การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8050
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/05/16
คำถามอย่างย่อ
การลงโทษชาวบนีอิสรออีลข้อหาบูชาลูกวัวเป็นสิ่งที่เหมาะสมแก่ความผิดหรือไม่?
คำถาม
: โองการที่ 53 ซูเราะฮ์บะเกาะเราะฮ์ได้กล่าวไว้ว่า “และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า โอ้กลุ่มชนของฉัน แท้จริงพวกท่านได้อยุติธรรมแก่ตัวของพวกท่านเอง โดยที่พวกท่านได้ยึดถึอลูกวัวตัวนั้น (เป็นที่เคารพสักการะ) ดังนั้นจงกลับสู่พระผู้บังเกิดของพวกท่านเถิด แล้วจงฆ่าพวกท่านกันเอง นั่นเป็นสิ่งดีแก่พวกท่าน ณ พระผู้บังเกิดของพวกท่าน ภายหลังพระองค์ก็ได้ทรงอภัยโทษแก่พวกท่าน แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” ควรคำนึงให้ดีว่าการเข่นฆ่ากันเองถือเป็นการชดเชยความเขลาที่โองการนี้ระบุว่าเป็นการชดเชยที่ดีที่สุดกระนั้นหรือ? ดังที่อัลลอฮ์ได้ขอให้บนีอิสรออีลได้กระทำเช่นนี้
คำตอบโดยสังเขป

นักอรรถาธิบายกุรอานได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของอัลลอฮ์ในการบัญชาให้สังหารกันในโองการนี้ไว้ 3 ประการ “1. สิ่งนี้เป็นบททดสอบ และเมื่อพวกเขาได้เตาบะฮ์และสำนึกผิดแล้ว สิ่งนี้ก็ได้ถูกยกเลิก 2. ความหมายของการฆ่าในที่นี้คือการตัดกิเลศและแรงยั่วยุของชัยตอน 3. ความหมายของการฆ่าในโองการนี้ คือการฆ่าจริง ๆ กล่าวคือจะต้องฆ่ากันเอง ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือทั้งหมดของประเด็นต่อไปนี้ก็เป็นได้: ก. ชำระจิตใจชาวบนีอิสรออีลให้ผ่องแผ้วจากการตั้งภาคี ข. ยับยั้งไม่ให้บาปใหญ่หลวงเช่นนี้อีก ค. ต้องการสื่อให้เห็นถึงปัญหาการหันเหจากหลักเตาฮีด และการหันไปสู่การกราบไหว้เจว็ด อย่างใดก็ตาม การรับการลงโทษที่หนักหน่วงที่สุดก็ถือว่าคุ้มค่าหากแลกกับการหลุดพ้นจากไฟนรก

คำตอบเชิงรายละเอียด

อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า “และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า โอ้กลุ่มชนของฉัน แท้จริงพวกท่านได้อยุติธรรมแก่ตัวของพวกท่านเอง โดยที่พวกท่านได้ยึดถึอลูกวัวตัวนั้น (เป็นที่เคารพสักการะ) ดังนั้นจงกลับสู่พระผู้บังเกิดของพวกท่านเถิด แล้วจงฆ่าตัวของพวกของท่านเอง นั่นเป็นสิ่งดีแก่พวกท่าน ณ พระผู้บังเกิดของพวกท่าน ภายหลังพระองค์ก็ได้ทรงอภัยโทษแก่พวกท่าน แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [1]

  1. นักอรรถาธิบายกุรอานได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของอัลลอฮ์ในการบัญชาให้สังหารกันในโองการนี้ไว้ 3 ประการ ประกาศิตในโองการนี้ถือเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง เฉกเช่นพระบัญชาที่มีแก่นบีอิบรอฮีม (อ.) ที่ระบุให้เชือดพลีนบีอิสมาอีล (อ.) ซึ่งก่อนที่นบีอิสมาอีล (อ.) จะถูกฆ่าได้มีโองการประทานมาว่า “แน่นอน เจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตาม(ที่เห็นใน)ฝันแล้ว”[2] ในกรณีของนบีมูซา (อ.) อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ก็ได้กล่าวไว้ว่า “จงหวลคืนสู่พระผู้บังเกิดของพวกท่านเถิด แล้วจงฆ่าตัวของพวกท่านเอง นั่นเป็นสิ่งดีแก่พวกท่าน” แต่ก่อนที่พระบัญชาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ พระองค์ได้ถือว่าการฆ่าบางส่วนถือเป็นการฆ่าทั้งหมดแล้ว และได้ตอบรับเตาบะฮ์ของพวกเขา[3]
  2. การฆ่าในโองการดังกล่าวหมายถึงการตัดกิเลศและการยั่วยุของชัยตอน โองการนี้ต้องการจะสื่อให้เห็นว่า จงตัดกิเลศของตนและยับยั้งการยั่วยุของชัยตอน และจงยอมรับความเป็นเอกะของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์[4]
  3. การฆ่าในโองการนี้หมายถึงการฆ่าในรูบแบบที่แท้จริง กล่าวคือจงปลิดชีพกันและกัน[5] เนื่องจากการถูกฆ่าในโลกนี้ดีกว่าสำหรับสูเจ้า

กลุ่มที่เชื่อว่าอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ต้องการสื่อถึงการฆ่าในรูปแบบที่แท้จริงนั้น ได้กล่าวถึงปราชญาของพระบัญชาดังกล่าวไว้บางประการซึ่งเราจะขอหยิบยกมา ณ ที่นี้บางประการ

  1. การฆ่านี้จะเป็นการชำระล้างบนีอิสรออีลจากการตั้งภาคีและชีริก และจะทำให้พวกเขาเข้าสู่ชีวิตที่นิรันดร์ และความผาสุกอย่างแท้จริง[6]
  2. การเข่นฆ่ามนุษย์ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดและเป็นฮะรอม แต่บางครั้งเมื่อคำนึงถึงความจำเป็น ถือเป็นการดีและจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นวาญิบ ซึ่งความจำเป็นบางประการของสังคมและศาสนาสามารถเปลี่ยนกฏเกณฑ์ดังกล่าวได้ กรณีของบนีอิสรออีลก็เช่นกัน เนื่องจากการฆ่ากันเองในหมู่พวกเขาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้หลาบจำไม่กระทำบาปอันใหญ่หลวงนี้อีก จึงทำให้กลายเป็นสิ่งที่เหมาะควรแก่เหตุ[7]
  3. การสักการะบูชารูปปั้นลูกวัวของซามิรีไม่ใช่เรื่องที่ผ่อนปรนได้  เนื่องจากประชาชนกลุ่มนี้เห็นอภินิหารของอัลลอฮ์ที่สำแดงโดยศาสดามูซา(อ.)กับตาของตนเอง แต่กลับลืมเรื่องราวเหล่านี้ โดยเมื่อศาสนทูตของพวกเขาได้ปลีกตัวไปในระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขาละทิ้งหลักการแห่งเตาฮีดและศาสนาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) กลายเป็นผู้ที่บูชาเจว็ด  หากประเด็นนี้ไม่ถูกถอนรากถอนโคนจากความคิดของพวกเขาแล้ว ภัยอันตรายต่างๆก็จะบังเกิดขึ้น  บุคคลเหล่านี้จะฉวยโอกาสทำลายล้างศาสนาและคำภีร์ของท่านนบีมูซาโดยเฉพาะหลังจากที่ท่านเสียชีวิต ศาสนาของท่านจะตกอยู่ในอันตรายในไม่ช้า  ฉะนั้น ในที่นี้จึงต้องใช้ความรุนแรง โดยไม่ควรโอนอ่อนผ่อนตามคำขออภัยโทษเพียงลมปาก ด้วยเหตุนี้เองที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ทรงสั่งให้มีการลงโทษอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ของเหล่าศาสนทูต คำบัญชาดังกล่าวก็คือการสั่งให้กลับตัวกลับใจสู่เตาฮีด พร้อมทั้งสั่งให้มีการประหารผู้กระทำผิดจำนวนมากด้วยวิธีเฉพาะ (สังหารกันเอง)

ความรุนแรงของการลงโทษดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากการหันเหออกจากหลักความเชื่อของเตาฮีดแห่งพระองค์ และหันมาบูชาเจว็ด ซึ่งมิใช่เรื่องธรรมดาที่จะผ่อนปรนกันง่ายๆโดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาได้เห็นมุอฺญิซาตที่กระจ่างชัดและความโปรดปรานของอัลลอฮฺ (ซบ.)แล้ว  แท้ที่จริงหลักการทั้งหมดของทุกๆศาสนาแห่งฟากฟ้านั้นสามารถสรุปในหลักการของความเชื่อในเรื่องความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า(เตาฮีด)ได้  หากหลักการแห่งเตาฮีดนี้สั่นคลอน ก็เท่ากับว่าหลักการอื่นๆของศาสนาจะพลอยเสียหายไปด้วยเช่นกัน  หากการบูชาลูกวัวถือเป็นเรื่องหลัก ประเด็นนี้อาจจะกลายเป็นจารีตประเพณีสำหรับคนรุ่นหลังก็ได้  โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นแล้วว่าประชาชาติอิสรออีลเป็นกลุ่มชนที่มีความดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่ง  ดังนั้นควรที่จะลงโทษด้วยบทลงโทษที่จะทำให้ตราตรึงในสำนึกของผู้คนทุกยุคสมัย เพื่อมิให้ผู้ใดริอ่านบูชาเจว็ด   โองการที่ว่า
  ذلِكُمْ خَيْرٌ لَكُمْ عِنْدَ بارِئِكُم (สิ่งนั้น – การฆาตกรรมกันเอง - เป็นสิ่งดีกว่า ณ พระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้า)  อาจบ่งชี้ถึงความหมายดังกล่าว[8]

สุดท้ายนี้ จำเป็นต้องชี้แจงว่า การลงโทษที่หนักหน่วงที่สุดในโลกดุนยา ไม่อาจจะเทียบได้กับการลงโทษสถานเบาที่สุดในโลกหน้า  ด้วยเหตุนี้ หากผู้ใดสามารถอดทนต่อบทลงโทษในโลกนี้เพื่อนำพาตนเองพ้นจากการลงโทษและความยากลำบากทั้งหลายในโลกนี้เพื่อแลกกับความทรมานและยากลำบากในโลกหน้าแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง  และเราเชื่อว่าการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าในโลกดุนยา ถือเป็นการชดใช้กรรมสำหรับความผิดบาปของบุคคลที่เตาบะฮฺด้วยจิตใจที่มั่นคง

กรุณาพิจารณาฮะดีษที่ว่า

“ มีการจับกุมขโมยกลุ่มหนึ่งและนำตัวมาพบกับท่านอิมามอาลี(อ.) ท่านสั่งให้ตัดมือขโมยเหล่านั้น และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พาผู้ต้องหาไปยังสถานที่ที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง ท่านสั่งให้มีการรักษาบาดแผลจากการถูกตัดมือ และหลังจากนั้นก็ได้เลี้ยงอาหารพวกเขาด้วยอาหารที่เอร็ดอร่อยอย่างเช่นเนื้อ และน้ำผึ้ง โดยได้กล่าวแก่พวกเขาว่า  โอ้บรรดาผู้กระทำผิดทั้งหลาย  ตอนนี้มือทั้งหลายของพวกท่านนั้นได้ล่วงหน้าเข้าไปในนรกแล้ว หากพวกท่านเตาบะฮฺ และพระองค์ก็ทรงรู้ว่าท่านนั้นมีความสัจจริงในการเตาบะฮฺนี้ มือของพวกท่านก็จะถูกนำกลับมาจากไฟนรกและจะเข้าสู่สรวงสวรรค์พร้อมกับพวกท่าน  หากไม่เป็นเช่นนั้น มือที่ถูกตัดเหล่านั้นจะดึงพวกท่านลงไปในขุมนรกพร้อมกับ[9]

เกี่ยวกับผู้ที่ถูกสังหารในหมู่ประชาชาติอิสรออีลนั้น มีความเป็นไปได้อยู่ 2 ประการด้วยกันดังนี้

1.พวกเขาได้สำนึกผิดและเตาบะฮ์ ในกรณีนี้พวกเขาจะได้เข้าสู่สวรรค์อย่างนิรันดร์ ซึ่งการที่เราได้อดทนจากความทุกข์ทรมารเพื่อที่จะไปถึงสิ่งๆนี้นั้น มันมีค่ายิ่งนัก

2.หรือไม่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในความเชื่อเดิมๆที่ผิดพลาด เมื่อพิจารณาถึงการที่พวกเขาเคยประจักษ์ถึงอภินิหารต่างๆ การลงโทษประหารชีวิตถือว่าน้อยนิด

 


[1] บะเกาะเราะฮ์, 54, :" وَ إِذْ قَالَ مُوسىَ‏ لِقَوْمِهِ يَاقَوْمِ إِنَّكُمْ ظَلَمْتُمْ أَنفُسَكُم بِاتخَِّاذِكُمُ الْعِجْلَ فَتُوبُواْ إِلىَ‏ بَارِئكُمْ فَاقْتُلُواْ أَنفُسَكُمْ ذَالِكُمْ خَيرٌْ لَّكُمْ عِندَ بَارِئكُمْ فَتَابَ عَلَيْكُمْ  إِنَّهُ هُوَ التَّوَّابُ الرَّحِيم‏"

[2] ศอฟฟาต, 105, " يا إِبْراهِيمُ قَدْ صَدَّقْتَ الرُّؤْيا"

[3] มูซาวี ฮะเมดอนี, ซัยยิดมูฮัมหมัดบากิร, แปลอัลมีซาน, เล่ม 1, หน้า 288, สำนักพิมพ์ อิสลามี ญามิอะฮ์ มุดัรริซีน เฮาซะฮ์ อิลมียะฮ์ กุม, 1374, พิมพ์ครั้งที่ 5

[4] คาชานี, มุลลาฟัตฮุลลอฮ์, ตัฟซีร มินฮาจุศศอดิกีน ฟี อิลซามุล มุคอลิฟีน, เล่ม 1, หน้า 192, สำนักพิมพ์ร้านหนังสือมุฮัมหมัดฮาซัน อะละมี, เตหะราน, ปีที่พิมพ์ 1336

[5] ตัฟซีร มินฮาจุศศอดิกีน ฟี อิลซามุล มุคอลิฟีน, เล่ม 1, หน้า 192

[6] ตัฟซีร มินฮาจุศศอดิกีน ฟี อิลซามุล มุคอลิฟีน, เล่ม 1, หน้า 192

[7] แปลมัจมะอุลบะยาน ฟีย์ตัฟซีริล กุรอาน, เล่ม 1, หน้า 179, วิจัยโดย ริฏอ เซทูเดฮ์, สำนักพิมพ์ ฟะรอฮอนีย์, เตหะราน, 1360, พิมพ์ครั้งที่

[8] มะการิม ชีรอซี, นาศิร, ตัฟซีรเนมูเนฮ์, เล่ม, หน้า256, สำนักพิมพ์ ดารุลกุตุบ อัลอิสลามียะฮ์, เตหะราน, 1374, พิมพ์ครั้งที่ 1

[9] คุลัยนี, มูฮัมหมัด บินยะอ์กูบ, กาฟี, เล่ม 7, หน้า 266, ฮะดีษที่ 31, สำนักพิมพ์ดารุลกุตุบ อัลอิสลามียะฮ์, เตหะราน, 1365 ส.ค.

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ด้วยการประกอบอิบาดะฮฺนานหลายพันปีของชัยฏอน แล้วมารไม่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺเลยหรือ?
    8030 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/22
    จากคำกล่าวของอัลกุรอาน ชัยฏอนมาจากหมู่ญิน ซึ่งญินนั้นมีภารกิจหน้าที่เช่นเดียวกับมนุษย์ตามคำกล่าวของท่านอิมามอะลี (อ.) : ชัยฏอนได้อิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺนานถึง 6,000 ปี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นปีทางโลกหรือปีของปรโลก (ซึ่งหนึ่งวันของปรโลกเท่ากับ 1,000 ปี).ซึ่งความกรุณาอันยิ่งใหญ่และความการุณย์ที่มีต่ออิบลิสก็คือ ประการแรก มารได้ประสบความสำเร็จในการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ สอง เนื่องจากอิบาดะฮฺอย่างมากมายมหาศาลทำให้มารได้ยกระดับชั้นเทียบเท่ามลาอิกะฮฺ ซึ่งสิทธิพิเศษที่มารได้รับการช่วยเหลือก็คือ มารได้นั่งในชั้นเดียวกันกับมลาอิกะฮฺ ซึ่งเงื่อนไขของความสะอาดของพวกเขา และเป็นหนึ่งในระบบทางโลกก็คือ บุคคลใดก็ตามที่รู้จักมากระดับชั้นของหน้าที่ก็จะสูงตามไปด้วย, แต่ถ้าผิดพลาดเมื่อใดก็จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง
  • การบริหารแอโรบิกมีฮุกุมอย่างไร?
    7692 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/19
    สำนักงานท่านอายาตุลลอฮ์ อัลอุซมา คอเมเนอี โดยรวมแล้ว หากกระทำไปโดยเคล้าเสียงดนตรีประเภทที่เหมาะแก่การสังสรรค์อันเป็นบาป หรือมีส่วนกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ หรือนำมาด้วยการกระทำที่ฮะรอมและการอันไม่ควรนั้น ถือว่าไม่อนุญาต สำนักงานท่านอายาตุลลอฮ์ อัลอุซมา ซิซตานี หากดนตรีดังกล่าวเหมาะแก่การทำบาป ต้องงดการฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ สำนักงานท่าอายาตุลลอฮ์ อัลอุซมา ศอฟี กุลพัยกานี หากกีฬาประเภทนี้มีการเต้นหรือบรรเลงดนตรี ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม คำตอบของท่านอายาตุลลอฮ์ มะฮ์ดี ฮาดาวี เตหะรานี มีดังนี้ หากกีฬานี้มิได้กระทำพร้อมกับดนตรีที่เป็นฮะรอม และไม่ก่อให้เกิดสิ่งที่ชั่วร้ายและการอันไม่ควรนั้น ถือว่าอนุญาต แต่ในกรณีที่กีฬานี้กระทำไปพร้อมกับการกระทำที่เป็นฮะรอม เช่นไม่คลุมฮิญาบ (ต่อหน้าผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอม) หรือมีการบรรเลงดนตรีที่จะกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ หรือกรณีที่กีฬาชนิดดังกล่าวและการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้น จะก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ...
  • ถ้าหากรายงานที่กล่าวประณามการสั่งสมทรัพย์สมบัติถูกต้อง, ดังนั้น ทรัพย์สมบัติของคนเราหรือแม้แต่ทรัพย์สินของบรรดาอุละมาอฺจะอธิบายว่าอย่างไร?
    6902 ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ 2554/11/21
    ประการแรก: รายงานที่กล่าวถึง,แม้ว่าจะมีสายรายงานที่อ่อนแอก็ตาม, แต่เมื่อพิจารณารายงานอื่นที่กล่าวถึงประเด็นนี้, ก็จะสามารถลบล้างความอ่อนแอของสายรายงานฮะดีซดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
  • กฏการโกนเคราและขนบนร่างกายคืออะไร?
    15292 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    เฉพาะการโกนเคราบนใบหน้า[1]ด้วยมีดโกนหรือเครื่องโกนหนวดทั่วไปถึงขั้นที่ว่าบุคคลอื่นเห็นแล้วกล่าวว่าบนใบหน้าของเขาไม่มีหนวดแม้แต่เส้นเดียว, ฉะนั้นเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบถือว่าไม่อนุญาต
  • อิสลามมีทัศนะเกี่ยวกับการอ่านเร็วบางไหม? โปรดให้ความเห็นด้วยว่า อิสลามเห็นด้วยกับการอ่านเร็วไหมในประเด็นใด?
    20975 2555/05/17
    การอ่านเร็ว หรือการอ่านช้าขึ้นอยู่กับบุคคลที่ค้นคว้า ส่วนคำสอนศาสนานั้นมิได้ระบุถึงประเด็นเหล่านี้ แต่สิ่งที่กล่าวถึงเกี่ยวกับการอัลกุรอานคือ จงอ่านด้วยท่องทำนองอย่างชัดเจน ดังที่กล่าวว่า : "وَ رتّلِ القُرآنَ تَرتیلاً" และจงอ่านอัล-กุรอานเป็นจังหวะอย่างตั้งใจ[1] ท่านอิมาม (อ.) กล่าวอธิบายว่า จงอย่ารีบเร่งอ่านอัลกุรอานเหมือนกับบทกลอน และจงอย่าทิ้งช่วงกระจัดกระจายเหมือนก้อนกรวด[2] เช่นเดียวกันรายงานกล่าวว่า ท่านอิมามริฎอ (อ.) จะอ่านอัลกุรอานจบทุกๆ สามวัน ท่านกล่าวว่า ถ้าหากฉันต้องการอ่านให้จบน้อยกว่า 3 วัน ก็สามารถทำได้ แต่เมื่ออ่านโองการเหล่านั้น ฉันจะคิดและใคร่ครวญเกี่ยวกับโองการเหล่านั้นว่า โองการเหล่านั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร และถูกประทานลงมาเกี่ยวกับเรื่องอะไร ในเวลาใด, ด้วยเหตุนี้ ฉันจะอ่านอัลกุรอานจบหนึ่งรอบในทุก 3 ...
  • การรักษาอาการพูดมาก มีแนวทางใดบ้าง?
    12936 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/12/21
    ลิ้นนอกจากจะเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺแล้วยังเป็นสื่อในการพัฒนาการและเป็นเครื่องมือติดต่อกับคนอื่นอีกด้วย, ขณะเดียวกันลิ้นก็ยังมีความเสียหายรวมอยู่ด้วยอย่างมากมายและยังสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธ์ความผิดบาปต่างๆได้อีกเป็นจำนวนมหาศาลอีกด้วย, สำหรับการควบคุมลิ้นและการใช้ประโยชน์ในที่จำเป็นและมีความสำคัญนั้นในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนทุกเช้าจงเตือนตัวเองว่าโปรดระวังรักษาลิ้นของตนให้ดี
  • ถ้าหากไม่ทราบว่าและได้รับประทานเนื้อฮะรอมไป จะมีความผิดอันใดบ้าง?
    5868 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/21
    บุคคลใดหลังจากรับประทานอาหารแล้ว, เพิ่งจะรู้ว่านั่นเป็นอาหารฮะรอม, ถ้าหากไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะฮะรอมประกอบกับมีสัญลักษณ์ของฮะลาลด้วยเช่นมาจากร้านของมุสลิม, มิได้กระทำบาปอันใด
  • ริวายะฮ์ที่กล่าวว่า “ในสมัยที่อิมามอลี (อ.) ปกครองอยู่ ท่านมักจะถือแซ่เดินไปตามถนนหนทางและท้องตลาดพร้อมจะลงโทษอาชญากรและผู้กระทำผิด” จริงหรือไม่?
    6623 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/18
    สำนักงานท่านอายะตุลลอฮ์อัลอุซมา มะการิม ชีรอซี ริวายะฮ์ข้างต้นกล่าวถึงช่วงรุ่งอรุณขณะที่ท่านสำรวจท้องตลาดในเมืองกูฟะฮ์ และการที่ท่านมักจะพกแซ่ไปด้วยก็เนื่องจากต้องการให้ประชาชนสนใจและให้ความสำคัญกับกฏหมายนั่นเอง สำนักงานท่านอายะตุลลอฮ์อัลอุซมาศอฟีย์ กุลพัยกานี ริวายะฮ์ได้กล่าวไว้เช่นนั้นจริง และสิ่งที่อิมามอลี(อ.) ได้กระทำไปคือสิ่งที่จำเป็นต่อสถานการณ์ในยุคนั้น การห้ามปรามความชั่วย่อมมีหลายวิธีที่จะทำให้บังเกิดผล ดังนั้นจะต้องเลือกวิธีที่จะทำให้สังคมคล้อยตามความถูกต้อง คำตอบของท่านอายะตุลลอฮ์มะฮ์ดี ฮาดาวี เตหะรานี มีดังนี้ หากผู้ปกครองในอิสลามเห็นสมควรว่าจะต้องลงโทษผู้ต้องหาและผู้ร้ายในสถานที่เกิดเหตุ หลังจากที่พิสูจน์ความผิดด้วยวิธีที่ถูกต้อง และพิพากษาตามหลักศาสนาหรือข้อกำหนดที่ผู้ปกครองอิสลามได้กำหนดไว้ การลงทัณฑ์ในสถานที่เกิดเหตุถือว่าไม่ไช่เรื่องผิด และในการนี้ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงริวายะฮ์ดังกล่าวแต่อย่างใด แต่รายงานที่ถูกต้องที่ปรากฏในตำราฮะดีษอย่าง กุตุบอัรบาอะฮ์[1] ก็คือ ท่านอิมามอลี (อ.) พกแซ่เดินไปตามท้องตลาดและมักจะตักเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในเรื่องต่าง ๆ โดยไม่มีตำราเล่มใดบันทึกว่าอิมามอลี (อ.) เคยลงโทษผู้ใดในตลาด
  • อะไรคือเหตุผลที่ต้องชำระคุมุสตามทัศนะชีอะฮ์ ต้องนำจ่ายแก่ผู้ใด และเหตุใดพี่น้องซุนหนี่จึงไม่ปฏิบัติ?
    8750 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/28
    1. โองการที่กล่าวถึงศาสนกิจโดยเฉพาะนั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับกุรอานทั้งเล่มเนื่องจากกุรอานจะกล่าวถึงหัวข้อศาสนกิจอย่างกว้างๆเช่นนมาซศีลอด ...ฯลฯและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านนบี(
  • เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์คนหนึ่งซึ่งตลอดอายุขัยเขาอยู่ท่ามกลางการหลงทาง และประพฤติผิด และ..? แล้วในปรโลกชะตาชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปได้ไหม เนื่องจากการทำดี ดุอาอฺ และการวิงวอนขออภัยของคนอื่น ทั้งที่เขาไม่มีบทบาทอันใด?
    8338 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    ประเด็นที่คำถามได้กล่าวถึงมิใช่ว่าจะสามารถรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม, หรือปฏิเสธโดยสิ้นเชิงร้อยทั้งร้อย, ทว่าขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้กระทำลงไปโดยผู้กระทำผิด, เนื่องจากความผิดบางอย่างเช่น “การตั้งภาคีเทียบเทียมพระเจ้า”

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60324 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57862 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42426 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39688 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39088 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34172 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28206 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28150 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28076 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26026 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...