอมีรุลมุอฺมินีน ...
  • สามารถกุรบานสัตว์ (เชือดพลี) ในพิธีฮัจญฺ นอกเขตมุนาได้หรือไม่?
    5055 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/22
    ท่านอายะตุลลอฮฺอัลอุซมาฟาฎิลลันกะรอนียฺ :ตอบว่า, ไม่อนุญาตเนื่องจากการเชือดพลีแกะเป็นวาญิบประการหนึ่งของพิธีฮัจญฺซึ่งต้องทำให้มุนาหรือสถานที่ปัจจุบันได้กระทำกันอยู่และต้องเชือดพลีในช่วงเทศกาลฮัจญฺเท่านั้นท่านอายะตุลลอฮฺอัลอุซมามะการิมชีรอซียฺ :ตอบว่า, ก่อนหน้านี้ได้ออกคำวินิจฉัยประเด็นนี้ไปแล้วว่าฮุจญาตสามาถเลือกได้ว่าจะเชือดพลีในมักกะฮฺหรือที่เมืองของตนแต่ต้องพิจารณาและเอาใจใส่เงื่อนไขต่างๆของการกุรบานอย่างสมบูรณ์ ...
  • เมื่อกล่าวว่าอัลกุรอานมาจากพระเจ้า จุดประสงค์หมายถึงอะไร ? เฉพาะความหมายรวมๆ เท่านั้นที่มาจากพระเจ้า หรือว่าคำก็ถูกประทานจากพระเจ้าด้วยเช่นกัน
    8148 วิทยาการกุรอาน 2553/10/21
    ตามความเป็นจริงแล้วการที่กล่าวว่า อัลกุรอานมาจากอัลลอฮฺ ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในระดับต่างๆ  อีกทั้งยังมีความหมายที่ลึกซึ่งและหลากหลาย ซึ่งในแต่ละประเด็นนั้นยังมีความหมายลึกและระเอียดลงไปอีก และในแต่ละคำพูดก็ยังมีคำพูดที่ระเอียดลงไปอีก :ก. เนื้อหาของอัลกุรอานนั้นมาจากพระเจ้าข. นอกจากนี้คำแต่ละคำยังมาจากพระเจ้าค. การรวมคำต่างที่ปรากฏอยู่ในโองการก็มาจากอัลลอฮฺเช่นกันง. โองการต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ในบทต่างๆ มาจากอัลลอฮฺ
  • เราสามารถที่จะทำน้ำนมาซหรืออาบน้ำยกฮะดัษทั้งที่ได้เขียนตาไว้หรือไม่?
    5554 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    ในการทำน้ำนมาซหรือการอาบน้ำยกฮะดัษจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆที่จะสกัดกั้นมิให้น้ำไหลถึงผิวได้ดังนั้นหากได้เขียนในวงขอบตาการอาบน้ำนมาซและการอาบน้ำยกฮะดัษถือว่าถูกต้องแต่ถ้าหากได้เขียนบริเวณรอบตาหรือบริเวณคิ้วก็จะต้องพิจารณาว่ามีความหนาแน่นถึงขั้นสกัดมิให้น้ำเข้าไปถึงบริเวณที่จะต้องทำน้ำนมาซหรือการอาบน้ำยกฮะดัษหรือไม่?เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่บรรดาฟุกะฮาอ์มีทัศนะเอกฉันท์จึงขอยกคำวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวของท่านอายาตุลลอฮ์บะฮ์ญัตมาณที่นี้“หากได้เขียนบริเวณรอบนอกของดวงตาและที่เขียนตามีความมันจนคนทั่วไปเชื่อว่าจะสกัดกั้นมิให้น้ำเข้าถึงและมั่นใจว่าเขียนขอบตาก่อนที่จะทำการอาบน้ำยกฮะดัษจะต้องอาบน้ำยกฮะดัษใหม่”[1][1]บะฮ์ญัต, มุฮัมหมัดตะกี, การวินิจฉัย, เล่มที่ 1,สำนักพิมพ์ท่านอายาตุลลอฮ์บะฮ์ญัต
  • ทัศนะของอุละมาอฺนักปราชญ์ทั้งหมดถือว่าการสูบบุหรี่ฮะรอมหรือไม่ ?
    7114 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    อิสลามได้ห้ามการกินการดื่มและการใช้ประโยชน์จากบางสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและถ้าทุกสิ่งที่มีอันตรายมากการห้ามโดยปัจจัยสาเหตุก็ยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งถึงขึ้นฮะรอมด้วยซ้ำไปท่านอิมามโคมัยนี ...
  • การสู่ขออดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลามที่ชื่ออุร็อยนับโดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน มีผลต่อเหตุการณ์กัรบะลาอย่างไร?
    6865 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่าแม้ยะซีดจะมีสิ่งบำเรอกามารมณ์อย่างครบครันแต่ก็ยังอยากจะเชยชมหญิงที่มีสามีแล้วอย่างอุร็อยนับบินติอิสฮ้ากภรรยาของอับดุลลอฮ์บินสะลามมุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อของยะซีดจึงคิดอุบายที่จะพรากหญิงสาวคนนี้จากสามีเพื่อให้ลูกชายของตนสมหวังในกามราคะอิมามฮุเซน(อ.) ทราบเรื่องนี้เข้าจึงคิดขัดขวางแผนการดังกล่าวโดยใช้บทบัญญัติอิสลามทำลายอุบายของมุอาวิยะฮ์และปล่อยให้อุร็อยนับคืนสู่อับดุลลอฮ์บินสะลามผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่งทำให้ยะซีดหมดโอกาสที่จะย่ำยีครอบครัวนี้ได้อีกต่อไปแม้รายงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะมีข้อกังขามากพอสมควรแต่สมมติว่าเป็นเรื่องจริงก็มิไช่เรื่องเสียหายสำหรับอิมามฮุเซนแต่อย่างใดกลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดีอนึ่งไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุนองเลือดที่กัรบะลา ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59035 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56467 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41358 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38138 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    37897 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33208 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27311 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26929 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    26815 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24902 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...