การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
5809
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/19
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7330 รหัสสำเนา 20878
หมวดหมู่ ริญาลุลฮะดีซ
คำถามอย่างย่อ
เหตุใดนบีและบรรดาอิมามจึงไม่ประพันธ์ตำราฮะดีษเสียเอง?
คำถาม
ตำราฮะดีษมักจะมีหลายส่วนที่ขัดแย้งกัน เหตุใดนบีและบรรดาอิมามจึงไม่เขียนตำราฮะดีษเสียเอง? ทำไมไม่เขียนตัฟซี้รกุรอานเสียเอง? เหตุใดคนอื่นๆจึงมีผลงานประพันธ์ฝากไว้ แต่อิมามเองกลับไม่มีเช่นนั้นบ้าง?
คำตอบโดยสังเขป

อัลลอฮ์ลิขิตให้ท่านนบีมิได้เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์คนใด จึงไม่อาจจะเขียนหนังสือได้ เหตุผลก็ค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากอภินิหารของท่านคือคัมภีร์อัลกุรอาน และเนื่องจากไม่ไช่เรื่องแปลกหากผู้มีการศึกษาจะเขียนหนังสือสักเล่ม อาจจะทำให้เกิดข้อครหาว่าคัมภีร์กุรอานเป็นความคิดของท่านนบีเองหรือครูบาอาจารย์ของท่าน ส่วนกรณีของบรรดาอิมามนั้น นอกจากท่านอิมามอลี(.)และอิมามซัยนุลอาบิดีน(.)แล้ว อิมามท่านอื่นๆมิได้มีตำราที่ตกทอดถึงเรา ทั้งนี้ก็เพราะภาระหน้าที่ทางสังคม หรืออยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม หรือการที่มีลูกศิษย์คอยบันทึกอยู่แล้ว

คำตอบเชิงรายละเอียด

คำถามข้างต้นแบ่งออกเป็นสองประเด็น
1.
กรณีท่านนบี(..): ท่านนบี(..)มีชีวิตที่ต่างจากผู้อื่น ซึ่งจากลิขิตของอัลลอฮ์ทำให้ท่านมิได้เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์คนใด ทำให้ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ เหตุผลก็ค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากอภินิหารของท่านคือคัมภีร์อัลกุรอาน และเนื่องจากไม่ไช่เรื่องแปลกหากผู้มีการศึกษาจะเขียนหนังสือสักเล่ม อาจจะทำให้เกิดข้อครหาว่าคัมภีร์กุรอานเป็นความคิดของท่านนบีเองหรือครูบาอาจารย์ของท่าน ด้วยเหตุนี้กุรอานจึงกล่าวว่าและเจ้าไม่เคยอ่านหนังสือและเขียนหนังสือก่อนจะมีคัมภีร์กุรอาน มิเช่นนั้นเหล่าผู้นิยมสิ่งโมฆะย่อมจะสงสัยในตัวเจ้า[1]

ฉะนั้น แม้ว่าสำหรับคนทั่วไป การอ่านออกเขียนได้จะเป็นเรื่องจำเป็น แต่สำหรับบางคน การที่ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้กลับเป็นสิ่งจำเป็น ดังที่เกิดขึ้นในกรณีของท่านนบี(..) ทั้งนี้หากนักวิชาการผู้คงแก่เรียนจะอ้างว่าตนเป็นศาสนทูต และนำเสนอคัมภีร์จากฟากฟ้าสักเล่มหนึ่ง ย่อมมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าศาสนาหรือคัมภีร์ดังกล่าวเกิดจากความคิดของเขาหรือไม่? คงจะด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการให้ศัตรูใช้เป็นข้ออ้างได้ ท่านนบี(..)จึงไม่เขียนข้อความใดๆแม้หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนบีแล้ว[2] ทว่ารับความรู้จากวิวรณ์จากพระองค์เท่านั้น[3] ดังที่นักกวีนามฮาฟิซกล่าวว่า

ศาสดาของฉันไม่เคยมีอาจารย์สอนอ่านเขียน
แต่ชั่วพริบตากลายเป็นผู้เล่าเรียนร้อยครูบา[4]

2. กรณีของบรรดาอิมาม(.)
คำกล่าวในคำถามข้างต้นอาจจะไม่ถูกนัก เนื่องจากท่านอิมามอลี(.)ที่ได้รับฉายานามว่าบิดาแห่งอิมาม(.)เคยประพันธ์หนังสือไว้เล่มหนึ่ง ที่เป็นที่รู้จักในหมู่ทายาทของท่านในนามกิตาบ อลี[5] ซึ่งมิได้นำเสนอสู่สายตาคนทั่วไป ส่วนท่านอิมามซัยนุลอาบิดีนก็มีหนังสือเศาะฮีฟะฮ์ ซัจญาดียะฮ์ที่มีอยู่กระทั่งปัจจุบัน ส่วนตำราตัฟซี้รกุรอานนั้น ท่านอิมามอลี(.)คือบุคคลแรกที่รวบรวมกุรอานและบันทึกเหตุในการประทานพร้อมคำอธิบาย แต่เคาะลีฟะฮ์และผู้คนในสมัยนั้นกลับมีท่าทีไม่สนใจ[6]

นอกจากตำราเหล่านี้แล้ว เราก็ไม่พบว่าบรรดาอิมามประพันธ์ตำราเล่มอื่นๆอีก ซึ่งมีเหตุผลดังต่อไปนี้:
2.1. ภาระหน้าที่การชี้นำทางสังคม
เมื่อเทียบกับภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งของบรรดาอิมามในแต่ละยุคแล้ว การประพันธ์หนังสือจะกลายเป็นเรื่องเล็กในทันที อิมามมิไช่นักเขียน อิมามคือผู้นำทั้งกายและใจสำหรับประชาชน มีหน้าที่ต้องอบรมผู้คนให้มีจิตผ่องแผ้ว ท่านเป็นนักต่อสู้ที่พร้อมพลีชีพเพื่ออิสลาม มีหน้าที่ดูแลประชาชนทั้งทางโลกและทางธรรม และแม้ว่าการเขียนหนังสือจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผู้เป็นอิมาม(.)ย่อมเลือกกระทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ ท่านอาจจะเขียนตำราหากมีโอกาส แต่กล่าวได้ว่ามีเพียงอิมามอลี(.)และอิมามซัยนุลอาบิดีน(.)เท่านั้นที่มีโอกาสเช่นนั้น

2.2. อยู่ในสถานการณ์พิเศษ
เหตุผลนี้มองได้สองมุมด้วยกัน

หนึ่ง. ผู้คนไม่ให้ความสำคัญต่อท่าน
เนื่องด้วยลักษณะสังคมที่ผู้ปกครองที่อธรรมสร้างขึ้น ทำให้ผู้คนในยุคนั้นไม่สนใจอะฮ์ลุลบัยต์อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งก็ถือเป็นเหตุผลหลักที่บรรดาอิมาม(.)จำต้องลดบทบาทตนเองลง อย่างไรก็ดี การที่ผู้คนไม่นิยมไม่ทำให้วุฒิภาวะของท่านเหล่านั้นลดลงแต่อย่างใด ประชาชนเหล่านั้นต่างหากที่เสียประโยชน์ สรุปคือ สังคมจะต้องมีความพร้อมในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถนำเสนอข้อเขียนหรือตำราได้

สอง. สภาวะปิดกั้นเสรีภาพทางความคิด
สภาวะเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะสกัดกั้นการนำเสนอข้อเขียนหรือสาส์นจากบรรดาอิมาม(.) แต่ยังรวมไปถึงข้อเขียนของสานุศิษย์ของท่านอีกด้วย สาวกของท่านอิมามญะว้าด(.)กล่าวแก่ท่านว่าครูบาของพวกเรารายงานและบันทึกฮะดีษจากอิมามบากิร(.)และอิมามศอดิก(.) แต่ด้วยบรรยากาศที่ปิดกั้นทางความคิด ทำให้ท่านเหล่านั้นเก็บซ่อนไว้ไม่เผยแพร่ เราจะทำอย่างไรกับตำราเหล่านี้ดีขอรับ? อิมามตอบว่าตำราเหล่านี้ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร จงเผยแพร่ออกไปเถิด[7] ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า บรรยากาศดังกล่าวคือเหตุผลหลักที่ทำให้บรรดาอิมาม(.)ไม่สามารถจะเขียนข้อความใดๆแม้แต่จดหมาย (นับประสาอะไรกับตำรา) เนื่องจากผู้ปกครองราชวงศ์อุมะวีและอับบาซิดต่างก็ใช้ควบคุมและสอบสวนบรรดาอิมาม(.)อย่างเข้มงวด แม้ภาวะดังกล่าวจะหนักเบาไม่เท่ากัน แต่อิมามทุกท่านก็ต้องอำพรางความเชื่อของตน ดังที่อิมามบากิร(.)กล่าวว่า การอำพรางความคิดคือแนวทางของฉัน และแนวทางของบรรพบุรุษของฉัน[8]

 2.3. การมีสานุศิษย์นักบันทึก
สานุศิษย์บางคนที่มีชื่อเสียงในด้านรายงานฮะดีษมักจะจดบันทึกฮะดีษของอิมามไว้เสมอ พจนารถของบรรดาอิมาม(.)จึงยังคงมีอยู่จนถึงยุคของเราแม้ว่าบรรดาอิมาม(.)จะมิได้ประพันธ์ด้วยตนเอง
อาจจะคิดว่าหากบรรดาอิมาม(.)ประพันธ์หนังสือฮะดีษด้วยตนเองจะทำให้ไม่มีฮะดีษที่ขัดแย้งกัน แต่คงจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้ว่าอิมามจะบันทึกด้วยตนเอง ตำราเหล่านี้ก็อาจจะถูกผู้ไม่หวังดีบิดเบือนเสมือนตำราของสานุศิษย์ หรืออาจจะทำให้ยิ่งกระหายจะบิดเบือนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหากตำราเหล่านี้ถูกบิดเบือน ก็ย่อมจะอันตรายต่อผู้อ่านมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากนักรายงานฮะดีษจะไว้วางใจตำราเหล่านี้จนไม่คิดจะพิจารณาตรวจทานใดๆ ฉะนั้น การมีหนังสือที่อิมามบันทึกด้วยตนเองจึงไม่มีประโยชน์ใดๆเป็นพิเศษ

ท้ายนี้ขอชี้แจงว่า คงไม่ถูกต้องนักหากเราจะเชื่อว่าในตำราฮะดีษมีความขัดแย้งกันเองเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างฮะดีษบางบทสามารถบรรลุข้อสรุปได้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านนี้  ฮะดีษทั้งหมดของเราได้รับการสังคายนาโดยอิมาม(.)และเหล่าสหายหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งความขัดแย้งบางส่วนได้รับการเชื่อมต่อโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญฟิกเกาะฮ์

เพื่อศึกษาเพิ่มเติม กรุณาอ่าน คำถามที่ 1937 (ลำดับในเว็บไซต์: 2185) การกำหนดและจำแนกฮะดีษเศาะฮี้ห์



[1] อัลอังกะบู้ต,48

[2] มุเฏาะฮะรี,มุรตะฎอ,ศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือ,หน้า 6,ศ็อดรอ,เตหราน 1378

[3] มะการิม ชีรอซี,นาศิร,ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,เล่ม 16,หน้า 308, ดารุลกุตุบุลอิสลามียะฮ์,เตหราน,1374

[4] บทกวีฮาฟิซ,กวีที่ 167

[5] กุลัยนี,มุฮัมมัด บินยะอ์กู้บ,เล่ม 1,หน้า 41,ดารุลกุตุบุลอิสลามียะฮ์,เตหราน,1365

[6] เพื่อศึกษาเพิ่มเติม กรุณาอ่าน คำถามที่ 4687 (ลำดับในเว็บไซต์: 4954)

[7] อัลกาฟี,เล่ม 1,หน้า 53

[8] เพิ่งอ้าง,เล่ม 2,หน้า 219

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • ปวงข้าทาสเป็นอย่างไร ปวงบ่าวคือใคร? แล้วเราสามารถเคลื่อนไปในหนทางของการแสดงความเคารพภักดีได้อย่างไร ?
    7081 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/03/08
     คำว่าอิบาดะฮฺนักอักษรศาสตร์ส่วนใหญ่ตีความว่าหมายถึงขั้นสูงสุดของการมีสมาธิหรือความต่ำต้อยด้อยค่าดังนั้นจึงไม่สมควรอย่างยิ่งเว้นเสียแต่ว่าสำหรับบุคคลที่ประกาศขั้นตอนของการมีอยู่ความสมบูรณ์และความยิ่งใหญ่ของความโปรดปรานและความดีงามออกมาฉะนั้นการแสดงความเคารพภักดีที่นอกเหนือไปจากพระเจ้าแล้วถือเป็นชิริกทั้งสิ้น
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    6522 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • เราสามารถพบอับดุลลอฮฺ 2 คน ซึ่งทั้งสองจะได้ปกครองประเทศอาหรับก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามซะมาน ได้หรือไม่?
    6254 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    หลังจากการศึกษาค้นคว้ารายงานดังกล่าวแล้วได้บทสรุปดังนี้:รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่าบุคคลใดก็ตามรับประกันการตายของอับดุลลอฮฺแก่ฉัน (
  • กฏการโกนเคราและขนบนร่างกายคืออะไร?
    14693 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    เฉพาะการโกนเคราบนใบหน้า[1]ด้วยมีดโกนหรือเครื่องโกนหนวดทั่วไปถึงขั้นที่ว่าบุคคลอื่นเห็นแล้วกล่าวว่าบนใบหน้าของเขาไม่มีหนวดแม้แต่เส้นเดียว, ฉะนั้นเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบถือว่าไม่อนุญาต
  • เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรู้จักบุคคลสำคัญในสวรรค์และนรก?
    6223 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/03/07
    มีหลายโองการในกุรอานที่กล่าวถึงบทสนทนาระหว่างชาวสวรรค์และชาวนรก ซึ่งทำให้พอจะทราบคร่าวๆได้ว่าชาวสวรรค์สามารถที่จะรับรู้สภาพและชะตากรรมของบุคคลต่างๆในนรกได้ นอกจากนี้ เหล่าบุรุษชาวอะอ์ร้อฟรู้จักสีหน้าของชาวสวรรค์และชาวนรกเป็นอย่างดี มีฮะดีษมากมายที่ระบุว่าเหล่าบุรุษแห่งอะอ์ร้อฟนั้น ตามนัยยะเชิงแคบก็คือบรรดาอิมามมะอ์ศูม(อ.) ส่วนนัยยะเชิงกว้างก็หมายถึงบรรดามนุษย์ที่ได้รับการเลือกสรร ซึ่งจะอยู่ในลำดับถัดจากบรรดาอิมาม โดยบุคคลเหล่านี้อยู่เหนือชาวสวรรค์และชาวนรกทั้งมวล เราขอนำเสนอความหมายของโองการเหล่านี้ดังต่อไปนี้ 1. โองการที่ 50-57 ซูเราะฮ์ อัศศ้อฟฟ้าต “ในสรวงสวรรค์ ผู้คนต่างหันหน้าเข้าหากันแล้วถามไถ่กันและกัน โดยหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า แท้จริงฉันมีสหายคนหนึ่งที่ถามฉันว่า เธอเชื่อได้อย่างไรที่ว่าหลังจากที่เราตายและกลายเป็นธุลีดินแล้ว จะถูกนำไปพิพากษา (ชาวสวรรค์กล่าวว่า) ท่านรับรู้สภาพปัจจุบันของเขาหรือไม่? เมื่อนั้นก็ได้ทราบว่าเขาอยู่ ณ ใจกลางไฟนรก (ชาวสวรรค์)กล่าวแก่เขาว่า ขอสาบานต่อพระองค์ เจ้าเกือบจะทำให้ฉันหลงทางแล้ว หากปราศจากซึ่งพระเมตตาของพระองค์ ฉันคงจะอยู่(ในไฟนรก)เช่นกัน”[1] 2. โองการที่ 50-57 ซูเราะฮ์ มุดดัษษิร “ทุกคนย่อมค้ำประกันความประพฤติของตนเอง นอกจากสหายแห่งทิศขวาซึ่งจะถามไถ่กันในสรวงสวรรค์ ...
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27214 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เข้ากันได้อย่างไร ระหว่างความดีและชั่ว กับความเป็นเอกะและความเมตตาของพระเจ้า?
    6833 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/04/07
    1. โลกใบนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาในลักษณะที่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ไม่อาจอยู่เป็นเอกเทศหรืออยู่ตามลำพังได้, องค์ประกอบและสัดส่วนต่างๆ บนโลกนี้ ถ้าหากพิจารณาให้รอบคอบจะพบว่าทุกสรรพสิ่ง เปรียบเสมือนโซ่ที่ร้อยเรียงติดเป็นเส้นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดเหล่านั้นรวมเรียกว่า ระบบการสร้างสรรค์อันสวยงาม, ด้วยเหตุนี้ ไม่สามารถกล่าวได้ว่าในโลกนี้มีพระเจ้า 2 องค์ เช่น พูดว่าน้ำและน้ำฝนมีพระเจ้าองค์หนึ่ง น้ำท่วมและแผ่นดินไหวมีพระเจ้าอีกองค์หนึ่ง, แน่นอน ถ้าหากน้ำท่วมและแผ่นดินไหวมาจากระบบหนึ่ง และน้ำฝน แสงแดด การโคจร และ ...ได้ตามอีกระบบหนึ่ง เท่ากับว่าโลกใบนี้มี 2 ระบบ เวลานั้นเราจึงสามารถกล่าวได้เช่นนี้ว่า โลกมีพระเจ้า 2 องค์ ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากความจำกัดของโลกมีเพียงแค่ระบบเดียวที่เข้ากันและมีความสวยงาม ซึ่งทั้งหมดสามารถเจริญเติบโตไปสู่ความสมบูรณ์ของตนได้อย่างเสรี สรุปแล้วโลกใบนี้ต้องมีพระเจ้าองค์เดียว ผู้ทรงเมตตาปรานียิ่ง 2.ความเมตตาปรานีของพระเจ้า วางอยู่บนพื้นฐานแห่งวิทยปัญญาของพระองค์ ซึ่งสิ่งนี้ได้กำหนดว่ามนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายต่างได้รับการชี้นำทางไปสู่การพัฒนา และความสมบูรณ์แต่ก็มิได้หมายความว่าจะเป็นไปได้ทุกหนทางในการบริการ หรือทุกหนทางที่จะก้าวเดินไป ทว่าการไปถึงยังความสมบูรณ์นั้นได้เป็นตัวกำหนดว่า มนุษย์ต้องผ่านหนทางที่ยากลำบากไปให้ได้ เขาต้องเผชิญกับความยากลำบาก และการต่อสู้ในชีวิตเพื่อก้าวไปสู่ความสมบูรณ์ อีกนัยหนึ่งศักยภาพต่างๆ ...
  • การปรากฏกายชั้นศุฆรอเป็นหัวข้อหนึ่งในหลักมะฮ์ดะวียัตหรือไม่?
    5859 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/03/07
    การปรากฏกายชั้นศุฆรอเป็นสำนวนที่เกี่ยวโยงกับการเร้นกายขั้นศุฆรอ ซึ่งต้องการจะสื่อว่า ในเมื่อท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)เคยมีการเร้นกายขั้นศุฆรอ(เล็ก)ก่อนการเร้นกายขั้นกุบรอ(ใหญ่) ก็ย่อมจะมีการปรากฏกายชั้นศุฆรอก่อนจะปรากฏกายขั้นกุบรอระดับโลกเช่นกัน อนึ่ง สำนวนดังกล่าวไม่มีพื้นเพจากฮะดีษใดๆ ...
  • ฮะดีษร็อฟอ์ (เพิกถอน) คืออะไร?
    7098 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/02/04
    ฮะดีษร็อฟอ์เป็นชื่อเรียกของฮะดีษสองบทจากท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งหนึ่งในสองบทกล่าวถึงการผ่อนผันข้อบังคับหรือสถานะนานาประเภทรวมทั้งผลต่อเนื่องต่างๆในอิสลามให้พ้นจากผู้บรรลุนิติภาวะในลักษณะบทเฉพาะกาล อีกบทหนึ่งกล่าวถึงการผ่อนผันข้อบังคับบางประการเฉพาะสำหรับบุคคลบางกลุ่มฮะดีษแรกแม้จะมีข้อแตกต่างเกี่ยวกับรายละเอียดของภาระที่ผ่อนผันอยู่บ้างแต่ก็ปรากฏอยู่ในตำราที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ของชีอะฮ์ทั้งยุคแรกและยุคหลังโดยอิมามศอดิก(อ.) และอิมามริฎอ(อ.)รายงานจากท่านนบี(ซ.ล.) และถือว่ามีสายรายงานที่เศาะฮี้ห์เนื้อหาเบื้องต้นของฮะดีษที่คัดเฉพาะบทที่มีรายละเอียดสมบูรณ์ที่สุดมีดังนี้ “ประชาชาติมุสลิมได้รับการผ่อนผันเก้าสิ่งต่อไปนี้หนึ่ง. ความผิดพลาดสอง.การหลงลืมสาม. สิ่งที่ไม่รู้สี่. สิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ห้า. สิ่งที่กระทำโดยไม่มีทางเลือกหก. สิ่งที่ถูกบังคับให้กระทำเจ็ด. การกระทำที่ฤกษ์ไม่ดีแปด. ความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับการสร้างโลกเก้า. ความริษยาตราบเท่าที่ยังไม่สำแดงออก”[i]ฮะดีษชุดนี้นอกจากจะได้รับการอรรถาธิบายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอุศูลุลฟิกห์แล้ว (เกี่ยวกับหลักมุจมั้ลและมุบัยยันในตำราของพี่น้องซุนนะฮ์ยุคแรก) ยังได้รับการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยผู้เชี่ยวชาญวิชาอุศู้ลในสายอิมามียะฮ์อีกด้วย (ใช้ตัวบทที่ว่าمالایعلمون เพื่อพิสูจน์หลักบะรออะฮ์ในข้อสงสัยเชิงฮุก่มหักห้าม)ฮะดีษอีกบทหนึ่งที่เป็นที่รู้จักในนาม (ร็อฟอุ้ลเกาะลัม) เป็นสายรายงานของฝ่ายอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ที่รายงานจากท่านนบีผ่านท่านอิมามอลี(อ.) และอาอิชะฮ์
  • เพราะสาเหตุใดอัลกุรอานอ่านจึงมิได้ถูกรวบรวมตามการถูกประทานลงมา
    7668 วิทยาการกุรอาน 2557/01/22
    ไม่มีคำสั่งหรือรายงานใดจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เกี่ยวกับการรวบรวมอัลกุรอาน ตามการประทานลงมามาถึงพวกเรา การรวบรวมอัลกุรอานได้ถูกกระทำลงไปหลายขั้นตอนด้วยกัน ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้รวบรวมอัลกุรอานตามการประทานลงมา แต่ในที่สุดอัลกุรอานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นการรวบรวมโดยเหล่าบรรดาสากวก โดยได้รับความเห็นชอบจากบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) ว่าสมบูรณ์ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59365 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56820 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41644 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38392 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38388 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33427 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27522 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27214 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27109 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25180 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...