การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
13296
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/19
 
รหัสในเว็บไซต์ fa6747 รหัสสำเนา 20877
คำถามอย่างย่อ
ฮะดีษที่ว่า “วันที่มุสลิมจะจำแนกเป็น 73 จำพวกจะมาถึง” เชื่อถือได้หรือไม่?
คำถาม
กรุณาเล่าว่าอิสลามมีสำนักคิดด้านอะกีดะฮ์กี่กลุ่ม? ดิฉันอ่านเจอฮะดีษที่ว่า “วันที่มุสลิมจำแนกออกเป็น 73 จำพวกจะมาถึง” ฮะดีษนี้เชื่อถือได้เพียงใด กรุณาให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

ฮะดีษชุดการแตกแยกของอุมมะฮ์มีบันทึกในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตามสายรายงานที่หลากหลาย
เนื้อหาของฮะดีษเหล่านี้ล้วนระบุถึงการที่มุสลิมจำแนกเป็นกลุ่มก้อนภายหลังท่านนบี(..) ซึ่งถือเป็นเอกฉันท์ในแง่ความหมาย ส่วนในแง่สายรายงานก็มีฮะดีษที่เศาะฮี้ห์และสายรายงานเลิศอย่างน้อยหนึ่งบท

คำตอบเชิงรายละเอียด

คงต้องยอมรับว่าภายหลังการเสียชีวิตของนบีแต่ละท่าน มักจะเกิดความสับสนในหมู่สาวกเสมอมา และจากการที่ท่านนบีมุฮัมมัด(..)หยั่งรู้ถึงอนาคตของประชาชาติของท่าน จึงได้แจ้งเรื่องดังกล่าวไว้เป็นฮะดีษบทต่างๆ 

ฮะดีษชุดการแตกแยกของอุมมะฮ์มีบันทึกในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตามสายรายงานที่หลากหลาย[1] ในฝ่ายชีอะฮ์ ฮะดีษนี้ปรากฏในหนังสือคิศ้อลของเชคเศาะดู้ก ตัฟซี้รอัยยาชี และอิห์ติญ้าจของเฏาะบัรซี[2] กล่าวกันว่าฮะดีษชุดนี้มีความเป็นเอกฉันท์ในแง่เนื้อหา อันหมายความว่า แม้ตัวบทของแต่ละฮะดีษจะมีข้อแตกต่างกัน แต่สื่อความหมายเดียวกัน

เนื้อหาดังกล่าวระบุว่า ท่านนบีพยากรณ์ไว้ว่า ประชาชาติของท่านจะจำแนกออกเป็นเจ็ดสิบสามจำพวก
ฮะดีษที่ถือว่าเศาะฮี้ห์ที่สุดในชุดนี้ เห็นจะเป็นฮะดีษที่ท่านกุลัยนีรายงานในหนังสืออัลกาฟีจากอิมามมุฮัมมัดบากิร(.) ซึ่งจะนำมาวิเคราะห์สายรายงานและเนื้อหาเป็นกรณีศึกษา

สายรายงานฮะดีษดังกล่าว
มุฮัมมัด บินยะฮ์ยา รายงานจากอะห์มัด บิน มุฮัมมัด บินอีซา จาก อิบนิ มะฮ์บู้บ จาก ญะมี้ล บิน ศอลิห์ จาก อบูคอลิด กาบุลี จาก อิมามบากิร(.)

โดยทั่วไปแล้ว ฮะดีษมีหลายประเภท หากสายรายงานทุกคนเป็นชีอะฮ์และเชื่อถือได้ ในวิชาฮะดีษจะเรียกว่าเศาะฮี้ห์[3] ยิ่งถ้าหากสายรายงานทุกคนเป็นผู้มีชื่อเสียงก็ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ฮะดีษดังกล่าวก็มีลักษณะเช่นนี้ เพราะสายรายงานทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียง มุฮัมมัด บิน ยะฮ์ยาเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ นะญาชีกล่าวถึงเขาว่าเขาเป็นสหายผู้ยิ่งใหญ่ของเราในยุคนั้น ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจอย่างยิ่ง[4] ส่วนอะห์มัด บินมุฮัมมัด บินอีซา นะญาชีกล่าวว่าเขาเป็นครูบาและเป็นผู้เชี่ยวชาญฟิกเกาะฮ์ในหมู่ชาวกุม[5] ฮะซัน บินมะฮ์บู้บก็ถือเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ และยังเป็นอัศฮาบุ้ลอิจมาอ์ด้วย[6] ส่วนญะมีล บิน ศอลิห์ และอบูคอลิด กาบุลีก็ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น[7]

ฉะนั้น ฮะดีษดังกล่าวจึงถือเป็นฮะดีษเศาะฮี้ห์ในแง่สายรายงาน

เนื้อหาฮะดีษ
ฮะดีษนี้เป็นการตัฟซี้รโองการที่ 29 ซูเราะฮ์อัซซุมัร โดยอิมาม(.)ได้กล่าวว่ายิวแตกออกเป็นเจ็ดสิบเอ็ดกลุ่มภายหลังนบีมูซา(.) เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ ที่เหลืออยู่ในนรก คริสเตียนก็แตกเป็นเจ็ดสิบสองกลุ่ม เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ ที่เหลืออยู่ในนรก ส่วนประชาชาตินบีมุฮัมมัด(..)จะแตกออกเป็นเจ็ดสิบสามกลุ่ม เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ เจ็ดสิบสองกลุ่มที่เหลืออยู่ในนรก ในจำนวนเจ็ดสิบสามกลุ่ม มีสิบสามกลุ่มที่รักเราอะฮ์ลุลบัยต์[8] แต่มีเพียงกลุ่มเดียวที่เข้าสวรรค์ สิบสองกลุ่มที่เหลือ บวกกับอีกหกสิบกลุ่มล้วนอยู่ในไฟนรก[9]

สรุปได้ว่าฮะดีษนี้เศาะฮี้ห์ทั้งในแง่สายรายงานและเนื้อหา เนื่องจากได้รับการเสริมความน่าเชื่อถือโดยฮะดีษอื่นๆที่มีความหมายใกล้เคียงกัน อนึ่ง ฮะดีษมากมายที่มีเนื้อหาดังกล่าวล้วนระบุว่าชีอะฮ์ของอิมามอลี(.)เป็นกลุ่มที่รอดภัย[10]

เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ กรุณาอ่านจาก:
คำถามที่ 192 (ลำดับในเว็บไซต์ 2381) สาเหตุการเกิดสำนักคิดในอิสลาม
คำถามที่ 4932 (ลำดับในเว็บไซต์ 5182) แรงจูงใจที่ทำให้เกิดมัซฮับต่างๆ



[1] เฏาะบาเฏาะบาอี,มุฮัมมัดฮุเซน,อัลมีซาน,แปลโดยมูซะวี ฮะมะดอนี,เล่ม 3,หน้า 588,อินติชาร้อตอิสลามี,กุม, และ ญะฟะรี,ยะอ์กู้บ,ตัฟซี้รเกาษัร,เล่ม 3,หน้า 443

[2] มัจลิซี,มุฮัมมัดบากิร,บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 28,หน้า 4,สำนักพิมพ์อัลวะฟา,เบรุต,..1404

[3] ใช้โปรแกรมดิรอยะตุ้นนู้ร,ศัพท์วิชาฮะดีษ

[4] นะญาชี,ริญาลนะญาชี,หน้า 353 ,อินติชาร้อตอิสลามี,กุม,..1407

[5] เพิ่งอ้าง,หน้า 83

[6] ดู: ริญ้าลกัชชี,หน้า 556

[7] ดู: ริญ้าลนะญาชี,หน้า 127,และริญ้าลกัชชี,หน้า 10, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมัชฮัด 1348

[8] อาจหมายถึงกลุ่มชีอะฮ์ที่มิได้เชื่อในสิบสองอิมาม

[9] กุลัยนี,มุฮัมมัด บิน ยะอ์กู้บ,อัลกาฟี,เล่ม 8,หน้า 224,ดารุลกุตุบุลอิสลามียะฮ์,เตหราน 1368

[10] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 28,หน้า 2, หมวดความแตกแยกของอุมมะฮ์ภายหลังนบี

ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60524 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58107 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42639 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40006 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39257 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34379 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28445 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28364 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28289 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26219 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...