การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7757
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7416 รหัสสำเนา 20023
หมวดหมู่ تاريخ بزرگان
คำถามอย่างย่อ
การสู่ขออดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลามที่ชื่ออุร็อยนับโดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน มีผลต่อเหตุการณ์กัรบะลาอย่างไร?
คำถาม
1. เรื่องราวการสู่ขออุร็อยนับ อดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลาม โดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน เชื่อถือได้เพียงใด?
2. หากเชื่อถือได้ กรุณาเล่ารายละเอียดให้ฟังด้วยค่ะ
3. คุณคิดว่าอิมามฮุเซน(อ.)เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้เพื่ออะไร?
4. จริงหรือไม่ที่ว่าเรื่องดังกล่าวมีส่วนทำให้ยะซีดโกรธและบงการให้เกิดเหตุนองเลือดที่กัรบะลา
จะขอบคุณมาก หากจะกรุณาแนะนำหนังสือภาษาฟารซีเกี่ยวกับเรื่องนี้
คำตอบโดยสังเขป

ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่า แม้ยะซีดจะมีสิ่งบำเรอกามารมณ์อย่างครบครัน แต่ก็ยังอยากจะเชยชมหญิงที่มีสามีแล้วอย่างอุร็อยนับ บินติ อิสฮ้าก ภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลาม
มุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อของยะซีดจึงคิดอุบายที่จะพรากหญิงสาวคนนี้จากสามีเพื่อให้ลูกชายของตนสมหวังในกามราคะ อิมามฮุเซน(.) ทราบเรื่องนี้เข้าจึงคิดขัดขวางแผนการดังกล่าว โดยใช้บทบัญญัติอิสลามทำลายอุบายของมุอาวิยะฮ์ และปล่อยให้อุร็อยนับคืนสู่อับดุลลอฮ์ บิน สะลามผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ยะซีดหมดโอกาสที่จะย่ำยีครอบครัวนี้ได้อีกต่อไป
แม้รายงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะมีข้อกังขามากพอสมควร แต่สมมติว่าเป็นเรื่องจริง ก็มิไช่เรื่องเสียหายสำหรับอิมามฮุเซนแต่อย่างใด กลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง ไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุนองเลือดที่กัรบะลา

คำตอบเชิงรายละเอียด

สิ่งที่ตำราประวัติศาสตร์บันทึกไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ ในรัชสมัยของมุอาวิยะฮ์ มีสตรีผู้ศรัทธาคนหนึ่งนามว่า อุร็อยนับ บุตรีของอิสฮ้าก ซึ่งชื่อเสียงความงดงามของเธอเลื่องลือไปทั่ว
ยะซีดซึ่งยังดำรงตำแหน่งมกุฏราชกุมารอยู่ ได้ยินเช่นนั้นก็หลงรักเธอ แต่ก่อนที่ยะซีดจะดำเนินการเพื่อให้ได้เชยชมเธอ เธอก็ตัดสินใจแต่งงานกับญาติที่มีนามว่า อับดุลลอฮ์ บิน สะลาม เสียก่อน และใช้ชีวิตที่แผ่นดินอิรักอย่างรื่นรมย์ใจ

มุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อทราบความทั้งหมด จึงสัญญาว่าจะทำให้ยะซีดสมปรารถนาให้จงได้ โดย  เวลานั้นอับดุลลอฮ์เป็นข้าราชการคนหนึ่งของมุอาวิยะฮ์ในอิรัก มุอาวิยะฮ์เรียกตัวอับดุลลอฮ์มาที่เมืองชาม โดยแจ้งแก่เขาผ่านอบูดัรดาอ์และอบูฮุร็อยเราะฮ์ว่าประสงค์จะยกลูกสาวตนให้แต่งงานกับอับดุลลอฮ์ เนื่องจากมีศักยภาพพอที่จะเป็นราชบุตรเขยของมุอาวิยะฮ์

อับดุลลอฮ์ตอบรับอุบาย อบูฮุร็อยเราะฮ์และอบูดัรดาอ์รีบแจ้งแก่มุอาวิยะฮ์  มุอาวิยะฮ์ซักซ้อมกับลูกสาวตนเองว่า หากสองคนนั้นมาสู่ขอเธอให้อับดุลลอฮ์ จงแสร้งทำเป็นตอบรับการสู่ขอ แต่จงบอกไปว่าเธอมีเงื่อนไขว่าอับดุลลอฮ์จะต้องหย่าขาดจากภรรยาคนเก่าเสียก่อนจึงจะยอมแต่งงาน
ในที่สุด อับดุลลอฮ์ก็หลงอุบายและยอมหย่าจากภรรยา โดยขอให้มุอาวิยะฮ์ทำตามสัญญาที่ให้ไว้

มุอาวิยะฮ์ตอบว่าหากลูกสาวของข้าพึงพอใจ ข้าก็ไม่ว่ากระไรอบูดัรดาและอบูฮุร็อยเราะฮ์หารือกับลูกสาวมุอาวิยะฮ์และแจ้งให้ทราบว่าอับดุลลอฮ์ได้หย่าจากอุร็อยนับแล้ว แต่นางตอบว่า ขอฉันไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียก่อน

เวลาผ่านไปกระทั่งอิดดะฮ์ของอุร็อยนับสิ้นสุดลง ทั้งสองคนสอบถามลูกสาวมุอาวิยะฮ์อีกครั้ง นางตอบปฏิเสธว่าฉันเห็นว่าไม่เหมาะสม !มุอาวิยะฮ์รีบส่งสองคนนี้ไปที่อิรักเพื่อให้สู่ขออุร็อยนับให้แก่ยะซีด เมื่อทั้งสองย่างเข้าสู่อิรัก ก็ทราบว่าอิมามฮุเซน(.) ก็พำนักอยู่ที่อิรักเช่นกัน จึงตัดสินใจจะไปเยี่ยมอิมามก่อน แล้วจึงหวนไปปฏิบัติภารกิจของมุอาวิยะฮ์ต่อ เมื่อได้พบอิมาม ท่านถามว่า พวกท่านมาทำอะไรที่อิรัก? อบูดัรดาเล่าความทั้งหมดให้อิมามฟัง ท่านจึงกล่าวว่าฉันเองก็ตัดสินใจจะสู่ขออุร็อยนับอยู่เหมือนกัน ในเมื่อท่านจะไปอยู่แล้ว ก็ขอฝากไปบอกเรื่องนี้แก่เธอด้วยเมื่อไปถึงบ้านอุร็อยนับ อบูดัรดาจึงสู่ขอให้กับยะซีดและอิมามฮุเซนพร้อมกัน นางขอคำปรึกษาว่าจะเลือกผู้ใดดี อบูดัรดาตอบว่า อิมามฮุเซนเหมาะจะเป็นสามีของเธอมากกว่า ด้วยเหตุฉะนี้ อิมามฮุเซนจึงแต่งงานกับเธอด้วยสินสอดเท่ากับจำนวนเงินที่ยะซีดฝากมาเพื่อการนี้

เมื่ออับดุลลอฮ์ (ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ที่เมืองชาม) ทราบว่าตนเองพ่ายกลอุบายของมุอาวิยะฮ์และถูกตัดเงินเดือน จึงกลับสู่อิรักเพื่อจะมารับของที่เคยฝากไว้กับอุร็อยนับคืนไป เขาเข้าพบอิมามฮุเซนและแจ้งว่าต้องการเพียงแค่จะรับของฝากจากอดีตภรรยาเท่านั้น เมื่ออดีตคู่รักเจอหน้ากัน จึงหวลรำลึกถึงอดีตแล้วร้องไห้ด้วยกัน ท่านอิมามเห็นเช่นนั้นจึงสงสารพร้อมกับกล่าวว่าฉันหย่าขาดจากนางสามครั้งแล้ว โอ้อัลลอฮ์ พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพระองค์มิได้สมรสกับนางเพราะต้องการทรัพย์สินหรือความเลอโฉม แต่เพื่อจะส่งมอบนางแก่สามีเท่านั้นจากนั้นอิมามจึงมอบมะฮัรแก่นาง อับดุลลอฮ์และภรรยาต้องการจะมอบของกำนัล แต่ท่านอิมามกล่าวว่า ของกำนัลที่ฉันหวังจากพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่านี้นักแล้วสองสามีภรรยาก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นอดีต[1]

ข้อสังเกตุที่พบเห็นได้ในเรื่องราวนี้ที่สามารถบ่งบอกว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นก็คือ
1. เรื่องดังกล่าวไม่มีสายรายงาน จึงไม่สามารถนำมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ เนื่องจากอิบนิ กุตัยบะฮ์ (ผู้ประพันธ์หนังสืออัลอิมามะฮ์วัสสิยาสะฮ์) มีชีวิตในศตวรรษที่สาม (..) ถือกำเนิดในปีฮ..213 ในขณะที่อิมามฮุเซนเสียชีวิตที่กัรบะลาในปีฮ.. 61 แสดงว่าเขาถือกำเนิดหลังเหตุการณ์กัรบะลาถึง 152  ปี ย่อมจะต้องรายงานเรื่องนี้มาจากผู้อื่น ทว่าเขาไม่ระบุสายรายงาน ทำให้ไม่สามารถจะตรวจสอบได้ ซึ่งมีความเป็นได้ที่อาจมีผู้กุเรื่องแล้วเล่าให้เขาฟัง

2. อบูดัรดาซึ่งในเรื่องนี้ระบุว่าเป็นสื่อกลางระหว่างมุอาวิยะฮ์และอับดุลลอฮ์ บิน สะลามและอุร็อยนับนั้น เป็นที่ทราบกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ว่าเสียชีวิตตั้งแต่สมัยอุษมานแล้ว (ราวๆปี .. 38,39)[2] ดังนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นช่วยท้ายรัชสมัยของมุอาวิยะฮ์ขณะที่ยะซีดเป็นมกุฏราชกุมาร?

3. ไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดบันทึกเรื่องราวดังกล่าวเลย ตำราที่พอจะเป็นที่รู้จักที่รายงานไว้ก็คือ อัลอิมามะฮ์ วัสสิยาสะฮ์ ของอิบนิ กุตัยบะฮ์ ซึ่งหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นงานเขียนของเขาจริงหรือไม่[3]

4. ไม่มีตำราที่น่าเชื่อถือเล่มใดระบุว่าอิมามฮุเซนกลับมาที่อิรัก ภายหลังจากที่เดินทางกลับมะดีนะฮ์หลังอิมามอลี(.)เสียชีวิต นอกจากเหตุการณ์อาชูรอ ในขณะที่เรื่องอุร็อยนับอ้างว่าเกิดขึ้นก่อนกัรบะลา

5. เรื่องนี้ระบุว่าอิมามหย่าขาดจากอุร็อยนับสามรอบในคราเดียว ในขณะที่ตามฮุก่มฝ่ายชีอะฮ์นั้น การหย่าสามรอบในคราเดียวถือว่าไม่มีผล และให้นับเป็นหนึ่งรอบ[4]

6. หนึ่งในเงื่อนไขของการหย่าร้างก็คือการมีพยานสองคน กุรอานกล่าวว่า “...และจงจัดให้มีพยานชายสองคนในหมู่สูเจ้า และจงเป็นพยานเพื่ออัลลอฮ์[5] อิมามศอดิกเคยกล่าวไว้ว่าการหย่าร้างจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่มีพยานสองคน[6]

ข้อสังเกตุแต่ละข้อก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราต้องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเล่าดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดี หากจะมองข้ามข้อบกพร่องเรื่องสายรายงานและเนื้อหา โดยสมมติว่ายอมรับเรื่องดังกล่าว ไม่เพียงแต่อิมามฮุเซนจะไม่ด่างพร้อยในเรื่องนี้ กลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดี

ตามเนื้อหาของเรื่องเล่านี้ อิมามฮุเซน(.)ได้ช่วยหญิงสาวให้พ้นจากกลอุบายอันสกปรกของมุอาวิยะฮ์ และคืนแก่สามีของนาง โดยเฉพาะที่ระบุว่าท่านกล่าวว่าโอ้อัลลอฮ์ พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพระองค์มิได้สมรสกับนางเพราะต้องการทรัพย์สินหรือความเลอโฉมทันทีที่ท่านเห็นความรักระหว่างคนสองคน ท่านก็ได้หย่าจากนางทันที
ดังนั้น จึงสัมผัสได้ถึงความประสงค์อันแรงกล้าของท่านในการปกป้องสิทธิของผู้ถูกกดขี่ได้อย่างชัดเจน

พึงทราบว่า ไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักหรือสาเหตุรอง ที่ทำให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุโศกนาฏกรรมกัรบะลาขึ้น 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือผู้นำและการเมือง (แปลจากอัลอิมามะฮ์วัสสิยาซะฮ์) หน้า 212-216



[1] ดัยนะวะรี,อบูมุฮัมมัด อับดุลลอฮ์ บิน มุสลิม บิน กุตัยบะฮ์, อัลอิมามะฮ์วัสสิยาซะฮ์, ค้นคว้าเพิ่มโดยอลี ชีรี, เล่ม 1,หน้า 217 เป็นต้นไป,สำนักพิมพ์ ดารุลอัฎวาอ์,เบรุต

[2] อิบนุ อะษี้ร, อัลกามิล ฟิตตารีค, เล่ม 3,หน้า 129, สำนักพิมพ์ดาร ศอดิร, เบรุต และ อิบนุ อับดิร็อบบิฮ์, อัลอิสตีอ้าบ, เล่ม 3,หน้า 1229,1230, ค้นคว้าเพิ่มโดย มุฮัมมัด อัลบะญาวี, สำนักพิมพ์ดารุลญะบัล,เบรุต ..1414 และ อิบนุ ฮะญัร อัสเกาะลานี,อัลอิศอบะฮ์ ฟี ตะมีซิศเศาะฮาบะฮ์,เล่ม 4,หน้า 622,ค้นคว้าเพิ่มโดย อาดิล อะห์มัด อับดุลเมาญู้ด และ อลีมุฮัมมัด มุเอาวัฎ, สำนักพิมพ์ดารุลกุตุบิลอิสลามียะฮ์,เบรุต,พิมพ์ครั้งแรก,..1415

[3] อภิสารานุกรมอิสลาม,เล่ม,บทความที่ (อัลอิมามะฮ์วัสสิยาซะฮ์), สำนักพิมพ์ศูนย์อภิสารานุกรมอิสลาม,เตหราน,1376

[4] ฮุร อามิลี, วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 22,หน้า 21,สำนักพิมพ์อาลุลบัยต์

[5] อัฏเฏาะล้าก, 2 وَ أَشهْدُواْ ذَوَىْ عَدْلٍ مِّنکمُ‏ْ وَ أَقِیمُواْ الشَّهَادَةَ لله

[6] ฮุร อามิลี, วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 22,หน้า 25 و لا یجوز الطلاق إلا بشاهدین ...

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เหตุใดศาสนาจึงขัดต่อหลักสติปัญญา?
    6980 เทววิทยาใหม่ 2554/09/04
    สติปัญญาถือเป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมจากภายในส่วนชะรีอัต(ศาสนา)ก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมจากภายนอกทั้งสองมีหน้าที่นำพามนุษย์สู่ความผาสุกและความสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เครื่องพิสูจน์สัจธรรมจากภายในและภายนอกจะขัดแย้งกันเองจากการที่สติปัญญานับเป็นปรากฏการณ์หนึ่งและการที่ทุกปรากฏการณ์มีข้อจำกัดศักยภาพของสติปัญญาก็มิอาจอยู่เหนือกฏเกณฑ์นี้ได้จึงมีศักยภาพประมวลผลในระดับของสรรพสิ่งถูกสร้างเท่านั้นโดยไม่อาจที่จะหยั่งรู้ถึงสถานภาพที่แท้จริงของพระเจ้าได้อย่างถี่ถ้วนเนื่องจากทรงปราศจากข้อจำกัด
  • ฮะดีษนี้เศาะฮี้ห์หรือไม่: การภักดีต่ออลี(อ.)คือสัมมาคารวะที่แท้จริง และการไม่ภักดีต่อท่าน คือการปฏิเสธพระเจ้า
    7308 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/11/09
    ฮะดีษนี้มีเนื้อหาที่ถูกต้องเนื่องจากมีรายงานอย่างเป็นเอกฉันท์กล่าวคือมีฮะดีษมากมายที่ถ่ายทอดถึงเนื้อหาดังกล่าวอย่างไรก็ดีการปฏิเสธในที่นี้ไม่ไช่การปฏิเสธอิสลามแต่เป็นการปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงแน่นอนว่าการปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงย่อมมิได้ทำให้บุคคลผู้นั้นอยู่ในฮุก่มของกาเฟรทั่วไปในแง่ความเป็นนะญิส ...ฯลฯต้องเข้าใจว่าที่เชื่อว่าการไม่จงรักภักดีต่อท่านอิมามอลี(อ.)เท่ากับปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะการจงรักภักดีต่อท่านคือแนวทางสัจธรรมที่พระองค์ทรงกำหนดฉะนั้นผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านก็เท่ากับฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์
  • “ฟาฏิมะฮ์”แปลว่าอะไร? และเพราะเหตุใดท่านนบีจึงตั้งชื่อนี้ให้บุตรีของท่าน?
    23536 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2554/06/12
    ไม่จำเป็นที่ชื่อของคนทั่วไปจะต้องสื่อความหมายพิเศษหรือแสดงถึงบุคลิกภาพของเจ้าของชื่อเสมอไปขอเพียงไม่สื่อความหมายถึงการตั้งภาคีหรือขัดต่อศีลธรรมอิสลามก็ถือว่าเพียงพอแต่กรณีปูชณียบุคคลที่ได้รับการขนานนามจากอัลลอฮ์เช่นท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซะฮ์รอ(ส) นามของเธอย่อมมีความหมายสอดคล้องกับคุณลักษณะเฉพาะตัวอย่างแน่นอนนาม “ฟาฏิมะฮ์”มาจากรากศัพท์ “ฟัฏมุน” ...
  • การสู่ขออดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลามที่ชื่ออุร็อยนับโดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน มีผลต่อเหตุการณ์กัรบะลาอย่างไร?
    7756 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่าแม้ยะซีดจะมีสิ่งบำเรอกามารมณ์อย่างครบครันแต่ก็ยังอยากจะเชยชมหญิงที่มีสามีแล้วอย่างอุร็อยนับบินติอิสฮ้ากภรรยาของอับดุลลอฮ์บินสะลามมุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อของยะซีดจึงคิดอุบายที่จะพรากหญิงสาวคนนี้จากสามีเพื่อให้ลูกชายของตนสมหวังในกามราคะอิมามฮุเซน(อ.) ทราบเรื่องนี้เข้าจึงคิดขัดขวางแผนการดังกล่าวโดยใช้บทบัญญัติอิสลามทำลายอุบายของมุอาวิยะฮ์และปล่อยให้อุร็อยนับคืนสู่อับดุลลอฮ์บินสะลามผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่งทำให้ยะซีดหมดโอกาสที่จะย่ำยีครอบครัวนี้ได้อีกต่อไปแม้รายงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะมีข้อกังขามากพอสมควรแต่สมมติว่าเป็นเรื่องจริงก็มิไช่เรื่องเสียหายสำหรับอิมามฮุเซนแต่อย่างใดกลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดีอนึ่งไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุนองเลือดที่กัรบะลา ...
  • เหตุใดจึงไม่อนุญาตให้นำทองใหม่(รูปพรรณ)ไปแลกเปลี่ยนกับทองเก่าที่มีน้ำหนักมากกว่า?
    9551 ปรัชญาของศาสนา 2554/10/23
    กุรอานและฮะดีษห้ามปรามธุรกรรมที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยอย่างชัดเจนโดยได้อธิบายเหตุผลไว้อย่างสังเขปอาทิเช่นทำลายช่องทางการกู้ยืมเป็นการขูดรีดผู้เดือดร้อนและเป็นเหตุให้สูญเสียการลงทุนในด้านที่สังคมขาดแคลนเหตุผลข้างต้นล้วนเกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยประเภทกู้ยืมทั้งสิ้นส่วนดอกเบี้ยประเภทซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้นเราไม่พบเหตุผลใดๆทั้งในกุรอานและฮะดีษทำให้เราไม่อาจจะทราบถึงเหตุผลได้อย่างไรก็ดีเรายังต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ท่านนบีและบรรดาอิมามกล่าวไว้แต่ก็มิได้หมายความว่าไม่มีเหตุผลหรือปรัชญาใดๆแฝงอยู่ในเรื่องนี้ ผู้รู้บางท่านสันนิษฐานเกี่ยวกับเหตุผลของการห้ามดอกเบี้ยประเภทแลกเปลี่ยนว่าอาจเป็นเพราะธุรกรรมดังกล่าวจะถูกใช้เป็นช่องทางหลบเลี่ยงดอกเบี้ยประเภทกู้ยืมหรือกล่าวได้ว่าดอกเบี้ยประเภทแลกเปลี่ยนคือประตูไปสู่ดอกเบี้ยประเภทกู้ยืมนั่นเอง ...
  • เราสามารถที่จะใช้เงินคุมุสที่เกิดขึ้นจากการออมทรัพย์เพื่อการซื้อบ้านได้หรือไม่?
    5902 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/08
    ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณจะต้องกล่าวว่า: ตามทัศนะของท่านอายาตุลลอฮ์อุซมาคอเมเนอีเงินออมจากกำไรของผลประกอบการนั้นแม้จะเป็นการออมเพื่อใช้ชำระในชีวิตประจำวันแต่เมื่อถึงปีคุมุสแล้วจะต้องชำระคุมุสนอกจากได้มีการออมเพื่อซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตหรือค่าใช้ชำระจำเป็น
  • โปรดอธิบาย ปรัชญาของการกล่าวข้อผูกมัดนิกาห์ คืออะไร?
    8883 จริยศาสตร์ 2555/06/30
    ตามคำสอนของอิสลามการแต่งงานถือเป็นข้อตกลงที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับการจัดตั้งครอบครัวและสิ่งที่ติดตามมาคือ, ระบบสังคม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีผลสะท้อนและบทสรุปอย่างมากมาย เช่น : เพื่อตอบสนองความต้องการทางกามรมย์, ผลิตสายเลือดและรักษาเผ่าพันธุ์, สร้างความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์, สร้างความสงบมั่นแก่จิตใจ, เป็นการรักษาความสะอาดบริสุทธิ์, เป็นการส่งเสริมความผูกพันให้มั่นคง และประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย, ดังนั้น การจัดการข้อตกลงศักดิ์สิทธิ์นี้ให้สมประสงค์ได้, มีเพียงการปฏิบัติไปตามกฎเกณฑ์พื้นฐาน และเงื่อนไขอันเฉพาะที่อัลลอฮฺ ทรงกำหนดไว้เท่านั้น จึงจะเป็นไปได้. เช่น เงื่อนที่ว่านั้นได้แก่การกล่าวข้อผูกมัดนิกาห์ ด้วยคำพูดเฉพาะ (ดังกล่าวไว้ในหนังสือริซาละฮฺต่างๆ) พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกรในฐานะของ พระเจ้าผู้ทรงกำหนดกฎระเบียบ พระองค์คือผู้ทรงกำหนดคำพูดอันทรงเกียรติยิ่งนี้ และให้ความน่าเชื่อถือ พร้อมกับการเกิดขึ้นของคำพูดดังกล่าวในฐานะ อักดฺนิกาห์, จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเป็นสามีภรรยา ระหว่างชายกับหญิงขึ้น. การแต่งงานมิได้หมายถึง ความพอใจของสองฝ่ายเท่านั้น ทว่าเป็นความพึงพอใจและการยินยอมของทั้งสองฝ่าย อันถือว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งสำหรับการแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการอ่านอักดฺนิกาห์ปัจจุบันนี้ เพื่อให้การแต่งงานนั้นถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการชัรอียฺ. การแต่งงาน มิได้หมายถึงความพอใจของสองฝ่ายเท่านั้น ทว่าเป็นความพึงพอใจและยินยอมของทั้งสองฝ่าย อันถือว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการแต่งงาน ...
  • คำพูดทั้งหมดของพระศาสดา (ซ็อล ฯ) ถือว่าเป็นวะฮฺยูหรือไม่?
    7900 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ,ในประเด็นที่กำลังกล่าวถึงแตกต่างกันบางคนได้พิจารณาการตีความของโองการที่ 3,4 ของอัลกุรอานบทนัจมฺ[i]ซึ่งเชื่อว่าคำพูดทั้งหมดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ตลอดจนการกระทำต่างๆของท่านมาจากวะฮฺยูทั้งสิ้นบางคนเชื่อว่าโองการที่ 4 ของบทอันนัจมฺนั้นกล่าวถึงอัลกุรอานกะรีมและบรรดาโองการต่างๆที่ประทานให้แก่ท่านศาสดา,แม้ว่าซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะเป็นข้อพิสูจน์และเป็นเหตุผลก็ตามซึ่งคำพูดการกระทำและการนิ่งเฉยของท่านมิได้เกิดจากอารมณ์อย่างแน่นอนสิ่งที่เข้าใจได้จากสิ่งที่กล่าวถึงในตรงนี้คือสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าทั้งความประพฤติและแบบอย่างของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) มิได้กระทำลงไปโดยปราศจากวะฮียฺอย่างแน่นอนดังเช่นคำพูดของท่านก็เป็นเช่นนี้ด้วยแม้ว่าจะเป็นคำพูดประจำวันคำพูดสามัญทั่วไปตลอดการดำรงชีวิตของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็ตามสิ่งนั้นก็จะไม่เกิดจากอารมณ์อย่างเด็ดขาดซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะล่วงละเมิดกระทำความผิด[i]
  • เคยได้ยินฮะดีษที่ว่าท่านนบี(ซ.ล.)ได้บั่นศีรษะชัยฏอนไปแล้ว, ฮะดีษนี้เชื่อถือได้เพียงใด? แล้วการล่อลวงของชัยฏอนจะตีความอย่างไร?
    10068 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    ฮะดีษที่ดังกล่าวมีอยู่จริงในขุมตำราฮะดีษของเรา อย่างไรก็ดี ฮะดีษดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ“เยามิล วักติล มะอ์ลูม”(วันเวลาที่กำหนดไว้)ดังคำบอกเล่าของกุรอาน อิบลีสถูกเนรเทศออกไปจาก ณ พระองค์ แต่มันได้ขอให้ทรงประวิงเวลา อัลลอฮ์ตัดสินคาดโทษอิบลีสจนถึง“เยามิล วักติล มะอ์ลูม” ฮะดีษที่ถามมาต้องการจะเฉลยปริศนาเกี่ยวกับวันเวลาดังกล่าว โดยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในยุคแห่งร็อจอะฮ์(ยุคต่อจากกาลสมัยของอิมามมะฮ์ดี ที่บรรดาอิมามในอดีตจะหวลกลับมาบริหารรัฐอิสลามโลก) หาไช่วันสิ้นโลกหรือวันกิยามะฮ์ไม่.
  • ท่านนบี(ซ.ล.)เคยกล่าวไว้ดังนี้หรือไม่? “หากผู้คนล่วงรู้ถึงอภินิหารของอลี(อ.) จะทำให้พวกเขาปฏิเสธพระเจ้าเพราะจะโจษขานว่าอลีก็คือพระเจ้านั่นเอง(นะอูซุบิลลาฮ์)”
    9480 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    เราไม่พบฮะดีษที่คุณยกมาในหนังสือเล่มใดแต่มีฮะดีษชุดที่มีความหมายคล้ายคลึงกันปรากฏอยู่ในตำราหลายเล่มซึ่งขอหยิบยกฮะดีษบทหนึ่งจากหนังสืออัลกาฟีมานำเสนอพอสังเขปดังนี้อบูบะศี้รเล่าว่าวันหนึ่งขณะที่ท่านนบี(ซ.ล.)นั่งพักอยู่ท่านอิมามอลี(อ.)ก็เดินมาหาท่านท่านนบีกล่าวแก่อิมามอลี(อ.)ว่า “เธอคล้ายคลึงอีซาบุตรของมัรยัมและหากไม่เกรงว่าจะมีผู้คนบางกลุ่มยกย่องเธอเสมือนอีซาแล้วฉันจะสาธยายคุณลักษณะของเธอกระทั่งผู้คนจะเก็บดินใต้เท้าของเธอไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60456 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58040 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42567 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39900 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39207 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34318 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28371 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28292 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28224 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26170 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...