การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
14059
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/04/09
คำถามอย่างย่อ
การถูกสาปเป็นลิงคือโทษของผู้ที่จับปลาในวันเสาร์เพราะมีความจำเป็นหรืออย่างไร?
คำถาม
โองการที่ 65 ซูเราะฮ์บะเกาะเราะฮ์กล่าวว่า “แน่แท้สูเจ้าทราบดีว่ากลุ่มหนึ่งจากสูเจ้ามิได้เกรงข้อบังคับเกี่ยวกับวันเสาร์ เราจึงได้สาปโดยตรัสว่าจงเป็นลิงเถิด” ถามว่าเหมาะสมแล้วหรือที่ผู้ที่จำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาในวันเสาร์ควรจะถูกสาปเป็นลิง ถามว่าอัลลอฮ์ทรงให้ความสำคัญแก่การหิวโหยและเกียจคร้านในวันหยุดมากกว่าการทำมาหากินกระนั้นหรือ? ทั้งที่ในยุคนั้นเองก็ไม่มีสิ่งบันเทิงใจเสมือนยุคปัจจุบัน
คำตอบโดยสังเขป

ในเบื้องแรกควรทราบว่าการหาปลาประทังชีวิตมิไช่เหตุที่ทำให้บนีอิสรออีลส่วนหนึ่งถูกสาป เพราะการหาเลี้ยงชีพนอกจากจะไม่เป็นที่ต้องห้ามแล้ว ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของอิบาดะฮ์ในทัศนะอิสลามอีกด้วย ท่านอิมามศอดิก(อ.)กล่าวว่า “ผู้ที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเสมือนนักต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์” ฉะนั้น เหตุที่ทำให้พวกเขาถูกสาปจึงไม่ไช่แค่การจับปลา และนั่นก็คือสิ่งที่อัลลอฮ์กล่าวไว้ว่า “และเช่นนี้แหล่ะที่เราได้ทดสอบพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาฝ่าฝืน”
สิ่งที่ช่วยยืนยันเหตุผลดังกล่าวก็คือ มีสำนวน اعتدوا และ یعدون (ละเมิด) ปรากฏในโองการที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  อันแสดงว่าพวกเขาถูกลงโทษเนื่องจากทำบาปและฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์ ทำให้ไม่ผ่านบททดสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
การพักงานในวันเสาร์ถือเป็นหลักปฏิบัติถาวรของชนชาติยิวจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็มิได้เป็นการชี้โพรงให้นอนเอกเขนกด้วยความเกียจคร้านแต่อย่างใด แต่เนื่องจากโดยปกติแล้ว คนเราจะทำงานอย่างเต็มที่ตลอดสัปดาห์โดยไม่ไคร่จะสนใจอิบาดะฮ์ ความสะอาด ครอบครัว ฯลฯ เท่าที่ควร จึงสมควรจะสะสางหน้าที่เหล่านี้ในวันหยุดสักหนึ่งวันต่อสัปดาห์ การได้อยู่กับครอบครัวก็มีส่วนทำให้เกิดพลังงานด้านบวกที่จะกระตุ้นให้เริ่มงานในวันแรกของสัปดาห์อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น การไม่ทำงาน (ที่เป็นทางการ) ในวันหยุด มิได้แสดงถึงความเกียจคร้านเสมอไป

คำตอบเชิงรายละเอียด

เพื่อให้เกิดความกระจ่างในประเด็นนี้ ไคร่ขอเกริ่นนำว่า
หนึ่ง. นอกจากโองการที่ถามมาเกี่ยวกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวันเสาร์แล้ว อัลลอฮ์ยังทรงกล่าวไว้ในโองการที่ ซูเราะฮ์อะอ์ร้อฟว่า “และจงสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับ (ความเป็นมา) ของเมืองชายทะเลแห่งหนึ่ง (และจงรำลึก)เมื่อครั้งที่พวกเขาได้กระทำการละเมิด(บทบัญญัติของพระองค์)ในวันเสาร์ โดยในครานั้นฝูงปลาได้ปรากฏในวันเสาร์ (อันเป็นวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา) แต่ไม่ปรากฏในวันอื่นๆ เช่นนี้แหล่ะที่เราได้ทดสอบพวกเขาด้วยสิ่งที่พวกเขามักจะละเมิดเสมอมา”

สอง. เกี่ยวกับกรณีที่ว่าพวกเขาละเมิดอย่างไรนั้น มีสองทัศนะด้วยกัน
ก. เนื่องจากฝูงปลาชุกชุมในวันเสาร์เหตุเพราะไม่อนุญาตให้จับ ทำให้มีคนฉลาดแกมโกงขุดบ่อดักปลาในวันเสาร์และลงไปจับในวันอาทิตย์
ข. พวกเขาละเมิดกฏด้วยการจับปลาด้วยวิธีปกติในวันเสาร์[1]

สาม. ด้วยเหตุที่ชนเผ่ายิวละเมิดคำบัญชาของอัลลอฮ์และศาสนทูตด้วยการสร้างความเสื่อมเสียในศาสนา ทำให้ต้องประสบกับละอ์นัตของพระองค์ ส่งผลให้คนส่วนใหญ่สูญเสียแรงศรัทธาทีละน้อย อัลลอฮ์ได้ทรงเตือนว่าถ้าหากยังดื้อดึงและฝ่าฝืนเช่นนี้ต่อไป จะประสบกับพลังกริ้วของพระองค์อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการสาปแช่งหรือ “ฎ็อมส์” อันหมายถึงการลงโทษที่ไม่เหลือร่องรอยใดๆ พระองค์จะจัดการกับพวกเขาด้วยสองสิ่งดังกล่าวโดยไม่ละเว้นโทษอย่างแน่นอน[2]

หลังจากทราบประเด็นข้างต้นแล้ว เราจะเริ่มพิจารณาคำถามที่ได้ถามมา และเนื่องจากสำนวนคำถามตั้งอยู่บนสมมุติฐานอันคลาดเคลื่อน เราจึงขอตอบคำถามด้วยการนำเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องดังต่อไปนี้

การจับปลาหาเลี้ยงชีพเป็นเหตุให้พวกเขาถูกสาปเป็นลิงกระนั้นหรือ?

รายงานของฝ่ายมุสลิมระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับชาวบนีอิสรออีลกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ริมทะเลแห่งหนึ่ง (คาดว่าจะเป็นแถบชายฝั่งทะเลแดง) ณ เมืองท่าที่ชื่อ “อีละฮ์” (ปัจจุบันเรียกว่าท่าอีลาต) โดยอัลลอฮ์ได้ทดสอบพวกเขาด้วยการห้ามไม่ให้จับปลาในวันเสาร์ ทว่าคนกลุ่มนี้ฝ่าฝืนคำสั่ง ทำให้ต้องประสบกับชะตากรรมอันเจ็บปวด[3] ด้วยเหตุนี้การที่พวกเขาถูกสาปมิได้เกิดจากการออกหาปลาเพื่อประทังชีวิตโดยปกติ เพราะการหาเลี้ยงชีพนอกจากจะไม่เป็นที่ต้องห้ามแล้ว ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของอิบาดะฮ์ในทัศนะอิสลามอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วย่อมไม่ทำให้ถูกสาปอย่างแน่นอน มีฮะดีษที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้สองบทด้วยกัน

หนึ่ง. ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวว่า “ผู้ที่ซื้อเนื้อเลี้ยงครอบครัวแม้เพียงดิรฮัมเดียว ประหนึ่งได้ปล่อยทาสจากวงศ์วานนบีอิสมาอีลให้เป็นไท”[4]
สอง. อิมามศอดิก(อ.)กล่าวว่า “ผู้ที่มีวิริยะอุตสาหะหาเลี้ยงครอบครัวของตน เสมือนดั่งนักต่อสู้ในหนทางของพระองค์ที่ฟาดฟันอยู่กลางสนามรบ”[5]

เหล่านี้ทำให้ทราบว่าการจับปลาโดยสุจริตมิไช่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้พวกเขาถูกสาป แต่เกิดขึ้นเพราะเหตุผลที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า “เช่นนี้แหล่ะที่เราได้ทดสอบพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาเคยฝ่าฝืนมาโดยตลอด”[6] เมื่อพิจารณาโองการนี้ประกอบกับฮะดีษต่างๆที่คล้ายคลึงกันทำให้ทราบว่า บททดสอบดังกล่าวคล้ายกับเหตุการณ์ที่นบีอิบรอฮีมรับบัญชาให้เชือดพลีนบีอิสมาอีล[7] หรือการระงับมิให้กองทัพของฏอลู้ตดื่มน้ำ[8] ซึ่งล้วนเป็นการทดสอบชนชาติบนีอิสรออีลบางกลุ่มทั้งสิ้น แต่เนื่องจากคนกลุ่มนี้ดื้อแพ่งละเมิดบทบัญญัติ ทำให้ต้องประสบกับความกริ้วของพระองค์โดยการถูกสาปเป็นลิง

สิ่งที่ช่วยยืนยันเหตุผลดังกล่าวก็คือ มีสำนวน اعتدوا [9]และ یعدون (ละเมิด)[10] ปรากฏในโองการที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  อันแสดงว่าพวกเขาถูกลงโทษเนื่องจากทำบาปและฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์ ทำให้ไม่ผ่านบททดสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้

การงดกระทำการใดๆในวันเสาร์เป็นการส่งเสริมให้เกียจคร้านหรือไม่?
การหยุดงานในวันเสาร์ถือเป็นประกาศิตจากคัมภีร์เตาร้อต(โตร่าห์) อีกทั้งยังเป็นขนบจำเพาะสำหรับชนชาวยิว ซึ่งถือเป็นข้อบังคับสำคัญระดับต้นๆ โดยพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงบันดาลโครงสร้างของโลกเสร็จสิ้นและพักผ่อนในวันเสาร์ และเชื่อว่าชนชาติยิวลี้ภัยจากอิยิปต์สำเร็จในวันนี้ ชาวยิวจึงต้องละเว้นทุกกิจกรรมและทำบุญกุศลในวันเสาร์[11] ด้วยเหตุนี้เอง การหยุดงานในวันนี้จึงถือเป็นหลักปฏิบัติถาวรของชนชาติยิวจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็มิได้เป็นการชี้โพรงให้นอนเอกเขนกด้วยความเกียจคร้านแต่อย่างใด แต่เนื่องจากโดยปกติแล้ว คนเราจะทำงานอย่างเต็มที่ตลอดสัปดาห์โดยไม่ไคร่จะสนใจอิบาดะฮ์ ความสะอาด ครอบครัว ฯลฯ เท่าที่ควร จึงสมควรจะสะสางหน้าที่เหล่านี้ในวันหยุดสักหนึ่งวันต่อสัปดาห์ การได้อยู่กับครอบครัวก็มีส่วนทำให้เกิดพลังงานด้านบวกที่จะกระตุ้นให้เริ่มงานในวันแรกของสัปดาห์อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น การไม่ทำงาน (ที่เป็นทางการ) ในวันหยุด มิได้แสดงถึงความเกียจคร้านแต่อย่างใด

แน่นอนว่าศาสนามิได้ปิดกั้นกิจกรรมสันทนาการ เพราะมีบางกรณีที่ศาสนาส่งเสริมกิจกรรมเหล่านี้ อย่างไรก็ดี มิไช่ว่าวันหยุดจะเป็นวันแห่งกิจกรรมสันทนาการเพียงอย่างเดียว เพราะชาวบนีอิสรออีลเองก็มีหน้าที่จะต้องหยุดหาปลาและหยุดงานเพื่อประกอบกิจทางศาสนา ทว่าพวกเขาละเมิดบทบัญญัติดังกล่าว[12]

อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า ในเมื่อพวกเขามิได้ยกอวนในวันเสาร์ ก็แสดงว่ามิได้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามจับปลาในวันเสาร์ แล้วเหตุใดจึงถูกสาปในที่สุด?
ตอบได้ว่า เนื่องจากคนเหล่านี้ละเมิดบทบัญญัติของอัลลอฮ์ด้วยการขังปลาในวันเสาร์แล้วจับปลาในวันอาทิตย์ (อันถือเป็นการเลี่ยงบาลี) พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการละเมิดบทบัญญัติ เหตุเพราะการกักบริเวณปลาที่ชุกชุมในวันเสาร์ก็มิได้แตกต่างอะไรกับการจับปลา เปรียบเสมือนการจับปลาแม่น้ำมาใส่ในบ่อที่เตรียมไว้เพื่อจับในภายหลัง

ข้อสังเกตุ.
น่าฉงนใจที่คัมภีร์โตร่าห์อันอุดมไปด้วยการยกยอปอปั้นชนชาติบนีอิสรออีลนั้น มิได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเสมือนอีกหลายเหตุการณ์ที่ปรากฏในคัมภีร์กุรอาน และเหตุการณ์ต่างๆที่ปรากฏในสองคัมภีร์นี้ก็มีสำนวนที่แตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง[13]

 


[1] เฏาะบัรซี, ฟัฎล์ บิน ฮะซัน, มัจมะอุ้ลบะยาน ฟีตัฟซีริลกุรอาน, คณะผู้แปล,เล่ม 1,หน้า 204-205, สำนักพิมพ์นาศิรโคสโร,เตหราน,พิมพ์ครั้งที่สาม,ปี 1372

[2] เฏาะบาเฏาะบาอี,ซัยยิดมุฮัมมัดฮุเซน,อัลมีซาน,มูซะวี ฮะมะดอนี และซัยยิดมุฮัมมัด บากิร,เล่ม 4,หน้า 584,สำนักพิมพ์อิสลามี ญามิอะฮ์มุดัรริซีน สถาบันศึกษาศาสนาแห่งเมืองกุม,กุม,พิมพ์ครั้งที่ห้า,ปี1374

[3] มะการิม ชีรอซี,นาศิร,ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,เล่ม 6,หน้า 418,ดารุลกุตุบิลอิสลามียะฮ์,เตหราน,พิมพ์ครั้งแรก,ปี1374

[4] มัจลิซี,มุฮัมมัด บากิร,บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 75,หน้า 32,สถาบันอัลวะฟา,เบรุต,เลบานอน,ฮ.ศ.1404

[5] กุลัยนี,อัลกาฟี,เล่ม 5,หน้า 88,ดารุลกุตุบิลอิสลามียะฮ์,เตหราน,ปี1365

[6] อัลอะอ์ร้อฟ,163

[7] “เมื่อเขา(อิสมาอีล)ถึงวัยอันควร (อิบรอฮีม)ได้กล่าวแก่เขา(อิสมาอีล)ว่า โอ้ลูกรัก พ่อฝันว่าพ่อกำลังเชือดลูก ลูกมีความเห็นเช่นไร? เขากล่าวว่า โอ้พ่อจ๋า ทำในสิ่งที่ได้รับบัญชาเถิด ในไม่ช้าพ่อจะได้เห็นว่าผมเป็นผู้อดทน” อัศศ้อฟฟ้าต,103

[8] “เมื่อครั้งที่ฏอลู้ตกรีฑาทัพพร้อมกับเหล่าทหาร เขาได้กล่าวว่าพระองค์ทรงทดสอบพวกท่านด้วยธารน้ำ ผู้ใดที่ดื่มน้ำในลำธารนี้ไม่ไช่พวกฉัน ผู้ที่ไม่ดื่มคือพรรคพวกของฉัน เว้นแต่จะจิบเพียงฝ่ามือ หลังจากนั้นปรากฏว่าส่วนน้อยเท่านั้นที่งดดื่มน้ำ และเมื่อฏอลู้ตและเหล่าผู้ศรัทธาได้ข้ามลำธารดังกล่าวแล้ว เหล่าผู้คัดค้านพากันกล่าวว่า เราไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้กับญาลู้ตและกองทัพได้อีกต่อไป” อัลบะเกาะเราะฮ์,249

[9] อัลบะเกาะเราะฮ์,65

[10] อัลอะอ์ร้อฟ,163

[11] ทอเลกอนี,ซัยยิดมะห์มู้ด,วงรัศมีจากกุรอาน,เล่ม1,หน้า186, ห้างหุ้นส่วนการพิมพ์,เตหราน,พิมพ์ครั้งที่สี่,ปี1362

[12] มะการิม ชีรอซี,นาศิร,ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์(ปรับเนื้อหาเล็กน้อย),เล่ม6,หน้า419

[13] ทอเลกอนี,ซัยยิดมะห์มู้ด,วงรัศมีจากกุรอาน,เล่ม1,หน้า186

 

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • สาเหตุของการตั้งฉายานามท่านอิมามริฎอ (อ.) ว่าผู้ค้ำประกันกวางคืออะไร?
    8719 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    หนึ่งในฉายานามที่มีชื่อเสียงของท่านอิมามริฎอ (อ.) คือ..”ผู้ค้ำประกันกวาง” เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในหมู่ประชาชน,แต่ไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในตำราอ้างอิงของฝ่ายชีอะฮฺแต่อย่างใด, แต่มีเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกับเรื่องนี้อย่ซึ่งมีได้รับการโจษขานกันภายในหมู่ซุนนีย, ถึงปาฏิหาริย์ที่พาดพิงไปยังเราะซูล
  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60721 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • กรุณาอธิบายสาเหตุและเงื่อนไขของวะลียุลฟะกีฮ์ ตลอดจนเหตุผลที่เลือกพณฯอายะตุลลอฮ์ อุซมา คอเมเนอี ขึ้นดำรงตำแหน่งวะลียุลฟะกีฮ์.
    7039 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/12
    ในทัศนะของชีอะฮ์, วิลายะฮ์ของฟะกีฮ์(ผู้เชี่ยวชาญศาสนา)ในยุคที่อิมามเร้นกายนั้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากวิลายะฮ์ของบรรดาอิมามมะอ์ศูม(อ) กล่าวคือในยุคที่อิมามมะอ์ศูม(อ)ยังไม่ปรากฏกายหน้าที่การปกครองดูแลประชาคมมุสลิมจะได้รับการสืบทอดสู่บรรดาฟะกีฮ์ซึ่งฟุก่อฮา(พหูพจน์ฟะกีฮ์
  • วิธีตอบรับสลามขณะนมาซควรทำอย่างไร?
    12206 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/20
    ขณะนมาซ, จะต้องไม่ให้สลามบุคคลอื่น แต่ถ้าบุคคลอื่นได้กล่าวสลามแก่เขา, เขาจะต้องตอบในลักษณะที่ว่ามีคำว่า สลาม ขึ้นหน้า, เช่น กล่าวว่า »อัสลามุอะลัยกุม« หรือ »สลามุน อะลัยกุม« ซึ่งจะต้องไม่ตอบว่า »วะอะลัยกุมสลาม«[1] สิ่งจำเป็นต้องกล่าวถึงคือ, คนเราต้องตอบรับสลามอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะอยู่ในนมาซหรือไม่ก็ตาม ซึ่งถ้าลืมหรือตั้งใจไม่ตอบรับสลามโดยทิ้งช่วงให้ล่าช้านานออกไป, และไม่นับว่าเป็นการตอบรับสลามอีกต่อไป, ขณะนมาซไม่จำเป็นต้องตอบ และถ้านอกเวลานมาซไม่วาญิบต้องตอบรับสลามอีก[2] [1] ...
  • ฮะดีษนี้น่าเชื่อถือหรือไม่? : "เราได้บันดาลให้อลี(อ.)ลูกเขยของเจ้า(นบี)ได้รับการบันทึกไว้ในซูเราะฮ์อินชิร้อห์"
    7749 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/11/09
    เราไม่พบฮะดีษใดๆที่มีเนื้อหาเช่นนี้อย่างไรก็ดีในตำราตัฟซี้รเชิงฮะดีษมีฮะดีษหลายบทที่อรรถาธิบายโองการفإذا فرغت فأنصب وإلی ربک فارغب ว่า "เมื่อเจ้า(นบี)ปฏิบัติภารกิจศาสนทูตลุล่วงแล้วก็จงแต่งตั้งอลี(อ.)เป็นผู้นำเหนือปวงชน" หรือฮะดีษที่อธิบายโองการแรกของซูเราะฮ์นี้ที่รายงานจากอิมามศอดิก(
  • เพราะเหตุใดจึงได้เลือก อัดลฺ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะของพระเจ้า เป็นหลักศรัทธา?
    7624 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/08/22
    หลักอุซูลของชีอะฮฺประกอบด้วย เตาฮีด, อัดลฺ, มะอาด, นะบูวัต, และอิมามะฮฺ. อัดลฺ แม้ว่าจะเป็นซิฟัตหนึ่งของอัลลอฮฺ แต่ในหลักการศรัทธาแล้วก็เหมือนกับ ซิฟัตอื่นๆ ของพระองค์ จำเป็นต้องวิพากในเตาฮีด แต่เนื่องจากความสำคัญของอัดลฺ จึงได้แยกอธิบายไว้ต่างหาก สาเหตุที่ อัดลฺ มีความสำคัญเนื่องจาก อัดลฺ คือสาเหตุของการแยกระหว่างหลักเทววิทยาของฝ่าย อัดลียะฮฺ (ชีอะฮฺและมุอฺตะซิละฮฺ) ออกจากฝ่ายอะชาอิเราะฮฺ ซิฟัตหนึ่งถ้าพิสูจน์ว่ามีหรือไม่มี จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันและตรงข้ามกัน แน่นอน จำเป็นต้องกล่าวว่าฝ่ายอะชาอิเราะฮฺ ปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องความยุติธรรมของพระเจ้า ทว่ากล่าวว่า ความยุติธรรม หมายถึงอัลลอฮฺกระทำภารกิจของพระองค์ แม้ว่าในแง่ของสติปัญญา สิ่งนั้นจะเป็นความอธรรมก็ตาม ...
  • “ศอดุกอติฮินนะ” และ “อุญูริฮินนะ” ในกุรอานหมายถึงอะไร?
    7966 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/08
    คำว่า “ศอดุกอติฮินนะ”[1] มีการกล่าวถึงในประเด็นของการแต่งงานถาวร และได้กล่าวว่าสินสอดนั้นเป็น “ศิด้าก”[2] อายะฮ์ที่คำดังกล่าวปรากฏอยู่นั้น บ่งบอกถึงสิทธิที่สตรีจะต้องได้รับ และย้ำว่าสามีจะต้องจ่ายค่าสินสอดของภรรยาของตน[3] นอกจากว่าพวกนางจะยกสินสอดของนางให้กับเขา[4] นอกจากนี้คำนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสัจจะและความจริงใจในการแต่งงานด้วยเช่นกัน[5] ส่วนคำว่า “อุญูริฮินนะ”[6] หมายถึงการแต่งงานชั่วคราวและที่เรียกกันว่า “มุตอะฮ์” นั้นเอง และกล่าวว่า “จะต้องจ่ายมะฮัรแก่สตรีที่ท่านได้แต่งงานชั่วคราวกับนางเนื่องจากสิ่งนี้เป็นวาญิบ”[7] คำถามนี้ไม่มีคำตอบเชิงรายละเอียด
  • การรู้พระเจ้าเป็นไปได้ไหมสำหรับมนุษย์ ขอบเขตและคุณค่าของการรู้จักมีมากน้อยเพียงใด ?
    7582 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    มนุษย์สามารถรู้พระเจ้าด้วยวิธีการที่แตกต่างกันหลายวิธีซึ่งเป็นไปได้ที่การรู้จักอาจผ่านเหตุผล (สติปัญญา)หรือผ่านทางจิตใจบางครั้งอาจเป็นเหมือนปราชญ์ผู้ชาญฉลาดซึ่งรู้จักโดยผ่านทางความรู้ประจักษ์หรือการช่วยเหลือทางความรู้สึกและสิตปัญญาในการพิสูจน์จนกระทั่งเกิดความเข้าใจหรือบางครั้งอาจเป็นเหมือนพวกอาริฟ (บรรลุญาณ),รู้จักเองโดยไม่ผ่านสื่อเป็นความรู้ที่ปรากฏขึ้นเองซึ่งเรียกว่าจิตสำนึกตัวอย่างเช่นการค้นพบการมีอยู่ของไฟบางครั้งผ่านควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นทำให้เกิดความเข้าใจหรือเวลาที่มองเห็นไฟทำให้รู้ได้ทันทีหรือเห็นรอยไหม้บนร่างกายก็ทำให้รู้ได้เช่นกันว่ามีไฟ
  • การทำความผิดซ้ำซาก เป็นให้ถูกลงโทษรุนแรงหรือ?
    11898 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/08/22
    การทำความผิดซ้ำซากมีความหมาย 2 อย่าง กล่าวคือ 1-ทำความผิดซ้ำบ่อยครั้ง, 2- กระทำผิดโดยไม่ได้คิดลุแก่โทษ หรือไม่เคยกลับตัวกลับใจ การทำความผิดซ้ำซากนั้น จะมีผลติดตามมาซึ่งหนักหนาสาหัสมาก ทั้งโองการอัลกุรอานและรายงานฮะดีซ ได้กล่าวตำหนิไว้อย่างรุนแรง และยังได้กล่าวเตือนอีกว่าผลของการกระทำความผิดนั้น เช่น การเปลื่ยนจากความผิดเล็กเป็นความผิดใหญ่, การออกนอกวงจรของผู้มีความสำรวมตน, ความอับโชคเฮงซวยทั้งหลาย, อิบาดะฮฺไม่ถูกตอบรับ, ลากพามนุษย์ไปสู่เขตแดนของผู้ปฏิเสธศรัทธาและพระเจ้า และ ... หนึ่งในผลของการทำความผิดซ้ำซากคือ การได้รับโทษทัณฑ์อันรุนแรงทั้งโลกนี้และโลกหน้า เหมือนกับบุคคลที่ได้ทำบาปใหญ่ ถ้าเป็นครั้งที่สองเขาจะถูกลงโทษและถูกเฆี่ยนตี ถ้าเป็นครั้งที่สามประหารชีวิต ...
  • การคบชู้หมายถึงอะไร?
    11061 สิทธิและกฎหมาย 2557/05/22
    การซินา หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์โดยผิดประเวณีกับหญิงอื่น ที่มิใช่ภรรยาตามชัรอีย์ (ภรรยาที่สมรสถาวร หรือชั่วคราว) การซินาในทัศนะอัลกุรอาน, ถือเป็นบาปใหญ่ อัลลอฮฺ ตรัสถึงการซินาไว้ว่า “จงอย่าเข้าใกล้การลอบผิดประเวณี เนื่องจากเป็นการลามกและทางอันชั่วช้ายิ่ง”[1],[2] การกระทำดังกล่าว ถ้ากระทำโดยหญิงมีสามี หรือชายมีภรรยาอยู่แล้ว เรียกว่า การเป็นชู้[3] แต่ถ้ามิได้เป็นไปในลักษณะดังกล่าวมา จะไม่ถือว่าเป็นการทำชู้ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบัญญัติของการซินา และการลงโทษที่จะติดตามมา อันถือว่าเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ และหน้าขยะแขยงยิ่งนี้ กรุณาศึกษาจากคำตอบต่อไปนี้ อย่างไรหรือที่เรียกว่า ซินา, 8243 (ไซต์ 8288) การลงโทษ และการลุแก่โทษ กรณีการทำชู้ 7159 (ไซต์ 7508) ฮุกุ่มของการซินากับหญิงมีสามี 2688 (ไซต์ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60721 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58375 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42828 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40342 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39442 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34578 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28633 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28546 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28492 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26410 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...