การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7202
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1422 รหัสสำเนา 19000
คำถามอย่างย่อ
ถ้าหากรายงานที่กล่าวประณามการสั่งสมทรัพย์สมบัติถูกต้อง, ดังนั้น ทรัพย์สมบัติของคนเราหรือแม้แต่ทรัพย์สินของบรรดาอุละมาอฺจะอธิบายว่าอย่างไร?
คำถาม
ตามรายงานฮะดีซจะเห็นว่าไม่มีทรัพย์สินใดถูกสั่งสมเด็ดขาด, ยกเว้นสิทธิ์ของผู้ได้รับการกดขี่ข่มเหงได้รับการดูแล ถามว่ารายงานนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าหากถูกต้อง,ดังนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าทรัพย์สินเงินทองของเรา หรือแม้แต่ของอุละมาอฺบางท่านว่าจะฮะลาลหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

ประการแรก : รายงานที่กล่าวถึง,แม้ว่าจะมีสายรายงานที่อ่อนแอก็ตาม, แต่เมื่อพิจารณารายงานอื่นที่กล่าวถึงประเด็นนี้, ก็จะสามารถลบล้างความอ่อนแอของสายรายงานฮะดีซดังกล่าวได้เป็นอย่างดี, ในแง่ของเนื้อหาสาระของรายงานนี้บ่งบอกให้เห็นว่าการสั่งสมทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งอาจจะเกิดจากวิถีทางไม่ถูกต้อง (ผิดชัรอียฺ) หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามชัรอียฺกล่าวคือ ไม่ได้จ่ายคุมซ์ หรือซะกาต เป็นต้น.

ตามคำสอนของอิสลามการเก็บสั่งสมทรัพย์สินเงินทองด้วยการรักษากฎเกณฑ์ชัรอียฺ ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้ อิสลามมิได้สนับการเป็นศัตรูทรัพย์สินแต่อย่างใด, ทว่าอิสลามสอนว่าความหลงใหลโลกโดยให้โลกนี้ดีกว่าปรโลก เป็นสิ่งไม่ถูกต้องและไม่ดีไม่งามแต่อย่างใด, แต่ทว่าจงมองทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นสื่ออุปกรณ์ที่จะช่วยให้ท่านไปถึงยังความสุขความจำเริญของโลกหน้า, ในกรณีนี้การสั่งสมทรัพย์สิน,ก็จะไม่กลายเป็นความลุ่มหลงโลก ทว่ากลายเป็นสื่อนำท่านไปสู่ปรโลกอย่างสันติ

เกี่ยวกับอุละมาอฺหรือนักปราชญ์ทางศาสนา, การที่ท่านเหล่านั้นมีทรัพย์สินถือว่าไม่เป็นไรหรือขัดแย้งกับหลักชัรอียฺแต่อย่างใดทั้งสิ้น, แต่ความรักของประชาชนกลุ่มนี้อยู่ที่โลกและความลุ่มหลงที่มีต่อโลก ซึ่งทั้งสองประการมิใช่สิ่งที่ถูกยอมรับ และคำสอนของอิสลามสอนว่าให้เราหลีกห่างจาก อุละมาอฺ ที่หลงโลก, มิใช่อุละมาอฺที่ร่ำรวยด้วยทรัพย์สิน

คำตอบเชิงรายละเอียด

1.วิเคราะห์รายงานฮะดีซ

รายงานฮะดีซที่กล่าวมาข้างต้นนั้น, จะถูกกล่าวไว้ในลักษณะด้านล่างต่อไปนี้ ซึ่งปรากฏอยู่ในตำราต่างๆ โดยรายงานมาจากท่านอิมามอะลี (.) ว่า  :

1.จงอย่ามองความโปรดปรานอันมากมาย,เว้นเสียแต่ว่าสิทธิข้างเคียงมิได้ถูกทำลาย[1]

รายงานข้างต้นมิได้มีบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซที่เชื่อถือได้แต่อย่างใด และที่สำคัญไม่มีสายสืบรายงานด้วย, ด้วยเหตุนี้ ถ้าพิจารณาด้านสายรายงานแล้วถือว่า อ่อนแอมาก, แต่ถ้าพิจารณารายงานอื่นเช่น รายงานที่จะกล่าวต่อไป, ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกัน, จะทดแทนความอ่อนแอด้านสายรายงานของฮะดีซนี้ได้อย่างลงตัว.

2.อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงให้ความร่ำรวย ศักยภาพ และเครื่องยังชีพจำนวนมหาศาลเป็นวาญิบ, ดังนั้น จงอย่าอยู่อย่างผู้หิวโหย อ่อนแอ, เว้นเสียแต่ว่าพระองค์มิได้ให้ศักยภาพและความสามารถแก่เขา และในวันฟื้นคืนชีพอัลลอฮฺ พระผู้ทรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร และการปราศจากความต้องการของพระองค์ จะลงโทษพวกเขาเพราะความเกียจคร้าน[2]

รายงานนี้เมื่อเทียบกับรายงานก่อนหน้านั้น, จะน่าเชื่อถือมากกว่า และยังมีบันทึกอยู่ในตำราที่เชื่อถือได้ เช่น นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ, วะซอิลุชชีอะฮฺ, บิฮารุลอันวาร, ฆุรรอรุลฮิกัม, และเอรชาดุลกุลูบ เป็นต้น.

รายงานดังกล่าวนี้ ถ้าหากถูกต้อง,จุดประสงค์ของท่านจากคำว่าทรัพย์สิน หมายถึงทรัพย์สินที่มิได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ทางชัรอียฺ กล่าวคือ ทรัพย์ที่มิได้มีการจ่ายค่มซ์และซะกาต ขณะที่เขาได้เชิญชวนประชาชนให้จ่ายสิ่งเหล่านั้น.

2. ทรัพย์สมบัติในอิสลาม

ตำราอิสลามกล่าวถึง รายงานเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติว่า ได้ถูกแบ่งไว้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน กล่าวคือ : รายงานประเภทแรกจะมองทรัพย์สมบัติไปในแง่ร้ายมากกว่า ท่านอิมามอะลี (.) กล่าวว่า : ฉันคือผู้นำของบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ส่วนทรัพย์สมบัติคือผู้นำบรรดาผู้กระทำบาปทั้งปวง,[3] หมายถึงบรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามฉัน, แต่อาชญากรผู้ทำบาปได้ปฏิบัติตามทรัพย์สินเงินทอง

ท่านอิมาม (.) กล่าวอีกว่า : ทรัพย์สมบัติคือธาตุแท้ของกิเลสตัณหาต่างๆ[4]

บุคคลใดก็ตามที่หลงใหลในดิรฮัมและดินาร เขาคือทาสของโลก[5]

หมายเหตุ : ดิรฮัมและดินาร คือค่าเงินอาหรับสมัยก่อน และสมัยนี้บางประเทศก็ยังใช้ค่าเงินนั้นอยู่เช่นกัน

ท่านเราะซูล (ซ็อล ) กล่าวว่าบุคคลใดก็ตามตกเป็นทาสของดิรฮัมและดินาร เขาจะได้รับการสาปแช่งและถูกทำให้ห่างไกลจากความเมตตาของอัลลอฮฺ[6]

ในทางตรงกันข้าม ตำราอิสลามบางเล่มได้กล่าวชื่นชมทรัพย์สมบัติ และโลกเอาไว้. อัลกุรอาน กล่าวว่า :ทรัพย์สมบัติและลูกหลานคือเครื่องประดับแห่งชีวิตในโลกนี้[7] ทำนองเดียวกันทรัพย์สมบัติได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานหลายที่ด้วยกันด้วยนามว่าค็อยรุนเช่น โองการที่กล่าวว่า : «کتب علیکم اذا حضر احدکم الموت ان ترک خیرا...».

เมื่อความตายได้มายังสูเจ้าคนใด หากเขาได้ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้[8]

เช่นเดียวกัน บรรดานักอรรถาธิบายอัลกุรอานส่วนใหญ่ได้ตีความคำว่าค็อยรุนในโองการต่อไปนี้ว่าหมายถึง ทรัพย์สมบัติ เช่นกัน : «انه لحب الخیر لشدید»แท้จริงเขารักและหวนแหนทรัพย์สมบัติที่ดีอย่างหลงใหล[9]

ท่านเราะซูล (ซ็อล ) กล่าวว่า :ทรัพย์สมบัติที่บริสุทธิ์ช่างดียิ่งสำหรับปวงบ่าวที่บริสุทธิ์[10] ท่านอิมามบากิร (.) กล่าวว่า :การช่วยเหลือของโลกนี้ช่างเป็นผลดีต่อการผลของปรโลก[11]

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงรายงานทั้งสองกลุ่มตามที่กล่าวมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ธาตุแท้ของทรัพย์สมบัติในอิสลามมิใช่สิ่งที่ถูกประณามหยามเหยียดแต่อย่างใด, ทว่าถ้าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นสื่อและเครื่องมือช่วยให้เราไปสู่ปรโลกด้วยความสวัสดี แล้วละก็ย่อมได้รับการสรรเสริญยกย่องอย่างแท้จริง ด้วยสาเหตุนี้เองเมื่อท่านอิมามอะลี (.) ได้เห็นชายคนหนึ่งกำลังต่อว่าและตัดพ้อโลก ท่านได้กล่าวกับเขาว่า :เจ้าได้ก่ออาชญากรรมและทำความผิดบนโลกนี้หรือ หรือว่าโลกได้ทำความผิดกับเจ้ากันแน่[12]

ตามคำสอนของอิสลามทรัพย์สมบัติและการแสวงหา,เป็นสิ่งถูกยอมรับและบางครั้งวาญิบเสียด้วยซ้ำไป, บางครั้งเท่านั้นที่การบูชาทรัพย์สินเสมอภาคกับอัลลอฮฺได้รับการประณามเอาไว้ ในศาสนาอิสลามทรัพย์สินคือสื่อสำหรับการเข้าถึงความเจริญผาสุกสำหรับโลกหน้า และแสวงความใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ, ทรัพย์มิใช่เป้าหมายที่แท้จริง[13]

อัลกุรอานกล่าวว่า :โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สินและลูกหลานของสูเจ้า เป็นเหตุให้สูเจ้าลืมเลือนการรำลึกถึงอัลลอฮฺ[14]

ชะฮีดมุเฏาะฮะรียฺกล่าวว่า : ในอิสลามทรัพย์สมบัติมิเคยถูกตำหนิหรือดูถูกแต่อย่างใด, มิใช่ทั้งการผลิต, มิใช่ทั้งการแลกเปลี่ยน และมิใช่ทั้งการใช้, ทว่าทั้งหมดเหล่านี้ได้เน้นย้ำและถูกอธิบายไว้แล้ว พร้อมกับได้กำหนดเงื่อนไขและความสมดุลในการใช้แก่พวกเขาแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วทรัพย์สมบัติในอิสลามมิได้ถูกมองข้ามหรือละทิ้งแต่อย่างใด ทว่าการละทิ้งทรัพย์สินถือว่าเป็นการฟุ่มเฟือย ซึ่งการสุลุ่ยสุหร่ายและการทำลายทรัพย์สินโดยเปล่าประโยชน์เป็น ฮะรอม ในอิสลาม[15]

การปกป้องทรัพย์สินอยู่ในกฎของการญิฮาด ซึ่งการถูกสังหารในวิถีทางนี้จะได้รับผลรางวัลเท่ากับการเป็นชะฮีด[16]

3.การสั่งสมความมั่งคั่งในอิสลาม

อิสลามได้เชิญชวนมุสลิมด้วยวิถีทางต่างๆ ทั้งในแง่ส่วนตัวและส่วนรวมให้ผลิตและสั่งสมทรัพย์สิน ท่านเราะซูล (ซ็อล ) กล่าวว่า :เป็นวาญิบสำหรับบุรุษและสตรีที่ต้องแสวงหาเครื่องยังชีพฮะลาลสำหรับตน[17]

ชีวิตและกลไกลของสังคมอยู่ท่ามกลางความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ และความมั่งคั่งที่ถูกต้องของมัน ความยากจนจะมีค่าเท่ากับการเป็นเชลยและทาส. ท่านอิมามอะลี (

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • กฎเกณฑ์ทางศาสนบัญญัติกล่าวว่าอย่างไร เกี่ยวกับการถอนคิ้วของสตรี?
    14699 สิทธิและกฎหมาย 2556/01/24
    การถอนคิ้วของสตรีโดยหลักการแล้วไม่เป็นไร ตามหลักการอิสลามภรรยาจะเสริมสวยและแต่งตัวเพื่ออวดสามี ถือว่าเป็นมุสตะฮับ ในทางตรงกันข้ามภรรยาที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เสริมสวยเพื่ออวดสามี ย่อมได้รับคำประณาม ด้วยเหตุนี้เอง บรรดานักปราชญ์ฝ่ายชีอะฮฺ ฟุเกาะฮา นอกจากจะแนะนำเหล่าสตรีในใส่ใจต่อปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังเตือนสำทับด้วยว่าการโอ้อวดสิ่งนั้นแก่ชายอื่นถือว่าฮะรอม ไม่อนุญาตให้กระทำ สตรีต่างมีหน้าที่ปกปิดสิ่งประดับและเรือนร่างของเธอให้พ้นจากสายตาของชายอื่น ...
  • ระหว่างการกระทำกับผลบุญที่พระองค์จะทรงตอบแทนนั้น มีความสอดคล้องกันหรือไม่?
    7673 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/18
    การสัญญาว่าจะมอบผลบุญให้อย่างที่กล่าวมามิได้ขัดต่อความยุติธรรมหรือหลักดุลยภาพระหว่างการกระทำกับผลบุญแต่อย่างใดเพราะหากจะนิยามความยุติธรรมว่าคือ"การวางทุกสิ่งในสถานะอันเหมาะสม"ซึ่งในที่นี้ก็คือการวางผลบุญบนการกระทำที่เหมาะสมก็ต้องเรียนว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างดีเนื่องจาก ก. จุดประสงค์ของฮะดีษที่อธิบายผลบุญเหล่านี้คือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์ที่กล่าวถึงมิได้ต้องการจะดึงฮัจย์หรือญิฮาดลงต่ำแต่อย่างใดซ้ำยังถือว่าฮะดีษประเภทนี้กำลังยกย่องการทำฮัจย์หรือญิฮาดทางอ้อมได้อีกด้วยเนื่องจากยกให้เป็นมาตรวัดอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ
  • เกิดอะไรขึ้นกับม้าของอิมามฮุเซน (อ.) ที่กัรบะลา
    8772 تاريخ بزرگان 2554/11/29
    สายรายงานไม่ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของม้าของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ที่มีนามว่า "ซุลญะนาฮ" อย่างละเอียดนักแต่สายรายงานที่เชื่อถือได้ส่วนใหญ่ระบุว่าหลังจากที่อิมามฮุเซน (อ.) เป็นชะฮีดแล้วม้าตัวนี้ได้เกลือกกลั้วขนแผงคอกับเลือดอันบริสุทธิ์ของท่านแล้วมุ่งหน้าไปยังกระโจมและส่งเสียงร้องโหยหวนบรรดาผู้ที่อยู่ในกระโจมเมื่อได้ยินเสียงของซุลญะนาฮก็รีบวิ่งออกมาจากกระโจมจึงได้รับรู้ว่าอิมามฮุเซน (อ.) เป็นชะฮีดแล้ว[1]แต่ทว่าสายรายงานและหนังสือบางเล่มที่ประพันธ์ขึ้นมาใหม่เช่นหนังสือนาซิคุตตะวารีคได้กล่าวถึงเหตุการณ์อื่นๆนอกเหนือจากนี้เช่นกล่าวไว้ว่าม้าตัวนั้นได้โขกหัวกับพื้นบริเวณหน้ากระโจมจนตายหรือควบตะบึงไปยังแม่น้ำฟูรอตและกระโดดลงในแม่น้ำ[2][1]ซิยาเราะฮ์นาฮิยะฮ์
  • กรุณาแจกแจงแนวความคิดของเชคฏูซีในประเด็นการเมือง
    6453 ระบบต่างๆ 2554/10/02
    ทุกยุคสมัยมักมีประเด็นปัญหาใหม่ๆให้นักวิชาการได้ขบคิดและตอบคำถามเรื่อยมาเชคฏูซีก็ถือเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รับผิดชอบภารกิจนี้อย่างดีเยี่ยมแนวคิดทางการเมืองการปกครองของเชคฏูซีสรุปได้ดังนี้ท่านไม่เห็นด้วยกับการจำแนกศาสนาจากการเมืองท่านใช้ข้อพิสูจน์ทางสติปัญญาชี้ให้เห็นว่าจำเป็นจะต้องมีรัฐบาลและระบอบการปกครองตลอดจนต้องมีผู้นำสูงสุด ท่านวิเคราะห์ประเด็นการเมืองด้วยหลักแห่ง"การุณยตา"(ลุฏฟ์)ของอัลลอฮ์กล่าวคืออัลลอฮ์จะแผ่ความการุณย์ด้วยการตั้งให้มีผู้นำสำหรับมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นนบีหรืออิมามหรือตัวแทนอิมามซึ่งภาวะผู้นำทางการเมืองคือหนึ่งในภารกิจของบุคคลเหล่านี้ในบริบททางวิชาการท่านให้ความสำคัญกับประเด็นภาวะผู้นำทางการเมืองของบรรดาฟะกีฮ์ความสำคัญของประเด็นดังกล่าวในสายตาประชาชนความเชื่อมโยงระหว่างภาวะดังกล่าวกับภาวะผู้นำของอิมามมะอ์ศูมตลอดจนอำนาจหน้าที่ของผู้ปกครองวิถีอิสลามเป็นพิเศษนอกจากนี้การที่ท่านรับเป็นอาจารย์สอนด้านเทววิทยาอิสลามในเมืองหลวงของราชวงศ์อับบาสิด
  • เพราะเหตุใดท่านอิมามอะลี (อ.) จึงไม่ขัดวาง การห้ามมิให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เขียนพินัยกรรม?
    7857 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/07/16
    การขัดขวางหรือห้ามมิให้นำปากกาและกระดาษมาให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) (เพื่อที่จะเขียนพินัยกรรมบางอย่างก่อนที่ท่านจะจากไป) เป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รับรู้กันทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีชื่อกล่าวเรียกกันไปต่างๆ นานา เช่น วันพฤหัสทมิฬ, หรือ วันแห่งกระดาษและปากกา, การนิ่งเงียบของท่านอิมามอะลี (อ.) ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว มิได้เป็นเหตุผลที่มายืนยันหรือปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ ท่านอิมามมีเหตุผลอะไรถึงทำเช่นนั้น และการนิ่งเงียบของท่านอิมามขัดแย้งกับความกล้าหาญของท่านหรือไม่? เมื่อศึกษาเหตุการณ์ »ปากกาและกระดาษ« ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์และหนังสืออื่นๆ ทำให้ได้บทสรุปว่า 1.ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกกล่าวร้ายว่า เป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อ ศาสดาผู้ซึ่งอัลกุรอานได้ประทานลงมาเกี่ยวกับท่านว่า: »ท่านจะไม่พูดจากด้วยอารมณ์ ทว่าจะพูดเฉพาะสิ่งที่เป็นวะฮฺยูที่ได้ประทานลงมายังท่านเท่านั้น« ขณะที่เรื่องพินัยกรรม ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง กับการประกาศสาส์นของท่าน 2.การเริ่มต้นความขัดแย้งและทะเลาะวิวาทกัน ต่อหน้าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ประกอบกับท่านป่วยอยู่ด้วยในขณะนั้น แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ...
  • เพราะสาเหตุอันใด อับดุลลอฮฺ บิน ญะอฺฟัรจึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปกัรบะลาพร้อมท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)?
    6611 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ประเด็นที่ว่าอับดุลลอฮฺบินญะอฺฟัรไม่ได้เข้าร่วมขบวนการไปกับท่านอิมามฮุซัยนฺ
  • การสัมผัสสิ่งที่เป็นนะญิสจะทำให้เราเป็นนะญิสด้วยหรือไม่? หากต้องการทำความสะอาดเราจะต้องอาบน้ำยกฮะดัษใหญ่หรือไม่?
    8037 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/25
    หากสิ่งหนึ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยหนึ่งในสองหรือทั้งสองสิ่งนั้นมีความชื้นในลักษณะที่ถ่ายทอดถึงกันได้สิ่งสะอาดดังกล่าวก็จะเปื้อนนะญิสด้วย[1]สำหรับการทำความสะอาดสิ่งนั้นหลังจากที่ได้กำจัดธาตุนะญิสออกแล้วหากสิ่งที่เป็นนะญิสที่ไม่ใช่ปัสสาวะการล้างด้วยน้ำปริมาตรกุรน้ำปริมาตรก่อลี้ลหรือน้ำไหลผ่านถือว่าเพียงพอแล้ว       อิฮติยาตวาญิบให้บิดหรือสะบัดพรมเสื้อผ้าฯลฯเพื่อให้น้ำที่คงเหลืออยู่ในนั้นใหลออกมาหากต้องการทำความสะอาดสิ่งที่เป็นนะญิสโดยปัสสาวะจะต้องล้างด้วยน้ำก่อลี้ลโดยให้ราดน้ำหนึ่งครั้งโดยให้น้ำไหลผ่านหากไม่หลงเหลือปัสสาวะแล้วให้ราดน้ำอีกหนึ่งครั้งก็จะสะอาดแต่ในกรณีพรมหรือเสื้อผ้าและสิ่งทอประเภทอื่นๆทุกครั้งที่ราดน้ำจะต้องบีบหรือบิดจนน้ำไหลออกมา[2]ไม่ว่ากรณีใดข้างต้นก็ไม่จำเป็นจะต้องทำอาบน้ำยกฮะดัษนอกจากผู้ที่ได้สัมผัสศพก่อนอาบน้ำมัยยิตและหลังจากที่ศพเย็นลงแล้วในกรณีนี้นอกจากเขาจะต้องล้างส่วนๆนั้นของร่างกายที่สัมผัสกับศพแล้วเขาจะต้องทำกุซุลมัสส์มัยยิต(สัมผัสศพ)ด้วยเช่นกัน[3]หากสิ่งที่สะอาดสัมผัสกับสิ่งที่เปื้อนนะญิสโดยที่สองสิ่งดังกล่าวแห้งหรือมีความชื้นต่ำเสียจนไม่ถ่ายทอดถึงกันสิ่งที่สะอาดก็จะไม่เปื้อนนะญิส[4]
  • กรุณานำเสนอฮะดีษที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความสำคัญของการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์พร้อมกับระบุแหล่งอ้างอิงได้หรือไม่?
    6760 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/03/14
    ท่านอิมามอลี(อ.)เคยกล่าวว่า “ญิฮาดคือประตูสวรรค์บานหนึ่ง ซึ่งอัลลอฮ์ได้เปิดกว้างสำหรับกัลญาณมิตรของพระองค์ ญิฮาดคืออาภรณ์แห่งความยำเกรง เสื้อเกราะอันแข็งแกร่งของอัลลอฮ์ และโล่ห์ที่ไว้ใจได้ ฉะนั้น ผู้ใดที่ละทิ้งญิฮาดโดยไม่แยแส อัลลอฮ์จะทรงสวมอาภรณ์แห่งความต่ำต้อยแก่เขา อันจะทำให้ประสบภัยพิบัติ ความน่าอดสูจะกระหน่ำลงมาใส่เขา แสงแห่งปัญญาจะดับลงในใจเขา การเพิกเฉยต่อญิฮาดจะทำให้สัจธรรมผินหน้าจากเขา ความต่ำต้อยถาโถมสู่เขา และจะไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเขาอีกต่อไป ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7518 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • มัซฮับมาลิกีหรือฮะนะฟีไม่ถูกต้องกระนั้นหรือ?
    9241 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/03
    คุณควรหาคำตอบให้ได้ว่าความชอบดังกล่าวเกิดจากความนิยมชมชอบทั่วไปหรือตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล  หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลนั่นหมายความว่ามัซฮับอื่นๆยังมีข้อบกพร่องอยู่แนวคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่แนวทางชีอะฮ์มีเหนือมัซฮับอื่นๆในอิสลามกล่าวคือชีอะฮ์ถือว่าอิมามมีภารกิจเสมือนนบีทุกประการ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60785 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58466 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42884 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40455 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39496 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34645 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28703 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28598 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28556 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26474 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...