การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
13485
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/07/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1122 รหัสสำเนา 15324
คำถามอย่างย่อ
มีข้อแนะนำใดบ้างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนคลอดบุตร?
คำถาม
กรุณานำเสนอบทบัญญัติอิสลามและข้อควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตรด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

มีข้อแนะนำบางอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตร อาทิเช่น ปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วน ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอน บริโภคอาหารที่ฮะลาลและสะอาดโดยเฉพาะผลไม้นานาชนิด เข้ารับการตรวจโรคทางพันธุกรรม งดความเครียด  มองทิวทัศน์ที่สวยงาม รักษาสุขอนามัย ออกกำลังกาย ฯลฯ
หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ครบถ้วน ก็จะทำให้มีสมาชิกครอบครัวที่มีสุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิต ส่งผลให้สังคมก้าวสู่ความผาสุกในอุดมคติ

คำตอบเชิงรายละเอียด

ลูกๆเปรียบเสมือนดอกไม้งามในสวนหย่อมแห่งชีวิต พวกเขาคืออนาคตของสังคม และเพื่อให้สังคมมุสลิมเจริญก้าวหน้า อิสลามจึงนำเสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการมีบุตรไว้อย่างงดงามและเหมาะสมดังต่อไปนี้:

1. เลือกเฟ้นคู่ครองที่เหมาะสม
ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยายากจะหาสิ่งใดมาเปรียบปาน อัลลอฮ์จึงทรงถือว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของพระองค์และหนึ่งในสัญลักษณ์ของพระองค์ก็คือ การที่พระองค์ทรงสร้างคู่ครองเสมอเหมือนสูเจ้า เพื่อให้สูเจ้าได้พบกับความสงบ และได้ทรงบันดาลให้เกิดไมตรีจิตและความรักระหว่างสูเจ้า แน่นอน สำหรับผู้ไคร่ครวญในสิ่งเหล่านี้ ย่อมมีสัญลักษณ์ของพระองค์แฝงอยู่[1]
อีกด้านหนึ่ง เด็กๆก็มีสิทธิที่จะมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ และแน่นอนว่าสุขอนามัยส่วนหนึ่งของของเด็กได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ อิสลามจึงแนะนำให้หนุ่มสาวพิจารณาลักษณะนิสัยและสุขภาพของคนรักให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจมีครอบครัว ทั้งนี้ก็เพื่อให้บุตรหลานมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์  ท่านนบี(..)กล่าวว่าจงเลือกเฟ้นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับอสุจิของพวกท่าน เพราะแท้จริงแก่นแท้(ยีน)ถ่ายทอดกันได้[2]
อีกฮะดีษหนึ่งกล่าวว่าพึงหลีกเลี่ยงต้นกล้าเขียวที่งอกเงยจากกองขยะมีผู้ถามว่าโอ้ร่อซูลุลลอฮ์ สิ่งนั้นคืออะไรเล่า? ท่านตอบว่าสตรีผู้เลอโฉมที่เติบโตในครอบครัวที่ต่ำทราม[3]
ด้วยเหตุนี้ การตรวจสุขภาพทางพันธุกรรมจึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพกายและใจของบุตรหลานที่จะเกิดมา

2. ดุอาและเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูบุตร
อิมามซัยนุลอาบิดีน(.)ได้สอนดุอาบทหนึ่งแก่สาวกของท่าน โดยให้อ่านเจ็ดสิบจบ แล้วจึงขอให้พระองค์ประทานบุตรให้ ซึ่งมีใจความว่าโอ้อัลลอฮ์ โอ้ผู้สืบสานที่ประเสริฐยิ่ง โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่โดยลำพัง ขอทรงประทานผู้ช่วยเหลือแก่ข้าฯ เพื่อเป็นตัวแทนในขณะที่ข้าฯมีชีวิต และพร่ำขอลุแก่โทษหลังข้าฯเสียชีวิต โอ้อัลลอฮ์ ขอให้เขาเป็นผู้สืบทอดที่ครบถ้วนสมบูรณ์และพ้นการลวงล่อของชัยฏอน โอ้อัลลอฮ์ ข้าฯขออภัยโทษและขอคืนสู่พระองค์[4]

3. ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอน
จากเนื้อหาฮะดีษบางบททำให้ทราบว่าพฤติกรรมบางอย่างหรือเวลาบางช่วงเวลาไม่เหมาะแก่การร่วมหลับนอน เช่น
. ในวันที่เกิดสุริยุปราคาและคืนที่เกิดจันทรุปราคา
. ขณะตะวันตกดิน
. ระหว่างอะซานซุบฮิจนถึงช่วงตะวันขึ้น
. คืนแรกของแต่ละเดือน(นอกจากเดือนรอมฏอน)
. คืนสุดท้ายของแต่ละเดือน
. ร่วมหลับนอนหลังจากฝันเปียก
. ในสถานที่ๆมีเด็กอยู่และเห็นหรือได้ยินกามกิจ แม้จะไร้เดียงสาก็ตาม
. จ้องมองอวัยวะพึงสงวนของภรรยาขณะร่วมหลับนอน
. ร่วมหลับนอนในลักษณะไม่มีสิ่งใดปกปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
๑๐. ในสถานที่ๆเปิดโล่งไร้เพดาน
๑๑. ผินหน้าหรือผินหลังให้กิบละฮ์
๑๒. ร่วมหลับนอนขณะที่อิ่มแปล้[5]
ประโยชน์บางประการที่จะได้รับจากคำแนะนำข้างต้น:
อบูสะอี้ด คุดรี รายงานว่า ท่านนบี(..)ได้ให้คำแนะนำแก่ท่านอลี(.)ว่าโอ้อลี จงงดกามกิจในคืนแรก คืนกลาง และคืนสุดท้ายของเดือน เพราะจะนำมาซึ่งความวิกลจริต  โรคเรื้อน ความพิกลพิการ และความบกพร่องทางปัญญาแก่ภรรยาและบุตร[6]
แม้ว่าฮะดีษบางบทจะมีสายรายงานที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่บางบทก็มีสายรายงานที่น่าเชื่อถือพอควร จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าว อีกประเด็นที่ควรทราบก็คือ การระบุถึงผลลัพท์ทางกรรมพันธุ์เหล่านี้มิได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นเสมอไป แต่เป็นเพียงปัจจัยเชิงลบที่หากเกิดขึ้นพร้อมกับปัจจัยอื่นๆก็จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ แต่หากไม่ครบ ผลเสียก็อาจไม่เกิดขึ้น ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันนักวิชาการบางท่านพิสูจน์แล้วว่า นอกจากดวงจันทร์จะทำปฏิกิริยาต่อปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ยังทำปฏิกิริยากับร่างกายมนุษย์โดยเฉพาะขณะร่วมหลับนอนอีกด้วย[7] ฉะนั้น แม้จะยังพิสูจน์คำแนะนำทางศาสนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามคำแนะนำอันมีค่าเหล่านี้

4. บำรุงสุขภาพขณะตั้งครรภ์
การบริโภคอาหารที่ถูกสุขอนามัยจะส่งผลให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจที่เหมาะสม จึงควรบริโภคอาหารให้ครบห้าหมู่และอุดมด้วยแร่ธาตุ และดื่มน้ำให้เพียงพอเสมอ[8]
ท่านนบี(..)กล่าวไว้ว่าจงสนับสนุนสตรีมีครรภ์ให้รับประทานอินทผลัมในเดือนที่เธอจะคลอด เพื่อบุตรในครรภ์จะเป็นผู้อดทนและมีความยำเกรงในอนาคต[9]
อินทผลัมอุดมด้วยพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งนี้เพราะยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นเท่าใด ความต้องการพลังงานก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งโดยปกติในช่วงสามเดือนแรก จำเป็นต้องได้รับอาหารที่อุดมด้วยพลังงาน150 กรัมเป็นอย่างต่ำ แต่หลังจากเดือนที่ห้าเป็นต้นไป เธอควรรับประทานอาหารประเภทนี้ถึง 225 กรัมต่อวันเป็นอย่างน้อย[10]
เป็นที่น่าภูมิใจที่ท่านนบี(..)รณรงค์ให้สตรีมีครรภ์รับประทานอินทผลัมในช่วงปลายระยะตั้งครรภ์ซึ่งจำเป็นต้องได้รับพลังงานมากเป็นพิเศษ  ท่านยังได้ใช้เหตุผล(ที่ว่าบุตรจะเป็นผู้อดทนและยำเกรง)เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนอีกด้วย
ท่านอิมามศอดิก(.)กล่าวว่าจงให้สตรีมีครรภ์รับประทานลูกเบะฮ์เพื่อบุตรจะได้มีหน้าตางดงาม[11]
ท่านนบี(..)กล่าวว่าสตรีมีครรภ์ที่รับประทานคัรบุเซะฮ์[12] จะได้บุตรที่งดงามและมีอัธยาศัยดี[13]
และท่านยังกล่าวอีกว่าจงบอกให้สตรีมีครรภ์รับประทานผลเบะฮ์[14] เพื่อลูกๆจะได้เป็นผู้มีกริยามารยาทดี[15]
อิมามริฎอ(.)กล่าวว่าการรับประทานลูกเบะฮ์จะช่วยเพิ่มเชาวน์ปัญญา[16]
และท่านยังกล่าวอีกว่าจงบอกให้สตรีมีครรภ์รับประทานคุนดุร[17] เพราะหากทารกในครรภ์เป็นผู้ชาย จะทำให้มีปัญญาเฉียบแหลม มีความรู้ และกล้าหาญ แต่หากเป็นผู้หญิง ก็จะทำให้มีหน้าตาและกริยามารยาทที่งดงาม ...ฯลฯ[18]

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรระวังอาหารที่ฮะรอมหรือสงสัยว่าเป็นฮะรอมเป็นพิเศษ
ท่านนบี(..)กล่าวว่าผู้ใดกลืนกินอาหารที่ฮะรอม นมาซของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับถึงสี่สิบวัน ดุอาของเขาจะไม่ได้รับการตอบรับสี่สิบวัน เนื้อหนังมังสาที่เจริญจากอาหารฮะรอมจะถูกเผาด้วยไฟนรก ซึ่งอาหารเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้เนื้อหนังมังสาเจริญได้[19]

5. ดูแลสุขภาพจิตช่วงตั้งครรภ์
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเสริมสุขภาพของคุณแม่และเด็กก็คือ การดูแลสุขภาพจิตและการได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่รู้สึกว่าได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากคนรอบข้าง เธอย่อมจะสามารถอดทนต่อความยากลำบากช่วงตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี และจะให้กำเนิดลูกน้อยที่มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์
อัลลอฮ์ได้เน้นย้ำถึงความยากลำบากในช่วงอุ้มท้อง เพื่อจะกำชับให้เรารำลึกถึงบุญคุณของบุพการี โดยเฉพาะมารดา[20] โองการเหล่านี้นับเป็นการให้กำลังใจคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ท่านนบี(..)ได้กล่าวยกย่องระยะอุ้มท้องของสตรีไว้ว่าเมื่อสตรีตั้งครรภ์ ประหนึ่งว่าเธอถือศีลอดยามกลางวัน และหมั่นทำอิบาดัตยามราตรี[21]
อย่างไรก็ดี ความเครียดในระยะนี้เป็นอันตรายต่อครรภ์มารดา กล่าวกันว่า ความเครียดในระยะตั้งครรภ์เกิดขึ้นบ่อยกว่าช่วงหลังคลอดบุตรหลายเท่า ซึ่งส่งผลเสียร้ายแรงกว่าหลายเท่าในทำนองเดียวกัน อาการฟุ้งซ่านหลังคลอดบุตรเกิดขึ้นกับ10% ของมารดาทั่วไป ซึ่งบางรายหนักข้อถึงขั้นทำร้ายลูกตัวเองก็มี โรคเครียดและอารมณ์แปรปรวนนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อยขณะตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตร ซึ่งจะค่อยๆทุเลาลงไปเอง แต่หากอาการเหล่านี้ไม่ทุเลาลง ก็จะส่งผลให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว รู้สึกผิด กระวนกระวายใจ ซึ่งเมื่อคำนึงถึงโองการและฮะดีษที่นำเสนอข้างต้น อาจช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้.

6. ประกอบศาสนกิจ
ผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่เคร่งครัดศาสนามักจะอายุยืนมากกว่าคนทั่วไป สาเหตุหนึ่งอาจเป็นผลจากการนมาซซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ นักวิจัยพบว่าความดันโลหิตของมุสลิมต่ำกว่าศาสนิกอื่นๆ โดยที่คัดเลือกตัวอย่างวิจัยจากผู้ที่เคร่งครัดศาสนาที่ทำละหมาดทุกเวลา
ทั้งนี้ การปล่อยให้ความดันโลหิตสูงจะนำโรคร้ายมาสู่มนุษย์ เช่น โรคหัวใจเฉียบพลัน ความผิดปกติของหลอดเลือด ความผิดปกติของไต เพราะเหตุนี้ การประกอบศาสนกิจอย่างเช่น นมาซ หรือการดุอาของพ่อแม่จึงมีผลดีต่อพัฒนาการทางจิตใจของลูกโดยตรง และดังที่การอ่านกุรอานทำให้จิตใจของคุณแม่สงบ ทารกในครรภ์ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวเช่นกัน 

สิ่งที่นำเสนอทั้งหมดในข้อเขียนนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของข้อควรปฏิบัติทั้งหมด ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำอื่นๆอย่างเช่น การมองทิวทัศน์ที่สวยงาม[22] การหมั่นออกกำลังกาย[23]...ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นที่ยอมรับของอิสลาม ประเด็นดังกล่าวจึงไม่สามารถแจกแจงได้ทั้งหมดในข้อเขียนอันจำกัดนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาศึกษาจากตำราที่เกี่ยวข้อง



[1] อัรรูม,21 وَ مِنْ آیاتهِ أَنْ خَلَقَ لَکُم مِنْ أَنْفُسِکُمْ أًزواجاً ِلتسْکُنُوا إِلَیها وَ جَعَلَ بَیْنَکُمْ مَّوَدةً وَ رَحْمَةً إنَّ فی ذلِکَ لایاتٍ لِقومٍ یَتَفَکَّرونَ

[2] วะซาอิลุชชีอะฮ์,ฮุร อามิลี,เล่ม 3,หน้า 60.

[3] มะฮัจญะตุ้ลบัยฎออ์,เล่ม 2,หน้า 52.

[4] วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 15,หน้า 106: 

رَبِّ لا تَذَرْنی‏ فَرْداً وَ أَنْتَ خَیْرُ الْوارِثین‏، واجعل لی من لدنک ولیا یرثنی فی حیاتی و یستغفرلی بعد موتی واجعله خلفا سویا و لاتجعل للشیطان فیه نصیبا، اللهم انی استغفرک و اتوب الیک انک انت الغفور الرحیم

[5] อ้างแล้ว,เล่ม 14,หมวดปฐมฤกษ์นิกาห์ และ บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 103,หน้า 281. และ ญะวาฮิรุ้ลกะลาม,เล่ม 29,หน้า 54.

[6] อ้างแล้ว.

[7] เว็บไซต์สำนักงานพณฯผู้นำสูงสุดประจำมหาวิทยาลัย.

[8] การดูแลสตรีและหญิงมีครรภ์,ดร.ฮุเซน นูรี,อาหารระยะตั้งครรภ์

[9] ดู: มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 169. اطعموا المراة فى شهرها الذى تلد فیه التمر فان ولدها یکون حلیما، تقیا

[10] การเติบโตก่อนถือกำเนิด,ดร.มะฮ์นอซ ชะฮ์ร ออรอย,หน้า 49.

[11] มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 372,ฮะดีษที่1230 . و اطعموه حبالاکم فانه یحسن اولادکم

[12] แคนตาลู้ปผลยาว

[13] มุสตั้ดร๊อก,เล่ม2,หน้า 635.

[14] ผลไม้ชนิดหนึ่งคล้ายแอปเปิ้ล มีกลิ่นหอม มีรสฝาดเล็กน้อย

[15] อ้างแล้ว,เล่ม3,หน้า 113,116.

[16] มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 196.

[17] สมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายกรวดสีขุ่น

[18] อ้างแล้ว,เล่ม1,หน้า 192,193,196,222.

[19] الْفرْدَوْس، عَنِ النَّبِیِّ ص قَالَ مَنْ أَکَلَ لُقْمَةَ حَرَامٍ لَمْ تُقْبَلْ لَهُ صَلَاةٌ أَرْبَعِینَ لَیْلَةً وَ لَمْ تُسْتَجَبْ لَهُ دَعْوَةٌ أَرْبَعِینَ صَبَاحاً وَ کُلُّ لَحْمٍ یُنْبِتُهُ الْحَرَامُ فَالنَّارُ أَوْلَى بِهِ وَ إِنَّ 

اللُّقْمَةَ الْوَاحِدَةَ تُنْبِتُ اللَّحْم. (บิฮ้ารฯ,เล่ม 63,หน้า 314.)

[20] อัลอะห์ก้อฟ,15.

[20] وَ وَصَّیْنَا الْإِنْسانَ بِوالِدَیْهِ إِحْساناً حَمَلَتْهُ أُمُّهُ کُرْهاً وَ وَضَعَتْهُ کُرْهاً وَ حَمْلُهُ وَ فِصالُهُ ثَلاثُونَ شَهْراً حَتَّى إِذا بَلَغَ أَشُدَّهُ وَ بَلَغَ أَرْبَعینَ سَنَةً قالَ رَبِّ أَوْزِعْنی أَنْ أَشْکُرَ نِعْمَتَکَ الَّتی أَنْعَمْتَ عَلَیَّ وَ عَلى والِدَیَّ وَ أَنْ أَعْمَلَ صالِحاً تَرْضاهُ وَ أَصْلِحْ لی فی ذُرِّیَّتی إِنِّی تُبْتُ إِلَیْکَ وَ إِنِّی مِنَ الْمُسْلِمینَ

[21] วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 21,หน้า 451 اذا حملت المراة کانت‏بمنزلة الصائم القائم المجاهد بنفسه و ماله فى‏سبیل الله...

[22] นักวิจัยพบว่าเมื่อคนเรามองใบหน้าที่สวยงาม จะกระตุ้นให้สมองส่วนหนึ่งเริ่มทำงาน อิสลามก็ถือว่าการมองทิวทัศน์ที่สวยงาม ตัวอักษรกุรอาน ใบหน้าที่งดงาม(ไม่รวมถึงการมองที่ไม่อนุมัติ) ล้วนมีอิทธิพลต่อสมองและใบหน้าของเด็ก

[23] นักวิจัยค้นพบสารที่เรียกว่า“เฟนิลติลามีน” ในร่างกายมนุษย์ ที่กระตุ้นให้สดชื่นหลังเล่นกีฬา และเป็นสารต่อต้านความหดหู่ นักวิจัยยังพบอีกว่าสารดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึง70% หลังเล่นกีฬา ซึ่งจะเข้าสู่สมองผ่านทางกระแสเลือด นักวิจัยจึงแนะนำให้คุณแม่ออกกำลังกายตามอัตภาพ เพื่อสุขภาพกายและใจของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ โดยการบำบัดความเครียดด้วยวิธีนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไป จึงทำให้เป็นโรคเครียด, ดู: นิตยสารสตรีสาส์น,ฉบับที่ 118.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • กฎเกณฑ์ทางศาสนบัญญัติกล่าวว่าอย่างไร เกี่ยวกับการถอนคิ้วของสตรี?
    14699 สิทธิและกฎหมาย 2556/01/24
    การถอนคิ้วของสตรีโดยหลักการแล้วไม่เป็นไร ตามหลักการอิสลามภรรยาจะเสริมสวยและแต่งตัวเพื่ออวดสามี ถือว่าเป็นมุสตะฮับ ในทางตรงกันข้ามภรรยาที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เสริมสวยเพื่ออวดสามี ย่อมได้รับคำประณาม ด้วยเหตุนี้เอง บรรดานักปราชญ์ฝ่ายชีอะฮฺ ฟุเกาะฮา นอกจากจะแนะนำเหล่าสตรีในใส่ใจต่อปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังเตือนสำทับด้วยว่าการโอ้อวดสิ่งนั้นแก่ชายอื่นถือว่าฮะรอม ไม่อนุญาตให้กระทำ สตรีต่างมีหน้าที่ปกปิดสิ่งประดับและเรือนร่างของเธอให้พ้นจากสายตาของชายอื่น ...
  • ระหว่างการกระทำกับผลบุญที่พระองค์จะทรงตอบแทนนั้น มีความสอดคล้องกันหรือไม่?
    7673 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/18
    การสัญญาว่าจะมอบผลบุญให้อย่างที่กล่าวมามิได้ขัดต่อความยุติธรรมหรือหลักดุลยภาพระหว่างการกระทำกับผลบุญแต่อย่างใดเพราะหากจะนิยามความยุติธรรมว่าคือ"การวางทุกสิ่งในสถานะอันเหมาะสม"ซึ่งในที่นี้ก็คือการวางผลบุญบนการกระทำที่เหมาะสมก็ต้องเรียนว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างดีเนื่องจาก ก. จุดประสงค์ของฮะดีษที่อธิบายผลบุญเหล่านี้คือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์ที่กล่าวถึงมิได้ต้องการจะดึงฮัจย์หรือญิฮาดลงต่ำแต่อย่างใดซ้ำยังถือว่าฮะดีษประเภทนี้กำลังยกย่องการทำฮัจย์หรือญิฮาดทางอ้อมได้อีกด้วยเนื่องจากยกให้เป็นมาตรวัดอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ
  • เกิดอะไรขึ้นกับม้าของอิมามฮุเซน (อ.) ที่กัรบะลา
    8772 تاريخ بزرگان 2554/11/29
    สายรายงานไม่ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของม้าของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ที่มีนามว่า "ซุลญะนาฮ" อย่างละเอียดนักแต่สายรายงานที่เชื่อถือได้ส่วนใหญ่ระบุว่าหลังจากที่อิมามฮุเซน (อ.) เป็นชะฮีดแล้วม้าตัวนี้ได้เกลือกกลั้วขนแผงคอกับเลือดอันบริสุทธิ์ของท่านแล้วมุ่งหน้าไปยังกระโจมและส่งเสียงร้องโหยหวนบรรดาผู้ที่อยู่ในกระโจมเมื่อได้ยินเสียงของซุลญะนาฮก็รีบวิ่งออกมาจากกระโจมจึงได้รับรู้ว่าอิมามฮุเซน (อ.) เป็นชะฮีดแล้ว[1]แต่ทว่าสายรายงานและหนังสือบางเล่มที่ประพันธ์ขึ้นมาใหม่เช่นหนังสือนาซิคุตตะวารีคได้กล่าวถึงเหตุการณ์อื่นๆนอกเหนือจากนี้เช่นกล่าวไว้ว่าม้าตัวนั้นได้โขกหัวกับพื้นบริเวณหน้ากระโจมจนตายหรือควบตะบึงไปยังแม่น้ำฟูรอตและกระโดดลงในแม่น้ำ[2][1]ซิยาเราะฮ์นาฮิยะฮ์
  • กรุณาแจกแจงแนวความคิดของเชคฏูซีในประเด็นการเมือง
    6453 ระบบต่างๆ 2554/10/02
    ทุกยุคสมัยมักมีประเด็นปัญหาใหม่ๆให้นักวิชาการได้ขบคิดและตอบคำถามเรื่อยมาเชคฏูซีก็ถือเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รับผิดชอบภารกิจนี้อย่างดีเยี่ยมแนวคิดทางการเมืองการปกครองของเชคฏูซีสรุปได้ดังนี้ท่านไม่เห็นด้วยกับการจำแนกศาสนาจากการเมืองท่านใช้ข้อพิสูจน์ทางสติปัญญาชี้ให้เห็นว่าจำเป็นจะต้องมีรัฐบาลและระบอบการปกครองตลอดจนต้องมีผู้นำสูงสุด ท่านวิเคราะห์ประเด็นการเมืองด้วยหลักแห่ง"การุณยตา"(ลุฏฟ์)ของอัลลอฮ์กล่าวคืออัลลอฮ์จะแผ่ความการุณย์ด้วยการตั้งให้มีผู้นำสำหรับมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นนบีหรืออิมามหรือตัวแทนอิมามซึ่งภาวะผู้นำทางการเมืองคือหนึ่งในภารกิจของบุคคลเหล่านี้ในบริบททางวิชาการท่านให้ความสำคัญกับประเด็นภาวะผู้นำทางการเมืองของบรรดาฟะกีฮ์ความสำคัญของประเด็นดังกล่าวในสายตาประชาชนความเชื่อมโยงระหว่างภาวะดังกล่าวกับภาวะผู้นำของอิมามมะอ์ศูมตลอดจนอำนาจหน้าที่ของผู้ปกครองวิถีอิสลามเป็นพิเศษนอกจากนี้การที่ท่านรับเป็นอาจารย์สอนด้านเทววิทยาอิสลามในเมืองหลวงของราชวงศ์อับบาสิด
  • เพราะเหตุใดท่านอิมามอะลี (อ.) จึงไม่ขัดวาง การห้ามมิให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เขียนพินัยกรรม?
    7857 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/07/16
    การขัดขวางหรือห้ามมิให้นำปากกาและกระดาษมาให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) (เพื่อที่จะเขียนพินัยกรรมบางอย่างก่อนที่ท่านจะจากไป) เป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รับรู้กันทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีชื่อกล่าวเรียกกันไปต่างๆ นานา เช่น วันพฤหัสทมิฬ, หรือ วันแห่งกระดาษและปากกา, การนิ่งเงียบของท่านอิมามอะลี (อ.) ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว มิได้เป็นเหตุผลที่มายืนยันหรือปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ ท่านอิมามมีเหตุผลอะไรถึงทำเช่นนั้น และการนิ่งเงียบของท่านอิมามขัดแย้งกับความกล้าหาญของท่านหรือไม่? เมื่อศึกษาเหตุการณ์ »ปากกาและกระดาษ« ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์และหนังสืออื่นๆ ทำให้ได้บทสรุปว่า 1.ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกกล่าวร้ายว่า เป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อ ศาสดาผู้ซึ่งอัลกุรอานได้ประทานลงมาเกี่ยวกับท่านว่า: »ท่านจะไม่พูดจากด้วยอารมณ์ ทว่าจะพูดเฉพาะสิ่งที่เป็นวะฮฺยูที่ได้ประทานลงมายังท่านเท่านั้น« ขณะที่เรื่องพินัยกรรม ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง กับการประกาศสาส์นของท่าน 2.การเริ่มต้นความขัดแย้งและทะเลาะวิวาทกัน ต่อหน้าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ประกอบกับท่านป่วยอยู่ด้วยในขณะนั้น แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ...
  • เพราะสาเหตุอันใด อับดุลลอฮฺ บิน ญะอฺฟัรจึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปกัรบะลาพร้อมท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)?
    6611 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ประเด็นที่ว่าอับดุลลอฮฺบินญะอฺฟัรไม่ได้เข้าร่วมขบวนการไปกับท่านอิมามฮุซัยนฺ
  • การสัมผัสสิ่งที่เป็นนะญิสจะทำให้เราเป็นนะญิสด้วยหรือไม่? หากต้องการทำความสะอาดเราจะต้องอาบน้ำยกฮะดัษใหญ่หรือไม่?
    8037 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/25
    หากสิ่งหนึ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยหนึ่งในสองหรือทั้งสองสิ่งนั้นมีความชื้นในลักษณะที่ถ่ายทอดถึงกันได้สิ่งสะอาดดังกล่าวก็จะเปื้อนนะญิสด้วย[1]สำหรับการทำความสะอาดสิ่งนั้นหลังจากที่ได้กำจัดธาตุนะญิสออกแล้วหากสิ่งที่เป็นนะญิสที่ไม่ใช่ปัสสาวะการล้างด้วยน้ำปริมาตรกุรน้ำปริมาตรก่อลี้ลหรือน้ำไหลผ่านถือว่าเพียงพอแล้ว       อิฮติยาตวาญิบให้บิดหรือสะบัดพรมเสื้อผ้าฯลฯเพื่อให้น้ำที่คงเหลืออยู่ในนั้นใหลออกมาหากต้องการทำความสะอาดสิ่งที่เป็นนะญิสโดยปัสสาวะจะต้องล้างด้วยน้ำก่อลี้ลโดยให้ราดน้ำหนึ่งครั้งโดยให้น้ำไหลผ่านหากไม่หลงเหลือปัสสาวะแล้วให้ราดน้ำอีกหนึ่งครั้งก็จะสะอาดแต่ในกรณีพรมหรือเสื้อผ้าและสิ่งทอประเภทอื่นๆทุกครั้งที่ราดน้ำจะต้องบีบหรือบิดจนน้ำไหลออกมา[2]ไม่ว่ากรณีใดข้างต้นก็ไม่จำเป็นจะต้องทำอาบน้ำยกฮะดัษนอกจากผู้ที่ได้สัมผัสศพก่อนอาบน้ำมัยยิตและหลังจากที่ศพเย็นลงแล้วในกรณีนี้นอกจากเขาจะต้องล้างส่วนๆนั้นของร่างกายที่สัมผัสกับศพแล้วเขาจะต้องทำกุซุลมัสส์มัยยิต(สัมผัสศพ)ด้วยเช่นกัน[3]หากสิ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยที่สองสิ่งดังกล่าวแห้งหรือมีความชื้นต่ำเสียจนไม่ถ่ายทอดถึงกันสิ่งที่สะอาดก็จะไม่เปื้อนนะญิส[4]
  • กรุณานำเสนอฮะดีษที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความสำคัญของการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์พร้อมกับระบุแหล่งอ้างอิงได้หรือไม่?
    6760 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/03/14
    ท่านอิมามอลี(อ.)เคยกล่าวว่า “ญิฮาดคือประตูสวรรค์บานหนึ่ง ซึ่งอัลลอฮ์ได้เปิดกว้างสำหรับกัลญาณมิตรของพระองค์ ญิฮาดคืออาภรณ์แห่งความยำเกรง เสื้อเกราะอันแข็งแกร่งของอัลลอฮ์ และโล่ห์ที่ไว้ใจได้ ฉะนั้น ผู้ใดที่ละทิ้งญิฮาดโดยไม่แยแส อัลลอฮ์จะทรงสวมอาภรณ์แห่งความต่ำต้อยแก่เขา อันจะทำให้ประสบภัยพิบัติ ความน่าอดสูจะกระหน่ำลงมาใส่เขา แสงแห่งปัญญาจะดับลงในใจเขา การเพิกเฉยต่อญิฮาดจะทำให้สัจธรรมผินหน้าจากเขา ความต่ำต้อยถาโถมสู่เขา และจะไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเขาอีกต่อไป ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7518 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • มัซฮับมาลิกีหรือฮะนะฟีไม่ถูกต้องกระนั้นหรือ?
    9241 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/03
    คุณควรหาคำตอบให้ได้ว่าความชอบดังกล่าวเกิดจากความนิยมชมชอบทั่วไปหรือตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล  หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลนั่นหมายความว่ามัซฮับอื่นๆยังมีข้อบกพร่องอยู่แนวคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่แนวทางชีอะฮ์มีเหนือมัซฮับอื่นๆในอิสลามกล่าวคือชีอะฮ์ถือว่าอิมามมีภารกิจเสมือนนบีทุกประการ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60785 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58466 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42884 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40455 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39496 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34645 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28703 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28598 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28556 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26474 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...